วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

Review: Giorgio Armani - Armani Privé: Pivoine Suzhou

Giorgio Armani - Armani Privé: Pivoine Suzhou

ผ่าน Collection ที่เป็น Exclusive ของแบรนด์ High-End ต่างๆ มาก็พอสมควร แต่พอดูไปดูมา ยังไม่เคยที่จะได้เข้าสู่การเล่ากลิ่นในสายการเป็น Exclusive ของ Giorgio Armani เลยซักครั้ง เพราะวนเวียนอยู่แต่กลับกลิ่นสาย Mass Market ของแบรนด์นี้มาตลอด เช่นนั้นสบโอกาสจึงขอมาเจอความโอกูตูร์กับความเป็น Armani Prive กันซักหน่อย เพราะขึ้นชื่อว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน

ก่อนจะเข้าเรื่องน้ำหอม มาท้าวความกันนิดนึงว่า Armani Prive ถือเป็น Line ที่แยกออกมาเน้นความ High-End ขั้นสุดแบบที่เน้นแฟชั่นโอกูตูร์หรูหราจัดเต็ม และแน่นอนว่ามาในด้านน้ำหอมด้วย โดยถือว่าเป็นอีกหนึ่งในความดีงามทางด้านกลิ่นที่หลายๆ สำนักยกย่องเทียบชั้นในคุณภาพกลิ่นที่ Luxury มากมาย เช่นนั้น ขอมาเบิกทางที่ได้มีโอกาสสัมผัสกลิ่นนี้เป็นตัวแรกในสายนี้โดยมาแตะที่ความเป็นตระกูล EDT หรือ Les Eaux Collection กับกลิ่นอายที่เอาแหล่งมรดกโลกอย่าง Suzhou Garden ณ ประเทศจีน ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยสามก๊ก โดยเอาความเป็นกลิ่นอายสไตล์สวน + กับดอกโบตั๋นมานำเสนอ เช่นนั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกันว่ากลิ่นจะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร

Pivoine Suzhou เพียงแค่กลิ่นเปิดก็บอกถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้เลยว่า กลิ่นนี้มีความเป็นสีชมพูอ่อนมาเต็ม และจะเป็นสีชมพูที่ยาวไปแน่นอนแบบไม่ต้องเดาอะไรให้มากความ แบบที่เห็นถึงความเป็นสไตล์มินิมัลกันยาวๆ ไปแน่ๆ ซึ่งช่วงเปิดจะให้อารมณ์ 3 โทนหลัก + 1 โทนเสริมได้อย่างน่าสนใจมาก ซึ่งใน 3 โทนหลักจะเป็นกลิ่นโทนผลไม้ที่ให้ความหวานหอมติดใสๆ ของราสเบอร์รี่ ที่มีโทนติดเปรี้ยวเจือหวานในสาย Citrus ที่เป็นกลุ่มโทนที่ 2 ของส้มเคล้าโทนติดขมหน่อยๆ ที่คาดว่าต้องมีมะกรูดฝรั่ง (ฺBergamot) รวมอยู่ด้วยเพราะว่ามีกลิ่นออกทางเปรี้ยวติดขมที่มีความเขียวหน่อยๆ แฝงแบบกลิ่นอายบรรยากาศ ตามด้วยโทนที่ 3 ที่เรียกว่าเป็นตัวเอกแบบมานิ่งๆ เอาเอาจริงในการอยู่ยาวๆ นั่นคือดอกไม้หอมหวานแกมสดชื่นโปร่งๆ ค่อนไปทางกุหลาบสีชมพูซึ่งเดาไม่ยากว่าลักษณะกลิ่นของโบตั๋นที่เข้ามาผนวกได้พอดิบพอดีกับกลิ่นโทนผลไม้ โดยที่จะมีโทนแฝงแบบแอบชัดเป็นในการเป็นฉากหลังที่สร้างมิติกลิ่นได้น่าสนใจมากนั่นคือโทนพริกไทย แต่เพราะมีความติดฝาดแกมปร่านวลหน่อยๆ แกมกลิ่นกุหลาบบางๆ เลยเป็นลักษณะของการเป็นพริกไทยสีชมพูที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนค่อนไปทางโบตั๋นชัดเจนขึ้นไปอีก เรียกว่าเปิดมาก็สร้างอารมณ์กลิ่นเฟมินีนเต็มตัวเลย

