Azzaro pour Homme Wild Mint
หนึ่งในไลน์ที่อยู่มาอย่างยาวนานมากๆ กับการเป็นน้ำหอมชายสาย Powerhouse ที่ปล่อยพลังและสร้างเสน่ห์มาตั้งแต่ปี 1978 จนถึงปัจจุบันที่ยังครองใจผู้ใช้อยู่ไม่จบหรือหายไปไหนแต่อย่างใด แถมไล่กลิ่นอายตอบสนองความต้องการของผู้ชายทุกยุคตั้งแต่คนที่ชอบกลิ่นอายสาย Old-School จนถึงกลิ่นอายทันสมัยที่มีความอวลปนเย้ายวนสายกลิ่นอายไม้อวลๆ ที่มีสารหอมจำพวก Ambroxan หรือ ISO E Super เป็นตัวเรียกแขก แต่ไม่ได้จบเพียงเท่านี้
เพราะยังมีการแตกไลน์ออกไปเป็น pour Homme Sensual Blends ที่เอาลักษณะแบบสไตล์ pour Homme ผสมผสานกลิ่นต้นตำรับและกลิ่นอายในปัจจุบันมาบวก Note กลิ่นเด่นๆ ที่จะสร้างความแตกต่างทางกลิ่นเข้าไปอีก ซึ่งปัจจุบันก็ปล่อยออกมาแล้วทั้งหมด 5 กลิ่น (นับถึงปี 2019) เช่นนั้นได้มาเจอกับโซนนี้ก็ต้องลองและเลือกตัวที่น่าสนใจมาเล่ากันซักหน่อย และหวยก็ออกที่ Wild Mint เลยเพราะเป็นหนึ่งใน Note ที่ชอบอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และสิ่งที่ได้มาจากการสัมผัสก็คือ
เปิดตัวด้วยกลิ่นอายเพพเพอร์มินต์เย็นๆ มีความแน่นติด Spicy เจือเขียวที่มีตัวเสริมให้มีความอวลแน่นแต่มีความสดชื่นในสไตล์กึ่งแตงโมกับกลิ่นทะเลแบบ See Breeze แบบไม่มีกลิ่นคาวทะเลผนวกเข้าด้วยกัน ซึ่งแน่นอนอันนี้กลิ่นจะไม่ได้มาแบบธรรมชาติจ๋าอยู่แล้ว เพราะลักษณะกลิ่นที่มีการเกลามาอย่างดีในการเป็นกลิ่นอายสดชื่นแบบทะเลกึ่งแตงโมแบบนี้น่าจะเป็นการใช้สารหอมที่เป็นคีย์หลักแน่ๆ ซึ่งเมื่อกลับไปดู Note ก็ใช่เลย Calypsone ที่จะให้โทนแบบนี้ แน่นอนความดีงามของกลิ่นจะเสถียรมากในการให้โทนสดชื่นที่ชัดเจนและไม่เพี้ยน ที่สำคัญเสริมโทนกลิ่นหลักที่จะดันให้โดดเด่นได้ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อพยายามเจาะลึกลงไปว่าในช่วงต้นที่จะอยู่กับเราไม่นานนี้จะมีอย่างอื่นอีกไหม ก็ได้เจอว่ามีโทนติดเปรี้ยวขมซ่าอ่อนๆ ที่ให้โทนออกทางคล้ายมะกรูดฝรั่งรวมอยู่ด้วยแบบออกแนวสร้างบรรยากาศเคล้ากับโทน See Breeze เย็นๆ ซึ่งรวมๆ กันแล้วจะได้ลักษณะกลิ่นมินต์เผ็ดปร่าเขียวสดชื่นวาบๆ กันเต็มๆ บางวูบอาจจะรู้สึกแบบไอติมมินต์เข้ามาร่วมด้วยได้ตามแต่ประสบการณ์รับรู้กลิ่นของแต่ละบุคคล
เมื่อผ่านไปซักครู่กลิ่นโทนไม้หอมติดปร่ามีความติดเขียวชะอุ่มหน่อยๆ กึ่งยางไม้แบบยางไม้สนที่จะมีความปร่าอวลแน่นแบบกำลังดีและมีพลังค่อยๆ เสริมเข้ามาจนเต็มตัว ก็ได้เวลาเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นในช่วงต้นจะตามมาหมด ยกเว้นกลิ่นโทน Citrus ทำให้มีการผสมผสานความอวลและมีพลังเข้าไปอีกขั้น กลิ่นจะมีความหน่าและปร่าที่เล่นโทนระหว่างยางไม้สนและ Calypsone สร้างกลิ่นโทน Woody Aquatic ที่อวลซ่าปร่าเย็นเจือความเขียวและเผ็ดปร่าเพพเพอร์มินต์ที่แทรกซึมรวมตัวในการปล่อยพลังสไตล์ Powerhouse ออกมา รวมถึงจะจับต้องกลิ่นออกทางพิมเสนที่มีโทนติดโกโก้ปลายกลิ่นตามธรรมชาติเนียนๆ อยู่ด้วย ซึ่งบางวูบเราจะได้อารมณ์แบบยาสีฟันที่มีความเผ็ดมินต์และแน่นๆ บางวูบจะได้อารมณ์กลิ่นแบบไอติมมินต์ที่มีชอคโกแลตชิปเจือๆ ก็ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องขอบคุณ Effect พิมเสนที่สร้างลักษณะกลิ่นที่ไพล่ไปในทางนี้ได้ด้วย ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปแบบสร้างบาเรียรอบตัวไปเรื่อยๆ จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายสารหอมที่ให้ความเป็นไม้อวลๆ ติดเค็มเคล้ากลิ่นโทนแอมเบอร์กึ่งผิวกายติดเค็ม ก็ชัดเจนว่ากลิ่นอายมีลักษณะตามเทรนด์น้ำหอมที่เรตติ้งในการใช้งานได้ดี เพราะมี Ambroxan ที่เป็นสารหอมแห่งยุค 2010 ที่สร้างออร่าความอวลเคล้าความเย้ายวนดึงดูด จนกลายเป็นสารหอมที่ต้องมีในน้ำหอมยุคนี้ ถ้าไม่มีก็จะ Outdate มาก ก็ถือว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมแล้ว ซึ่งตัว Ambroxan จะเป็นตัวรองพื้นที่สร้างความอวลไม้เจืออบอุ่นแบบเป็นฐานรุมๆ ที่มีพลัง แต่จะมีสารหอมอีกอย่างที่เป็นลูกผสมระหว่างโทนพิมเสนกับไม้หอมโปร่งๆ อย่าง Clearwood เข้ามาร่วมด้วย โดยที่มีพิมเสนปกติกับโทนไม้หอมแห้งๆ ที่น่าจะเป็นหญ้าแฝกที่เข้ามาแทคทีมด้วย เลยทำให้ช่วงท้ายเป็นการผนึกกำลังความเป็นโทนไม้หอมอวลๆ ที่มีความปล่อยพลังชัดเจนยังคงเป็นบาเรียรอบตัวที่ให้ความอวลไม้เจือปร่าเพพเพอร์มินต์ที่ยังคงอยู่ เพียงแต่ลดทอนลงมาเป็นตัวเสริมไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมี Effect ออกทางปร่าเผ็ดหรือจะออกทางยาสีฟันมินต์ก็ย่อมได้ ปิดท้ายการเป็นโทนกลิ่นสายปล่อยพลังที่ชัดเจน ไม่ลดราวาศอก เข้าทางชื่อรุ่นว่า Wild Mint เต็มๆ
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้งานตัวนี้ได้ไม่ยาก แต่อย่างน้อยพื้นฐานของ 1.มีความมั่นใจ 2.ชอบกลิ่นโทนมินต์แน่นหน่อย 3.รับความทรงพลังได้ ซึ่งถ้าครบ 3 ข้อนี้กลิ่นนี้จะตอบโจทย์การใช้งานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเลยทีเดียว แต่อย่างน้อยเบามือหน่อยก็ดีเพราะอากาศเมืองร้อนมันอาจจะหนักหน่วงจนอึนเอาได้ ซึ่งกลิ่นนี้ใช้ได้หลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะไพล่ไปใส่ทำกิจกรรมลุยๆ ก็พอได้อยู่แต่เบามือไว้จะดีที่สุด ส่วนออกกำลังกายรอช่วงท้ายสุดๆ ดีกว่าไม่งั้นกลิ่นตีขึ้นกระจายรอบทิศทางชาวบ้านมองหน้าเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนบอกเลยกลิ่นนี้ไม่เป็นรองใคร ใส่ได้ทั้งออกงานและท่องราตรีเพราะปล่อยพลังได้ดี เรียกเรตติ้งได้ ถือว่าเป็นอีกกลิ่นที่การใช้งานครอบจักรวาลได้ดี เพียงแต่ย้ำอีกทีว่าเบามือนะจ้ะ เบามือ
ความทน - ดีงามกับพื้นฐานที่ 8 ชม. คือยังไงก็ทนน่ะ และไปต่อได้อีกอิงตามสภาพผิวกายของผู้ใช้และจำนวนสเปรย์ ซึ่งส่วนตัวใช้ไปที่ 4 สเปรย์ ยาวไปที่ 12 - 15 ชม. ได้เลย
การกระจาย - มากที่สุดและมีความเสถียรในการปล่อยพลังได้ดีมากยาวๆ เลย ซึ่งช่วงต้นจะพุ่งๆ กันก่อน พอช่วงกลางจะเป็นบาเรียรอบตัวกึ่งดีกึ่งปานกลางที่มีความอวลและมีพลังกันยาวไป ซึ่งที่เจอการกระจายได้ดีและยาวสุดคือราวๆ 8 ชม. กลิ่นยังล้อมตัวอยู่ ซึ่งเรียกคำทักกลิ่นว่าฟุ้งเชียวได้ไม่ยาก แต่พอผ่านไป 10 ชม. เริ่มจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนกว่าจะล้างตัวถึงติดผิวอ่อนๆ
ทิ้งท้าย - หนึ่งในกลิ่นมินต์ที่พลังจัดจ้าน เรียกร้องความสนใจ และมีความแมนชัดเจนแบบที่เรียกเรตติ้งได้ดี สมกับการเป็น Azzaro ที่ปล่อยพลังดีไม่มีแผ่วเลย
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.facebook.com/Azzaro/photos/a.306313300645/10162427021025646
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น