Amouage
– Library Collection: Opus IX
เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เรียกว่าจัดเต็มและปล่อยของกันอย่างไม่ไว้หน้าใครใดๆ
ทั้งสิ้นในแง่ของการนำเสนอกลิ่นอายของดอกไม้ขาวที่มาผสมผสานกับความเป็นกลิ่นอายสาปปลุกเร้า Animalic กับการเอามาเป็นหนึ่งใน Library Collection ที่เปิดตัวไปเมื่อปี
2015 เช่นนั้น ตัวนี้ปล่อยของอย่างไร มาดมกันผ่านตัวหนังสือกันดีกว่ากับรุ่นที่ 6 ของการบอกเล่าเรื่องกลิ่นจากแบรนด์ Amouage อย่าง Opus IX นั่นเอง
รุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมากจาก Opera เรื่อง La Traviata ดัดแปลงมาจากเรื่อง “La dame aux Camélias – แม่หญิงดอกคามิลเลีย” ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งกลิ่นนี้จะมีกลิ่นที่เป็นเหมือนหัวใจหลักอยู่ยั้งยืนยงและชัดเจนกันตั้งแต่ต้นเลย คือ กลิ่นของชะมดเช็ด (Civet) และมะลิ กลิ่นจะชัดต่อเนื่องแบบยาวไป โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงแต่ไม่ได้มากนัก เพราะเป็นพระเอกกับนางเอก ใครก็มาแย่งซีนไม่ได้ (เดี๋ยวมีตบว่างั้น) โดยใน Top Notes ความเป็น Animalic ของกลิ่น Civet และหนังเข้มๆ สาปดิบจะชัดเจนก็จริง แต่จะมีกลิ่นอายแบบมะลิติดตุ่ยๆ ตามธรรมชาติเคล้ากลิ่นพริกไทยดำ ฟุ้งกระจายขึ้นมาตั้งแต่ช่วงนี้ กลิ่นจะชัดแน่นจัดเต็มแบบที่คนไม่ได้ชอบโทนนี้อาจจะผงะกันได้เลย เนื้อกลิ่นถ้าอ้างอิงจากเนื้อเรื่องคงจะเปรียบราวกับองก์แรกที่จะบอกเล่าเรื่องการพบกันของพระนางที่เปรียบเสมือนความปลุกเร้าเจอกับความอ่อนหวานจนเป็นความรักที่จะฝากชีวิตกันและกันในเวลาต่อมา
รุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมากจาก Opera เรื่อง La Traviata ดัดแปลงมาจากเรื่อง “La dame aux Camélias – แม่หญิงดอกคามิลเลีย” ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งกลิ่นนี้จะมีกลิ่นที่เป็นเหมือนหัวใจหลักอยู่ยั้งยืนยงและชัดเจนกันตั้งแต่ต้นเลย คือ กลิ่นของชะมดเช็ด (Civet) และมะลิ กลิ่นจะชัดต่อเนื่องแบบยาวไป โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงแต่ไม่ได้มากนัก เพราะเป็นพระเอกกับนางเอก ใครก็มาแย่งซีนไม่ได้ (เดี๋ยวมีตบว่างั้น) โดยใน Top Notes ความเป็น Animalic ของกลิ่น Civet และหนังเข้มๆ สาปดิบจะชัดเจนก็จริง แต่จะมีกลิ่นอายแบบมะลิติดตุ่ยๆ ตามธรรมชาติเคล้ากลิ่นพริกไทยดำ ฟุ้งกระจายขึ้นมาตั้งแต่ช่วงนี้ กลิ่นจะชัดแน่นจัดเต็มแบบที่คนไม่ได้ชอบโทนนี้อาจจะผงะกันได้เลย เนื้อกลิ่นถ้าอ้างอิงจากเนื้อเรื่องคงจะเปรียบราวกับองก์แรกที่จะบอกเล่าเรื่องการพบกันของพระนางที่เปรียบเสมือนความปลุกเร้าเจอกับความอ่อนหวานจนเป็นความรักที่จะฝากชีวิตกันและกันในเวลาต่อมา
เมื่อเริ่มพัฒนาไปสู่
Middle
Notes โดยที่จะมีกลิ่นของสีผึ้งติดหวานมาทำให้โทนสาปดิบกับดอกไม้ขาวนั้นลดความดิบแรงลงมา
เป็นกลิ่นที่หอมหนังกลั้วดอกไม้อย่างลงตัว
ที่สำคัญแอบจับได้ถึงกลิ่นอายคล้ายกุหลาบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในช่วงนี้ แต่ก็จะมีกลิ่นไม้หอมเข้มๆ