ช่วงกลางถือว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ เพียงแต่จะลดทอนบทความของการเป็นโทน Citrus ลง เหลือเพียงประปราย แต่เพิ่มความเป็นโทนดอกไม้แนวกุหลาบสดชื่นเข้ามามากขึ้น ตามด้วยกลิ่นของผลไม้หวานหอมของราสเบอร์รี่และกลิ่นปร่าเผ็ดนวลรองพื้นของพริกไทยสีชมพูที่ทำให้กลิ่นมีน้ำหนักในระดับที่กำลังดี โดยยังมีความนวลแกมโปร่งอยู่ตลอด ซึ่งแน่นอนเนื้อกลิ่นคือหวานหอมดอกโบตั๋นที่ไม่ได้ยัดเยียดจนดูเหมือนงงในดงโบตั๋นจากไหน แต่ให้ความสดชื่นแกมนวลระเรื่อ หวานแบบได้ทั้งสดใสก็ได้ อ่อนโยนก็ดี โดยเนื้อกลิ่นไล่สเต็ปการรับรู้เป็นโทนสีไล่เฉดจากชมพูอ่อนโปร่งๆ สู่ชมพูอ่อนนวลๆ ได้ลงตัวมาก โดยมีความมินิมัลที่ไม่ซับซ้อน แต่เอาอยู่ในแง่ของการเป็นน้ำหอมผู้หญิงสีชมพูที่มีระดับแบบเป็นธรรมชาติกำลังดี แม้ว่าจะมีลูกเอื้อนแบบโทนกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงสาย Mass Market อยู่บ้างก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นก่อนเข้าสู่ช่วงท้ายจะเริ่มลดทอนความเป็นโทนผลไม้ออกไปจนเหลือเพียงประปราย และกลิ่นสาย Citrus ไม่ต้องพูดถึงจากลาไปเรียบร้อยแล้ว แต่กลิ่นโทนดอกโบตั๋นแกมกุหลาบจะยังมีอยู่เพียงแต่จะลดทอนความสดชื่นลงมาเป็นกลิ่นนวลๆ หมอหวานสีชมพูอ่อน โดยมีตัวเข้ามาสอดรับให้ได้ความนุ่มนวลเรียบหรูกำลังดีนั่นก็คือ Musk ที่มีความอบอุ่นหน่อยๆ ของแอมเบอร์อ่อนๆ เนียนอยู่ภายในนั้น ทำให้ได้ความเป็นโทน Musky ที่มีมีความอบอุ่นแกมหวานอ่อนๆ กำลังดี ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แถมมีกลิ่นพิมเสนให้ความปร่าระเรื่อประปรายเนียนๆ ผสมผสานกับกลิ่นราสเบอร์รี่บางๆ รวมอยู่ด้วย ถือเป็นการปิดท้ายที่เรียบง่าย ไม่ปรุงแต่งหรือจงใจให้กลิ่นมีลูกเล่นที่จัดจ้าน แต่เอาความเรียบง่ายที่มีเสน่ห์และเรียบหรูในทีเป็นออร่าห่อรอบกายได้ลงตัว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานได้สบายมาก ซึ่งเนื้อกลิ่นไม่ได้มีความซับซ้อน เพียงแต่มีความละเอียดของเนื้อกลิ่นที่มีคุณภาพดีเลยทีเดียว เลยสร้างออร่าความเป็นผู้หญิงที่หวานสดใสและอ่อนโยนในทีกันแบบยาวๆ ถึงเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะมียกเว้นก็คือใส่ออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางตรงๆ เท่าไหร่ ยกเว้นรอช่วงท้ายนั่นก็จัดไป ส่วนยามค่ำคืนเน้นการใส่ออกงานหรือโรแมนติคจะเข้าทางมากที่สุด

ความทน - เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ซับซ้อน ก็เดาไว้ก่อนว่าความทนอาจจะไม่ได้เป็นตัวเมนนัก “แต่” ดันไม่ใช่ เพราะว่ากลิ่นทนดีงามเลยทีเดียวกับพื้นฐานแตะที่ 8 ชม. แล้วไปต่อได้อีกตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ที่ใช้ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. เป็นเรื่องปกติมากๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปราวๆ 4 ชม. ก่อนจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปราวๆ 4 ชม. แล้วถึงเป็น Skin Scent

สรุป - ความหวือหวาจัดจ้านทางกลิ่นแบบมาเหนือเมฆจากไหนคงไม่ได้มี แต่สิ่งที่มีในน้ำหอมกลิ่นนี้คือเนื้อกลิ่นที่มีคุณภาพและมีความชัดเจนในการสื่อสารกลิ่นอายสวนที่มีดอกโบตั๋นส่งกลิ่นหอมระเรื่อแกมความสดชื่นและอ่อนโยนที่คุมความสมดุลย์ได้ดีทั้งตัวโบตั๋นเอง และกุหลาบที่สร้างมิติกลิ่นสีชมพูได้มีเสน่ห์แบบไม่ต้องเยอะสิ่ง โดยที่เอาความเป็นสาย Mass Market มาอัพเกรดให้มีอารมณ์เรียบหรูมีระดับได้สมกับการเป็น High-End นี่แหละ Pivoine Suzhou ล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เข็มขัดสั้นเขียนไว้ เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”


Photo Credit - https://www.zhpays.ml/ProductDetail.aspx?iid=110145759&pr=89.88

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น