วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

Review: Zoologist - Civet

Zoologist - Civet

ในโลกของน้ำหอม ชะมด หรือ Civet” เองนี่เรียกว่าคลาสสิคตลอดกาลมาเสมอในการนำเสนอกลิ่นอายสาย Animalic ที่มีความลุ่มลึกให้ความเซ็กซี่แบบสาบปลุกเร้าเข้าทาง Dirty รัญจวนยวนใจ และยังเข้ากันได้ดีกับกลิ่นโทนดอกไม้ต่างๆ มาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 10 รวมถึงในไทยเราเองก็เช่นกัน
 เพราะสารคัดหลั่งที่ได้จากชะมด ที่เรารู้จักกันว่า ชะมดเช็ดก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบในการสร้างสรรค์กลิ่นหอมต่างๆ ทั้งในส่วนของน้ำอบและน้ำปรุงโบราณ (แบบโบราณที่แท้ทรูนะ) รวมถึงเป็นหนึ่งในกระสายยาที่เสริมฤทธิ์ให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

ซึ่งเอาเข้าจริงกลิ่นเพียวๆ ตรงๆ ของไขชะมดเช็ดนั้น คือ โคตรเหม็น แต่เพราะกรรมวิธีต่างๆ ในการนำมาใช้แปรให้กลิ่นนี้ขับความดีงามออกมาในแง่ของการเป็นโทน Animalic และสารตรึงกลิ่นที่ให้ความลุ่มลึกที่งดงามมากอีกหนึ่งโทนในโลกของน้ำหอม เช่นนั้น เมื่อ Zoologist นำเสนอกลิ่นอายที่จะสื่อสารถึงความเป็น ชะมดเช่นนั้นต้องมาลองกันหน่อยว่า จะสื่อถึงความเป็นชะมดแบบเพียวๆ ไม่มีเสียวไปที่โทนอื่นๆ หรือจะเล่ากลิ่นชะมดในทางไหนบ้าง 

เมื่อได้ใช้งานจริง ต้องสปอยกันตรงๆ เลยว่า Civet ขวดนี้ ไม่ได้มาในสายการเป็นกลิ่นอายสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของชะมดเอง หรือว่าการเป็นกลิ่นของชะมดตรงๆ เพราะถ้ามาแบบนี้มีสิทธิ์เป็นลมเอาได้ เพราะมันไม่น่าจะใช่น้ำหอม แต่จะมาในลักษณะการ Tribute กลิ่นอายโทน Civet ที่สร้างออร่าความมีเสน่ห์เร้าใจมาอย่างยาวนานกับโลกน้ำหอมมากกว่า โดยจะมีกลิ่นอายแบบสาย Old School หรือกลิ่นโทน Vintage ที่มีเสน่ห์ลุ่มลึกเป็นสำคัญ โดยกลิ่นของ Civet จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ แบบค่อยเป็นค่อยไปเริ่มจากการเป้นสายสนับสนุนที่มีซีนเป็นของตัวเองตลอด จนกลายเป็นตัวเอกหลักซึ่งช่วง Top Notes คือ การเปิดโลกสู่โทนดึงดูดของกลิ่นอายแบบ Citrus ติดโทน Balsamic ยางไม้เคล้ากลิ่น Musky Animalic รองพื้นกันอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นที่ค่อนข้างชัดมากในช่วงนี้คือกลิ่นโทนเปลือกส้ม ที่ติดขมหอมเคล้ากลิ่นเครื่องเทศปร้านวลเจือหวาน และมีกลิ่นโทนยางไม้หน่อยๆ ซึ่งบางวูบบอกเลยว่าจะคล้ายโทนบ๊วยเปลือกส้มพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ออกทางเป็นบ๊วยจ๋าๆ ขนาดนั้น เพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทนพริกไทยที่ให้ความหนาของกลิ่นในลักษณะปร่านวล และทาร์รากอนที่ให้ความหวานหอมนวลๆ พร้อมกับกลิ่นที่รองพื้นอย่าง Civet ที่ไม่ได้มาแบบดิบๆ แต่มาแบบที่เกลากลิ่นสร้างความอวลของกลิ่นได้ดี พร้อมกับกลิ่นของยางไม้ที่ให้ความรู้สึกในโทนกลิ่นที่ออกทางสีน้ำตาลเจืออบอุ่นแบบกำลังดี รวมตัวกันเป็นช่วงเปิดที่สร้างออร่าความเป็นโทนอบอุ่นติด Vintage ที่มีลูกเล่นไล่เรียงกันจาก Citrus สมุนไพร เครื่องเทศ ยางไม้ และ Civet ได้ดีมากเลยทีเดียว 

กลิ่นในช่วงต้นดำเนินไปได้พอประมาณ จะเริ่มสัมผัสโทนดอกไม้ที่แทรกตัวขึ้นมาเนียนๆ ทีละหน่อยจนชัดเจนในที่สุด ก็เป็นการเข้าสู่ Middle Notes ที่จะเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของกลิ่นดอกไม้ที่จะมี 3 โทน คือ ครีมมี่เย้ายวนเย็นๆ ลุ่มลึกของดอกไม้ขาวที่จับต้องได้เต็มๆ จากกลิ่นโทนซ่อนกลิ่นและลีลาวดี เสริมด้วยกลิ่นรัญจวนดึงดูดของโทนดอกไม้เหลืองปนหวานของกระดังงาและดอกลินเดน และกลิ่นออกทางติดเขียวปนปร่า Spicy ของคาร์เนชั่นและไฮยาซินท์ รวมถึงมีกลิ่นติดโทนแป้งหอมที่ทำให้ช่วงกลางจะได้ความรู้สึกครีมมี่ปนแป้งหอมดอกไม้ที่มีอารมณ์กลิ่นจากแต่ละโทน เคล้ากับโทนในช่วงต้นที่ตามมาทั้งหมด โดยเฉพาะกลิ่นโทน Animalic ของ Civet กับยางไม้ที่จะเริ่มกลายเป็นตัวเด่นผสมผสานกับโทนแป้งหอมดอกไม้ทำให้ได้ความหรูหรามีระดับแบบที่มีพลังกึ่งดึงดูดได้ดีมาก จะมีเฉพาะโทน Citrus ที่จะเหลือกลิ่นแนวเปลือกส้มแห้งๆ เคล้ากลิ่นสมุนไพรหวานโปร่งหน่อยๆ ที่ประปรายให้พอรู้สึกได้เสริมให้มิติกลิ่นมีอะไรมากกว่าแป้ง ดอกไม้ ยางไม้ และ Civet 

