PK Perfumes - Cuir Moderne
จุดเริ่มต้นมาจากการสร้างสรรค์กลิ่นหนังที่จะเป็นโทนทันสมัยและสร้างเสน่ห์ในการใช้งานแบบยามค่ำคืนที่เติมเต็มในยามราตรีที่ได้หมดทั้งความดึงดูด เย้ายวน และมีเสน่ห์แบบที่มีความเป็นเอกเทศของการสร้างสรรค์กลิ่นตามแบบฉบับความมั่นใจของสุคนธกรอย่าง Paul Kiler ที่จัดหนักจัดเต็มอยู่เสมอ แต่เพราะว่าโทนกลิ่นหนังที่มีอยู่ในท้องตลาดก็มีมากมายหลากหลาย อะไรล่ะ? ที่จะเอามาสร้างเสน่ห์ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ในสไตล์ของ PK Perfumes
ซึ่งนั่นก็คือ Apricot Brandy และดอกหอมหมื่นลี้ (Osmanthus) ที่จะเอามาสร้างความแตกต่างในการสร้างเสน่ห์ทางกลิ่น เช่นนั้นได้เวลามาลองกันให้รู้ ดมกันให้สุดว่าโทนหนังของแบรนด์ PK Perfumes ในรุ่น Cuir Moderne จะออกมาเป็นอย่างไร
เปิดต้นกลิ่นมาชัดเจนเลยว่าโทนหนังจะเป็นศูนย์กลางของกลิ่น ซึ่งเดาไม่ยากว่าจะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบแน่นอน โดยในช่วงต้นจะเป็นเสมือนพื้นกลิ่นที่มีอะโรม่าของกลิ่นหนังติดเข้มทึบอารมณ์แบบแจ็คเกตหนังชั้นดีที่กลิ่นมีความอวลหนังมีเสน่ห์แบบงามๆ แต่จะให้กลิ่นโทนแอปริคอตที่ออกทางเหล้าเข้มๆ ที่เป็นลักษณะของ Apricot Brandy วูบเข้ามาจนได้อารมณ์แบบกลิ่นเหล้าผลไม้หอมๆ และไม่พอยังมีกลิ่นกึ่งแอปริคอตกึ่งดอกไม้ซึ่งเป็นโทนกลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ที่มีความกึ่งๆ ติดน้ำมันหอมระเหยสกัดหน่อยๆ เสริมให้กลิ่นโทนเหล้าแอปริคอตมีมิติที่ดึงดูดมากขึ้นและมีความเป็นธรรมชาติเข้ามาร่วมด้วย ที่สำคัญเนื้อกลิ่นแอบมีโทนสะอาดๆ กึ่งดอกไม้ขาวหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ของดอกส้มที่สกัดจากตัวทำละลายหรือ Orange Blossom ด้วยเลยทำให้ช่วงต้นจะเป็นกลิ่นโทน Floral Fruity ที่รองพื้นด้วยหนังทึบเท่ห์แต่มีลูกเล่นโทนสะอาดเนียนๆ ได้น่าสนใจมาก ซึ่งแม้ว่าบางวูบจะให้ความรู้สึกแนวๆ สบู่อาเซปโซไปบ้าง แต่มิติทางกลิ่นที่มีโทนเหล้าผลไม้กึ่งดอกไม้หอมปนหวานแอปริคอต ก็ทำให้เนื้อกลิ่นมีระดับมากขึ้นไปอีกสเต็ปชัดเจน
การส่งต่อเข้าสู่ช่วงกลางเนื้อกลิ่นจะมีมิติที่ค่อนข้างมีความเย้ายวนดึงดูดโดยไม่ได้พยายามให้ดูดาร์กหรือพยายามให้ดูเซ็กซี่เกินกว่าเหตุ เพราะจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างโทนแป้งจากไอริสที่เป็นตัวกลางที่ดีมากในการเชื่อมโทนกับโทนหนังและกลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ สร้างอารมณ์เซ็กซี่แบบไม่ต้องพยายามแต่ดึงดูดให้เข้าใกล้ เพราะจะได้โทนแป้งติดหนังค่อนไปทางหนังกลับแต่มีลูกเอื้อนหอมกึ่งดอกไม้กึ่งแอปริคอตเนียนๆ ที่มีเสน่ห์มากเกินคาด ที่สำคัญมีกลิ่นออกทางราสเบอร์รี่อ่อนๆ แกมกลิ่นมะลิเข้ามาเสริมด้วย เลยทำให้เนื้อกลิ่นยังคุมโทน Fruity Floral ได้อยู่ และมีโทนเครื่องเทศที่ให้ความปร่าอ่อนๆ เย้าจมูกรวมอด้วย เสริมให้กลิ่นไล่โทนจากแป้งหอมเย้าเซ็กซี่ที่มีความหอมเจือหวานนวลๆ มีความปร่าเนียนๆ สู่กลิ่นหนังที่มีโทนออกทางหนังกลับแกมหนังปกติที่มีความเซ็กซี่แบบไม่ต้องเยอะสิ่งและพยายาม ถือว่าช่วงนี้แหละที่มีพลังและมีเสน่ห์ทางเนื้อกลิ่นมากจริงๆ
ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงท้าย จะมีโทนกลิ่นบางอย่างที่เริ่มเปิดตัวออกมาโดยจะได้อารมณ์แบบกลิ่นคล้ายควันบุหรี่หน่อยๆ ซึ่งมีความหวานโปร่งของยาสูบ และมีกลิ่นออกทางไม้หอมลึกๆ ที่เนียนๆ แบบเบาๆ เข้ามาที่เป็นลักษณะแบบ Oud ทำให้ลักษณะกลิ่นมีลูกเอื้อนแบบ Tobacco Oud เข้ามาเนียนๆ รวมกับกลิ่นโทนหนังที่ตอนนี้ความเป็นแป้งเริ่มลดทอนบทบาทลงทีละหน่อย ซึ่งเมื่อเข้าช่วงท้ายเต็มตัว เนื้อกลิ่นจะมีโทนหนังที่ชัดขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นแนวควันบุหรี่ที่มียาสูบแฝงอยู่ตลอดแกมแป้งหอมบางๆ และมีปร่าระเรื่อพิมเสนเย้าๆ อยู่ตลอด ซึ่งอันนี้เรียกว่าตอบโจทย์กลิ่นอายเซ็กซี่เนียนๆ แบบไม่ต้องดูพยายามได้พอเหมาะพอเจาะมาก ปิดท้ายโดยให้ความกึ่งกลางกำลังดีระหว่างความ Classic ก็ได้ มีความทันสมัยในเนื้อกลิ่นก็ลงตัว
เหมาะสำหรับ - Unisex ตรงตัวกลิ่นมีความกลางๆ แต่มีเสน่ห์ที่แตกต่างสร้างออร่าทางกลิ่นที่ได้ความเป็นหนังแต่มีเสน่ห์ที่ได้หมดไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม ซึ่งกลิ่นจะเข้ากับบางสถานการณ์ยามกลางวัน แบบที่จำหนวนสเปรย์เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะดูเกินงามไปถ้าใส่แบบทางการ แต่ถ้าทั่วๆ ไปก็จัดได้สบายมาก แต่สิ่งที่ให้ตัดออกไปได้เลยคือ กิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งกับออกกำลังกาย เดี๋ยวตีขึ้นหนักเกินจนอึดอัดเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนบอกเลยจัดไป เหมาะกับการท่องราตรีหรือออกกงานก็ได้ แบบที่เน้นขับเสน่ห์แบบที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม อารมณ์เท่ห์ๆ และเร้าใจอะไรประมาณนั้นจะลงตัวที่สุด
ความทน - พื้นฐานแตะ 8 ชม. ได้สบายมาก และไปต่อได้อีกถึง 12 ชม. ก็เจออยู่บ่อยครั้ง เรียกว่าเรื่องนี้ไม่ห่วง เพราะทำได้ดีเลยทีเดียว
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่แรกยันต้นช่วงท้ายเลย ส่งพลังทางกลิ่นที่ทั้งเท่ห์ น่าค้นหา และมีเสน่ห์ที่แตกต่าง แล้วพอเข้าช่วงท้ายจะลดลงมาปานกลางไปซักระยะ พอแตะประมาณชั่วโมงที่ 6 เป็นต้นไป ก็จะเริ่มลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวที่เวลาขยับเนื้อตัวกลิ่นจะฟุ้งออกให้คนรอบข้างรู้สึกได้ แล้วจะค่อยๆ เป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปราวๆ 10 ชม. แล้ว
สรุป - สิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยอิงตามประสบการณ์ส่วนตัวช่วงแรกๆ จะเหมือนได้กลิ่นสบู่อาเซปโซก้อนเขียวที่มีกลิ่นเหล้าแอปริคอตกับดอกไม้คลอๆ และมีโทนที่เหมือน Serge Lutens - Daim Blond แต่เข้มและดาร์กกว่า แต่พอสลัดเอาความคิดนั้นออกไปเจาะจงที่เนื้อกลิ่น ถือว่าเป็นการจับคู่ที่ดีมากในการเอาโทนหนังที่มีทั้งหนังปกติและให้อารมณ์แบบหนังกลับเป็นจุดศูนย์กลางของกลิ่นแล้วเอากลิ่นดอกหอมหมื่นลี้กับเหล้าแอปริคอตที่เข้ากันพอดิบพอดีมาเป็นตัวสร้างเสน่ห์ โดยจะได้อารมณ์โทนหนังที่ต่างความรู้สึกไล่โทนมาเรื่อยๆ ทั้งกลั้วโทน Floral Fruity กลั้วโทนยาสูบกึ่ง Oud อ่อนๆ ที่ให้ความเท่ห์ทันสมัย และกลั้วโทนแป้งที่มีความอบอุ่นเย้ายวนเนียนๆ เรียกว่าเป็นการนำเสนอกลิ่นหนังที่ดีมีชั้นเชิงให้ความห่ามแกมเย้าได้อย่างลงตัวมากๆ อีกหนึ่งกลิ่นเลยทีเดียว
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ถือเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://pkperfumes.com/shop/cuir-moderne/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น