วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Review: Paco Rabanne - Invictus Aqua

Paco Rabanne - Invictus Aqua 

จากรุ่นปกติกับน้ำหอมถ้วยรางวัลทางการกีฬาอย่าง Invictus ของ Paco Rabanne ที่เรียกว่านอกจากเอาความล่ำมากของนายแบบมาเรียกเรตติ้งกันแล้ว กลิ่นยังทำออกมาได้แปลกและมีเอกลักษณ์มากในแง่ของความเป็นหนุ่มเมโทรแบบทุกสถานการณ์ได้อีกด้วย เช่นนั้นการต่อยอดความสำเร็จจึงได้มีคราวนี้ใครที่คิดว่ารุ่นปกติไม่ได้ Aqua นัก ก็ได้เวลาของคนชอบกลิ่นอายทะเลกลั้วซิตรัสกันบ้างแล้วเพราะแบรนด์ปล่อยลูกของไลน์นี้ออกมากับขวดที่สีขุ่นขึ้นนั่นคือรุ่น Invictus Aqua 

การเชื่อมโยงของตัวต้นตระกูลจะมาชัดเจนในแง่ของความเป็นกลิ่นทะเลกับความเป็น Citrus ซึ่ง Invictus Aqua จะยังคุมโทนเช่นเดียวกันแต่เพิ่มความความสดชื่นมากขึ้นรองพื้นด้วยกลิ่นอายแบบทะเลที่คง Concept อยู่ เปิดตัว Top Notes กันที่ความเป็น Citrus ของส้มยูซุที่คมๆ มีความติดขมหวานเจืออยู่บ้างกันก่อนเลยแต่มีกลิ่นจะมีความเป็นเกรฟฟรุตที่มาทำให้โปร่งสะอาดติดเครื่องเทศหวานกันนิดนึงเลยจะได้ความรู้สึกคล้ายสับปะรดนิดๆ ในตอนนี้ ซึ่งจะจับได้เลยถึงกลิ่นโทนทะเลที่จะเสริมขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาเต็มที่เลยใน Middle Notes กลิ่นทะเลจะชัดเจนมากขึ้นและจะม่ีความเป็นกลิ่นโทนเขียวโปร่งของใบไวโอเล็ตเคล้าเข้ามาให้กลิ่นมีความหอมนวลติดเย้ายวนเข้ามาเสริมทัพ โดยที่โทนสดชื่นจาก Citrus ในตอนต้นจะยังอยู่ ซึ่งในช่วงนี้จะเริ่มสัมผัสได้กับกลิ่นติดโทนเค็มทะเลเสริมเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็เข้าสู่ Base Notes กับกลิ่นอายของ Ambergris (อำพันปลาวาฬ) ที่จะเป็นตัวเอกในช่วงนี้ กับกลิ่นออกทางติดเค็มเคล้าความเป็นทะเลชัดเจนที่จะมีความเป็นไวโอเล็ตโปร่งกลั้วซิตรัสบางๆ กระจายออกมาให้ความรู้สึกสดชื่นสบายๆ ติดเย้ายวนของผิวกายที่เคล้ากลิ่นอายแบบติดเค็มทะเลจากการเล่นน้ำทะเลหรือเดินเล่นริมทะเลมานั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้งานตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นถือว่ามีราคาและมีคลาสในระดับหนึ่งในการเป็นโทน Marine Aquatic กลิ่นไม่ได้โหลจนเหมือนน้ำหอมทั่วไปเสียด้วย โดยสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เว้นช่วงเดียวคืองานทางการจัดๆ ที่ต้องรับแขกบ้านแขกเมืองเพราะกลิ่นชิลล์ไป ไม่ได้เสริมลุคความน่าเชื่อถือมากนัก ส่วนยามค่ำคืนสามารถใส่ตัวนี้ได้อยู่ เพียงแต่เหมาะกับปาร์ตี้ริมสระน้ำ หรือเดินเล่นตลาดนัดเสียมากกว่าจะไปท่องราตรีหาเหยื่อ เพราะแม้กลิ่นจะปล่อยของได้ดีแต่สู้โทนหวานเย้ากว่านี้ไม่ได้แน่ๆ นอกจากจะกลับไปใช้ตัวต้นตระกูลที่พอสู้ได้บ้าง

ความทน - ลงตัวที่ประมาณ 8 ชม. อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กับ 6 สเปรย์รวมฉีดเสื้อที่สวมด้านหน้า 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นเ เรียกว่าสดชื่นกันเลยทีเดียว แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - กลิ่นถือว่าปรับโทนให้มีความสดชื่นและใส่ความเป็นทะเลลงไปมากขึ้น ซึ่งเข้าถึงง่ายมากขึ้นในแง่การใช้งาน แต่ถ้าใครที่ไม่ได้หลงรักโทนทะเลที่ติดคาวเค็มหน่อยๆ อาจจะโบกมือลาก็เท่านั้นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.punmiris.com/himg/o.37688.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น