วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Review: Jo Loves - Jo by Jo Loves

Jo Loves - Jo by Jo Loves

ทำน้ำหอมมาก็มากมายเต็มไปหมดกับการเป็น Jo Malone ทั้งมีที่มาที่ไป มีแรงบันดาลใจต่างๆ หรือว่ากันตาม Collection ประจำปีที่ต้องออกมาตามสเต็ป แถมกระตุ้นกิเลสในการนำมา Combine กลิ่นไปอีก ภายใต้การดูแแบรนด์ของเครือใหญ่อย่าง Estee Lauder จนเมื่อหมดสัญญาก็หันมาทำแบรนด์ของตัวเองอย่าง Jo Loves ต่างก็ Create กลิ่นต่างๆ มากมายจากสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ผู้คน และ Notes กลิ่นต่างๆ จนกระทั่งมาถึงรุ่นหนึ่งเดียวกับการนำเสนอความเป็นขวดสีแดงแรงฤทธิ์แตกต่างจากชาวบ้านเขาเลย ซึ่งนั่นก็คือ Jo by Jo Loves

นอกจากขวด ความพิเศษของ Jo by Jo Loves ก็มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจคือ การกลับมามองที่ตัวเอง การทำอะไรเพื่อตัวเอง เลยสร้างกลิ่นอายที่เป็นกลิ่นที่แสดงถึงตัวตนของความเป็น Jo Malone จริงๆ จากความชอบส่วนตัวในกลิ่นอายสาย Citrus โดยเฉพาะกลิ่นเกรปฟรุต ที่ถือว่าเป็น Note กลิ่นสุดโปรดของ Jo อีกด้วย รวมถึงเอาความรู้สึกในการท่องเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนและครอบครัวในวันหยุดที่ต่างประเทศ (อารมณ์เที่ยวยาม Summer ไรงี้) เข้ามาผนวกรวมด้วย เช่นนั้น จัดมาแล้ว ก็ลองให้สุดซักหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไร 

เชื่อมือได้ไม่พอ ยังต้องซูฮกจริงๆ ว่าช่วงเปิดจากฝีมือของ Jo Malone นั้น เรื่อง Citrus ไม่มีพลาด และที่สำคัญยังสร้างสรรค์กลิ่นอายเกรปฟรุตที่เป็น Note กลิ่นโปรดของตัวสุคนธกรได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ จนแบบว่า Grapefruit Is All Around กันอย่างชัดเจน ซึ่งในความเป็นเกรปฟรุตที่เปิดตัวนี้แน่นอนว่าตรงไปตรงมาและมินิมัล แต่มีความซับซ้อนเนียนๆ ในเนื้อกลิ่นเนียนๆ ได้อย่างลงตัวและน่าสนใจกับการผสมผสานกลิ่นโทน Citrus อื่นๆ เข้ามาเสริมให้ความเป็นเกรปฟรุตนั้นมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยจะมีมะนาวเสริมความคมของกลิ่นแบบวูบต้นๆ แกมติดขมหน่อยๆ เติมความ Juicy เบาๆ แบบกลิ่นน้ำส้มใสๆ เข้าไปของส้มขม เลยทำให้เกรปฟรุตที่ได้ในช่วงนี้คือ ผ่าเกรปฟรุต คั้นเกรปฟรุต ทุกอย่างคือ เกรปฟรุต แบบเต็มๆ และไม่พอยังแฝงความเป็นโทนสว่างและสะอาดปลอดโปร่งเข้ามาอีกด้วย เลยทำให้ช่วงเปิดคือสวรรค์ของคนรักกลิ่นเกรปฟรุตมาก และสร้างความสดชื่นได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบที่มีระดับไม่ตะบี้ตะบันยัดเยียดให้ดูเว่อร์วังแต่อย่างใด