แต่เพียงไม่นานกลิ่นโทน Citrus เคล้าสมุนไพรจะจางไป ก็เปิดตัวเข้า Base Notes ที่กลิ่นโทนแป้งหอมดอกไม้จะเนียนเป็นเนื้อเดียวกับกลิ่นโทน Civet ทำให้ได้อารมณ์ดอกไม้หอมนวลปนอบอุ่นเป็นตัวคลอไปเรื่อยๆ แบบออร่ากลิ่นแป้งดอกไม้อบอุ่น แต่เลเยอร์ที่ซ้อนลงไปอีกคือความซับซ้อนที่แท้ทรู เพราะกลิ่นวานิลลาเจือกาแฟจะให้อารมณ์แบบโทนขนมอ่อนๆ กลั้วไปกับกลิ่นโทนยางไม้ติด Incense ที่อารมณ์ออกทางแอมเบอร์ผมยางไม้เรซิ่นที่มีความดึงดูดปนอบอุ่น และมีโทนหนังและ Oakmoss ที่เสริมพลังทางกลิ่นของ Civet ให้มีความหรูหราน่าค้นหาปนกรุยกรายติดสาบเร้าใจ ซึ่งเลเยอร์กลิ่นจะเรียงเสต็ปที่สร้างเสน่ห์ในการรับรู้จากแป้งหอมดอกไม้ครีมมี่นวลอบอุ่นหรูหรา ตามด้วยกลิ่นโทนกึ่งขนมกึ่งยางไม้ติดแปร่งดึงดูด และกลิ่นโทนสาบ Animalic เคล้ากลิ่นดาร์กกึ่งขมปนกลิ่นคล้ายหมึกเล็กๆ ที่สร้างมิติความมีระดับ มีคลาสและมีพลัง ซึ่งทั้งหมดจะสไตล์กลิ่นออกทาง Vintage อบอุ่นเย้ายวนอบอวลและมีเสน่ห์แบบร่วมสมัยได้ดีมากจนถึงปลายทางของกลิ่นบนผิวเลย 

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะพื้นฐานของ Civet อยู่ในน้ำหอมที่ครอบคลุมทุกเพศอยู่แล้วตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เช่นนั้น กลิ่นนี้จะสร้างออร่าความมีระดับ กรุยกราย สไตล์ Vintage ที่มาสายอบอุ่นมากกว่าจะไปสายแป้งจ๋า หรือสดชื่นคมๆ จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป โดยจำนวนสเปรย์เหมาะสมและไม่ควรหนักมือเกินไป เพราะกลิ่นมีพลังมากเลยทีเดียวในการปล่อยของกระจายรอบตัว แต่ให้ตัดการใช้เพื่อกิจกรรมลุยๆ แนวๆ ออกกำลังกายออกไปจะดีที่สุด เพราะไม่เข้าทางนัก ส่วนยามค่ำคืน กลิ่นนี้ถือว่ามีเสน่ห์สไตล์ร่วมสมัยกึ่ง Vintage มากในการใส่ออกงานเพื่อเน้นความหรูหรามีระดับและออกแนวตัวพ่อตัวแม่ที่ดูนิ่งๆ แต่มีออร่าดึงดูดให้สนใจแบบที่ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย 

ความทน - มากกกกกกกกก สุดติ่ง เพราะสิ่งที่เจอคือข้ามวันแม้อาบน้ำไปแล้ว 2 รอบ กลิ่นก็ยังติดผิวโชยระเรื่อๆ อ่อนๆ อยู่ เช่นนั้นตีเฉลี่ยได้เลยที่ 12 - 15 ชม. ยังไงก็ทนจัดจริงจัง

การกระจาย - ทรงพลังกันตั้งแต่เริ่มแรก เพียงแต่จะไม่ได้บาดหรือคมแต่อย่างใด ให้การกระจายที่ดีมากชัดเจน ก่อนจะลดลงมากระจายดีแบบยาวๆ ไปจนถึงช่วงท้าย พอผ่านไปซัก 8 ชม. ก็กระจายกลางๆ ก่อนจะผ่อนลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ให้ความหรูหรามีเสน่ห์เร้าใจแบบนิ่งๆ ตัวจริงอยู่ตรงนี้กันยาวๆ ไปเลย 

สรุป - ไม่ต้องกลัวว่ากลิ่นนี้จะมาแบบสาบสัตว์ตัวชะมดแต่อย่างใด แต่เป็นการ Tribute โทน Vintage โดยชูโรงความเป็น Civet แบบที่สมดุลย์กำลังดี ปล่อยเสน่ห์อย่างมีชั้นเชิงและลุ่มลึกเย้ายวนได้อย่างงดงามเสียมากกว่า และถ้าจะให้พูดจากใจ นี่คืออีกหนึ่งกลิ่นที่เป็น Masterpiece จากแบรนด์นี้ได้เลย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.theperfumerybarcelona.com/en/producto/zoologist-civet/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น