หลังจากที่ได้ลองใช้หนึ่งในกลิ่นที่มีเสน่ห์และเป็นกลิ่นอายสไตล์ Niche Perfume ที่เข้าถึงได้ง่ายจากการเป็น Natural Teller ที่เด่นกับโทนไม้สนไพน์ในกลิ่นที่ออกมาเป็น Second Wave ของแบรนด์อย่าง Lamberjack กับอารมณ์มินิมัลของโทนไม้หอมต่างๆ ที่ให้ความน้อยแต่มาก มีความแมนแบบสบายๆ ปลอดโปร่งแบบอารมณ์ผู้ชาย (ที่อาจจะเป็นช่างไม้หรือไม่ก็ได้) ใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อต หรือแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ชิลล์ๆ แน่นอนว่านี่เป็นหนึ่งในกลิ่นที่ให้ความประทับใจได้สูงมากในการใช้งานยิ่งเฉพาะคนที่ชอบกลิ่นไม้หอมและสนไพน์ปลอดโปร่งเป็นทุนเดิม
แต่เมื่อแบรนด์นี้ได้จบลงและมีการเปลี่ยนแปลงใหม่มาเป็น Tada Parfumeur ก็มีตัวแทนใหม่ที่ให้ความเป็นกลิ่นสนไพน์เข้ามารับช่วงต่อ เพียงแต่ไม่ได้มาซ้ำรอยเดิม เพราะมีการเปลี่ยนแปลง Concept ในการสื่อสารกลิ่นที่จะเป็นในอีกรูปแบบที่บอกถึงความเป็นผู้ชายในอีกสไตล์ที่แตกต่าง เช่นนั้นกลิ่นจะเป็นอย่างไร และสื่อสารออกมาอย่างไรนั้นมาว่ากันเลยที่กลิ่นนี้ Timber Suit
สนไพน์จะเป็นแกนหลักของกลิ่นที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบให้ความเป็นโทนไม้หอมติดปร่าแกมสะอาดได้ความเป็นอารมณ์ Cool ที่ชัดเจนมาก ซึ่งในช่วงเปิดกลิ่นของสนไพน์จะให้อารมณ์แบบกึ่งความเป็นเดทตอลนิดๆ ในทางที่ดี เพราะการมีโทน Citrus ที่เข้ามาแฝงสร้างโทนติดเปรี้ยวอ่อนๆ เนียนๆ และให้ความเป็นสไตล์ Cologne หน่อยๆ ของเลมอน เคล้าความเป็น Herbal ปร่ารื่นจมูกของมินต์ประเภทสเปียร์มินต์ที่จะให้ความปร่าเขียวรื่นจมูก เลยทำให้ได้ความรู้สึกเป็น Woody Cologne กับการเป็นโทนกลิ่นไม้สนไพน์เด่น เสริมด้วยความสดชื่นต่างๆ ทั้งจาก Citrus และสมุนไพร แต่เนื้อกลิ่นก็จะมีความหนาในระดับหนึ่งเพราะมีโทนออกทางอวลนัวแต่ไม่ข้นเกินไปของเม็ดกระวานเข้าร่วมด้วย เลยทำให้กลิ่นมีเลเยอร์ความเป็นกลิ่นไม้หอมติดปร่าที่อวลที่มีความแน่นขึ้นมาในระดับที่พอสมควรและมีความสดชื่นในเวลาเดียวกัน ซึ่งเปิดมาก็บอกชัดเจนเลยว่ากลิ่นเข้าทางการเป็นน้ำหอมผู้ชายสาย Smart Casual แบบเต็มตัว เพราะเนื้อกลิ่นสไตล์นี้จะมีความกึ่งทางการกึ่งแมนนิ่งขรึมสายคูลให้จับต้องได้ตลอด
เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และความเป็นกลิ่นสนไพน์ก็ยังโดดเด่นไม่หนีไปไหนและเรียกว่าเป็นช่วงที่ความเป็นไพน์เด่นที่สุดแล้ว ตัวช่วยต่างๆ ที่ทำให้ความเป็นกลิ่นไม้หอมติดปร่าต่างประดากันเข้ามาอย่างมีชั้นเชิงไม่ว่าจะเป็นจูนิเปอร์เบอร์รี่ที่ให้ความปร่าเขียวมีความเป็นโทนกึ่งเหล้าจินและกลิ่นของสนไซเปรสที่มาสายคนละครึ่ง เพราะมีความเป็นไพน์ครึ่งนึงและมีความเป็นซีดาร์ครึ่งนึง ทำให้ความเป็นโทน Woody สายกลิ่นไม้สนมีความชัดเจนในทุกๆ สโตรกกลิ่นทั้งความปร่าไม้หอมแกม Spicy สะอาดๆ ที่มีความติดเขียวแกมปร่าและมีความเป็นโทนไม้หอมสะอาดๆ ซ้อนอยู่ โดยเนื้อกลิ่นมีความมินิมอลแบบให้ความน้อยไม่ซับซ้อนแต่มีความมากในการสร้างอารมณ์โทนไม้หอมให้น่าจดจำในการเป็นโทนกลิ่นสายสุภาพบุรุษแบบที่มีความ Smart ที่แตะได้ทั้งความร่วมสมัยก็ได้ Classic เนียนๆ ก็ดีและ Modern แบบคูลๆ ก็ชัดเจน อารมณ์กลิ่นแบบเสริมคาแรคเตอร์การใส่สูทแนว Smart Casual แบบผู้ชายที่สร้างลุคเท่ห์ๆ ก็ได้ หรือจะ Smart Business ก็ลงตัวด้วยเช่นกัน ถือว่าครอบคลุมการใช้งานได้ชัดเจนขึ้นในหลายๆ สถานการณ์อีกด้วย
รอยต่อระหว่างช่วงกลางกับท้ายที่นอกจากจะสัมผัสได้ถึงความเป็นไม้หอมที่ยังชัดเจนอยู่ แต่ความเป็นสนไพน์จะค่อยๆ ลดทอนตัวเองลงไปทีละนิด และจะเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นกึ่งอวลไม้อบอุ่นที่เป็นลักษณะของ Ambroxan ได้ชัดเจนขึ้นจากที่ช่วงอื่นเป็นฉากหลังที่โทนสนไพน์กลบไป แต่ก็ไม่ทิ้งลายให้ความอวลกับเนื้อกลิ่นในช่วงนั้นๆ รวมกับกลิ่นติดปร่าขรึมนิ่งๆ ที่เป็นไม้หอมโปร่งๆ ของไม้ซีดาร์ที่เข้ามาทำให้ความเป็น Woody ยังมีความชัดเจนอยู่ และก็จะมีกลิ่นออกทางกึ่ง Musky กึ่งหนังที่เป็นลักษณะของหนังกลับเสริมเข้ามาให้มีความนวลเย้าแบบที่ไม่ได้ดิบห่าม ซึ่งเมื่อความอวลชัดในช่วงกลางเริ่มเบาลงและสนไพน์กลายเป็นตัวเสริมอ่อนๆ ให้กลิ่นโทนไม้หอมกึ่งแอมเบอร์ หรือ Woody Ambery เป็นตัวเด่นขึ้นมาแบบกำลังดี โดยมีกลิ่นหนังกลับที่ให้ความนวลเย้า และมีไอกลิ่นไม้หอมโปร่งที่มีความปร่าอ่อนๆ ประปรายให้จับต้องได้ ก็จะเป็นช่วงท้ายของกลิ่นที่จะให้ความคลอผิวไปเรื่อยๆ ปิดท้ายได้อย่างมีเสน่ห์และมีสไตล์แนว Smart & Cool ได้อย่างลงตัว
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป เพราะกลิ่นมาสายสร้างออร่าแบบ Smart ทั้ง Casual และ Business ก็ได้หมด เอาจริงๆ น้องๆ มหาลัยก็สามารถใช้ได้ ถ้าแต่งตัวเนี้ยบสไตล์ผู้ชายดูแลตัวเองก็เข้าทีไม่น้อย ซึ่งกลิ่นนี้เข้ากับหลายสถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางเท่าไหร่ และเนื้อกลิ่นมีความแน่นอยู่พอสมควรในช่วงต้นเดี๋ยวพอร่างกายฮีทขึ้นตอนบึ้ดจ้ำบึ้ดจะตีจนตึ้บเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรือใส่ท่องราตรีก็ได้อยู่ เพียงแต่ว่าจะไม่ได้มาสายเซ็กซี่ปรอทแตกบอกทุกคนว่าพร้อมรบ เพราะเน้นมาสาย Cool & Smart ที่มีเสน่ห์ดึงดูดแบบเนียนๆ ไม่โจ้งแจ้ง มากกว่า
ความทน - กลิ่นทนลงตัวที่พื้นฐานราว 8 ชม. ได้สบายมาก รวมถึงสามารถไปต่อได้อีกอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 - 15 ชม. เวลาใส่อยู่ในห้องแอร์ตลอด แต่ถ้าวันไหนอยู่กับอากาศร้อนเหงื่อซึมตลอดวัน ก็ราวๆ 8 - 10 ชม. ที่ยังจับต้องกลิ่นได้
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีใน 5 นาทีแรก แล้วจะขยับสเต็ปขึ้นมาดีมากเพราะความแน่นของกลิ่นชัดเจนมากขึ้นไปราวๆ 1 - 2 ชม. ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงมาที่ละสเต็ป จนเมื่อผ่านไปประมาณ 4 ชม. ถึงผ่อนลงมาปานกลางสร้างเสน่ห์แบบกำลังดี ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวเอาราวๆ ชั่วโมงที่ 6 - 7 ไปเรื่อยๆ จนแตะความเป็น Skin Scent เอาในชั่วโมงที่ 9 เป็นต้นไป แต่สิ่งหนึ่งต้องบอกเลยว่า กลิ่นถ้าติดเสื้อจะคุมการกระจายของกลิ่นได้คงทนมากกว่าเดิม อันนี้เจอกับตัวหลังจากที่ฉีดแล้วใส่เสื้อผ้าเลยไม่ได้รอสักครู่ให้กลิ่นเบลนด์ไปกับผิว
สรุป - เป็นน้ำหอมผู้ชายเต็มตัวไม่ได้แตะความเป็น Feminine ใดๆ ให้รู้สึกได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งถือเป็นอีกก้าวที่แตกต่างจากตัว Lamberjack ของแบรนด์ก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีกขั้น มาเป็นผู้ชายสาย Smart ที่ดูแลตัวเองและมีความ Cool เป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิต นี่แหละเข้ากับ Timber Suit มากเลยล่ะ
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.facebook.com/TadaParfumeur
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น