มาเสริมให้กลิ่นมีมิติของความเป็น Smoky จางๆ มีความดาร์กค่อยๆ
แทรกเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้กลิ่นช่วงนี้จะผสมผสานทุกโทนได้อย่างลงตัวมากเพราะกลิ่นจะชัดทุกโทนจนกลมเป็นหนึ่งเดียวที่จะได้อารมณ์ทั้งดิบปลุกเร้า
หวานนวลมีเสน่ห์ปร่าซ่าจางๆ และดาร์กเข้ม ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของน้ำหอมตัวนี้กันอย่างชัดเจน
ซึ่งถ้าอิงจากเนื้อเรื่องจะบอกถึงองก์ที่ 2 ที่จะเริ่มต้นด้วยความสุขก่อนจะเกิดการแทรกแซงจนเป็นต้นตอของโศกนาฏกรรมที่ดาร์กและดำดิ่งลึกทำร้ายจิตใจ
จนเมื่อเข้าไปสู่ Base Notes กลิ่นอายความเป็น Animalic ติดเค็มของ
Ambergris จะเด่นขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นของ Civet ที่ความดิบจะลดทอนลงมารองพื้นด้านหลัง
กลิ่นช่วงนี้จะเริ่มเป็นการผสมผสานชัดเจนแบบดอกไม้ขาวกับโทน Animalic ผสมผสานกัน จนได้กลิ่นที่มีความเป็นกลิ่นสาปผิวกายเคล้าแป้งดอกมะลิแบบ Vintage
ที่อมหวานอวล โดยมีความเป็นไม้หอมแบบแห้งๆ ติดหนังบางๆ ให้รู้สึกได้อยู่
ซึ่งถ้าอิงกับเนื้อเรื่องก็จะเข้าสู่องค์สุดท้ายที่น่าจะบอกเล่าถึงโศกนาฏกรรมความรักที่ทิ้งเอาไว้แค่ความโศกเศร้าและค้างในความทรงจำ
ภาพรวมเรียกว่าเป็นน้ำหอมที่เรียกว่ามาเต็ม
เอาหนัก และชัดแจ้งมากเรียกว่าสมแล้วที่มาในสายของการเป็น Library Collection ในการเล่าเรื่องผ่านน้ำหอมจนมีคาแรคเตอร์ที่เด่นมากจริงๆ
เหมาะสำหรับ
–
Unisex ทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป หรือต้องเป็นคนที่สันทัดกรณีกับโทน Animalic กับดอกไม้ขาวพอสมควร หรือผ่านการเรียนรู้มันมาบ้าง
ที่สำคัญคาแรคเตอร์ต้องชัดและเด่นพอในการนำเสนอตัวเองให้ตีคู่กับกลิ่น ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนกลิ่นกลบคาแรคเตอร์ผู้ใส่จนไร้ตัวตนไปเลยเอาได้
ซึ่งกลิ่นเหมาะกับบางสถานการณ์ยามกลางวัน แบบต้องเลือกใส่นิดนึงกับอากาศบ้านเรา
ตัดทิ้งการใส่ออกไปอยู่กลางแจ้งและการออกกำลังกายได้เลย
ไม่เข้าทางและพาลจะฆ่าชาวบ้านเอาได้กับกลิ่นแนวแบบนี้ ส่วนยามค่ำคืนถือว่าใส่ได้อยู่ในการไปออกงานหรือดื่มด่ำกับเรื่องราวผ่านกลิ่นในน้ำหอมตัวนี้แบบจำกัดจำนวนสเปรย์
ความทน
– โคตรของโคตรทนมาก เรียกว่าอาบน้ำแล้วกลิ่นก็ยังติดแน่นไม่ไปไหน
ถ้าอิงการใช้ใน 1 วัน ได้ถึง 15 ชม.ได้สบายๆ
การกระจาย
– เต็ม แน่น ดีมากแบบยาวไป จะมีลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง
และกระจายปานกลางในช่วงท้าย เห็นไหมมาเต็มมาชัดจริงๆ
ทิ้งท้าย
– ผมชอบการเล่าเรื่องของน้ำหอมตัวนี้ ผ่านแรงขับความเป็น Animalic และการไล่เรียงโทน Floral ให้มี 3 ระดับได้ดีมาก เพียงแต่สำหรับผมช่วงกลางของน้ำหอมตัวนี้คือความดีงามของการผสมผสานจริงๆ
ส่วนช่วงท้ายน่ะเหรอ อ๋อยยยยยยยยยยยยยยยยย บ่ช่ายแนวตูเลย 555555
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
เปนน้ำหอมที่ใช้ยากเรอะครับ ใช้ยากหรือใช้แล้วคนอื่นเหม็นครับ ควรซื้อป่าวครับ
ตอบลบ