เมื่อความเป็นเกรปฟรุตเริ่มผ่อนตัวเองลงมาอีกหนึ่งสเต็ป ก็เป็นการผันตัวเข้าสู่ช่วงกลาง โดยจะมีกลิ่นปร่านวลสะอาดของพริกไทยที่ไม่หนักเกินไปเข้ามา เสริมด้วยความปร่าเขียวอ่อนๆ แนวสมุนไพรบางๆ คล้ายมีมินต์รวมอยู่ด้วยที่สร้างความระเรื่อเย้าจมูกให้โปร่งๆ สบายๆ เบาๆ แต่ในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงกลิ่นที่ออกทางดอกไม้ใสๆ คล้ายน้ำลอยดอกมะลิอ่อนๆ ที่มีความเขียวประปรายเข้ามาร่วมด้วย เลยทำให้เริ่มจะเข้าสู่การเป็นโทนสะอาดที่มีความปร่านวลแกมปร่าเขียวธรรมชาติอ่อนๆ เคล้าปลายกลิ่นเป็นโทน Citrus สว่างผ่อนคลาย ซึ่งพอรวมกันทั้งหมดกลิ่นไม่ได้ซับซ้อนในการสื่อสารเลยว่าเป็นโทนที่สร้างความชิลล์ๆ และสะอาดสดชื่นแบบเรียบหรู ได้ความรู้สึกกึ่งสีขาวกึ่งสีครามอ่อนๆ และโทนสีแสงแดดยามเช้ากึ่งสายแนวๆ นี้เข้ามารวมกัน ชัดเจนว่าความสดชื่นรื่นรมย์นี่แหละเป็นตัวตั้งของเขาล่ะ

พอผ่านไปพอสมควร ก็จะเริ่มสัมผัสถึงกลิ่นไม้หอมที่มีความ Smoky บางๆ แกมไม้แห้งโปร่งๆ แนวสว่างๆ เข้ามาเสริมทีละหน่อย และโทนเกรปฟรุตเริ่มเบาลงไปจนเหลือแค่ Effect ปลายกลิ่นบางๆ ที่สร้างโทนสว่างอยู่ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่เป็นโทนไม้หอมเต็มตัว ซึ่งจะยืนพื้นที่โทนไม้โปร่งๆ สะอาดๆ มีโทนอารมณ์แนวสารหอมแบบ ISO E Super ค่อนไปทางไม้ซีดาร์ที่มีความเป็นไม้โปร่งๆ สบายๆ เคล้ากลิ่นไม้แห้งกึ่ง Earthy ที่เป็นโทนหญ้าแฝกที่มีความติด Smoky เล็กๆ ของไม้กึ่งควันบางๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่า เกลากลิ่นตัดโทนไม่พึงประสงค์ แต่เหลือเสน่ห์ที่ควรจะเป็นของโทนไม้หอมแห้งโปร่งสะอาดและสว่างได้ดี โดยซ่อนความ Smoky บางมากๆ ที่มีเสน่ห์ เรียบหรู นิ่งแต่ Nice ปิดท้ายการเป็นกลิ่นสบายๆ ผ่อนคลายที่ไม่เยอะสิ่ง แต่มีเสน่ห์เรียบง่ายและเรียบหรูได้ครบถ้วน

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ได้หมดถ้าสดชื่น ซึ่งเข้าได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมด ไม่ต้องคิดเยอะ เพราะยังไงก็รอดและเป็นธรรมชาติสูงมาก แบบใส่น้ำหอมสายสดชื่นเรียบหรู ส่วนกลางคืนเน้นใส่แบบอากาศร้อนๆ สบายๆ จะดีกว่า เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ไปสายเย้ายวนเลยแม้แต่นิดเดียว

ความทน - ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. ก็เรียกว่าสุดแล้วกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ แต่ถ้าวันไหนร้อนๆ เหงื่อออกซึมเยอะหน่อย ก็ 6 ชม. ได้อยู่ แต่ไม่ว่ากันเพราะว่าโทน Citrus Aromatic ที่กลิ่นธรรมชาติมากขนาดนี้ ได้ขนาดนี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางราวๆ 1 ชม. ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในชั่วโมงที่ 2 - 3  พอพ้นซัก 4 ชม. ก็เป็น Skin Scent ซึ่งมาสไตล์ Whispering Scent พื้นฐานของ Jo Malone เลย

สรุป - หนึ่งในน้ำหอมกลิ่นเกรปฟรุตที่ให้กลิ่นเป็นธรรมชาติมากที่สุดและชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยลองมาเลย และแม้ว่าจะหา Jo Loves มาไม่ได้ง่ายเท่าไหร่ในเมืองสารขัณฑ์บ้านเรา แต่พอมีตัวที่กลิ่นจะเข้มกว่าและมีความเป็นหญ้าแฝกชัดเจนมากกว่าในพื้นฐานกลิ่นที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ความเป็นธรรมชาติของเนื้อกลิ่นอาจจะไม่เด็ดดวงเท่าความเป็น Jo Loves นั่นก็คือฝีมือของ Jo Malone CBE (Jo Loves)  x Zara ใน Collection: Zara Emotions กับรุ่น Vetiver Pamplemousse นั่นเอง พอกล้อมแกล้มได้อยู่ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.joloves.com/jo-by-jo-loves.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น