Mancera - Black to Black
กุหลาบและ Oud ถ้าอยู่ในมือของแบรนด์พี่น้องอย่าง Mancera และ Montale แล้วล่ะก็ เรียกว่ามาเถอะ จัดเต็มได้หมด และมักจะมีความใกล้เคียงกันเพราะ Perfumer คนเดียวกัน แต่อาจจะแตกต่างใน Concept การนำเสนอที่ Mancera จะมีความละมุนปนหรูขึ้นมาอีก 1 สเต็ป เพราะมาลักษณะอัพเกรดความเป็น Montale ขึ้นมาประมาณนั้นและแน่นอนแพงกว่าอีกด้วย ซึ่งหลายๆ รุ่น ถ้าเอามาเทียบกันเรามักจะเห็นความเป็นแฝดพี่ฝาดน้องแบบที่พื้นฐานกลิ่นใกล้เคียงกันต่างความรู้สึกในการจับต้องเสมอ
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี Masterpiece อยู่หนึ่งกลิ่นของ Montale อย่าง Black Aoud ที่เอามาจับกับ Mancera เป็นคู่แฝดต่างๆ อารมณ์กันได้ เพียงแต่ของ Mancera จะมาแบบเป็น Limited Edition ที่ก็ยังเห็นขายอยู่พอสมควร เพียงแต่อาจจะไม่ได้ผลิตต่อแล้วอย่างรุ่น Black to Black ซึ่งกลิ่นที่มีพื้นฐานเดียวกันแต่ต่างความรู้สึกจะเป็นอย่างไร ก็เล่ากันได้ตามนี้
Black to Black จะเปิดตัวในลักษณะที่ชูโรงความเป็นกุหลาบติดโทนเครื่องเทศและ Oud หรือไม้กฤษณากันอย่างชัดเจนแบบที่ไม่ต้องมาเม้นอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมาในลักษณะโทนยากลิ่นเครื่องเทศผสมไม้ดาร์กๆ โดยล้อมกรอบกลิ่นไว้ด้วยโทนกุหลาบแบบติดแยมๆ ซึ่งพอมาจับโทนกลิ่นจะจับต้องได้ถึงตัวละครที่ 3 ที่เรียกว่าเป็นตัวเด่นเคียงคู่กับกุหลาบและ Oud ได้เลยนั่นคือ หญ้าฝรั่น ที่จะมาให้อารมณ์กลิ่นเครื่องเทศติดเมทัลลิคแปร่งโดยมีลักษณะขมติดหวานลึกที่สอดคล้องและเป็นตัวสนับสนุนที่ดีทั้งความหวานลึกให้โทนกุหลาบ และความเป็นลักษณะติดยาแก่นไม้ของ Oud ซึ่งไม่ได้มีแค่นี้ เพราะว่ากลิ่นโทน Citrus ติมขมเปรี้ยวมีความซ่าอ่อนๆ ของมะกรูดฝรั่งที่สร้างมิติสดชื่นบางๆ ในเนื้อกลิ่น และมีกานพลูที่เสริมให้กลิ่นช่วงต้นมีความแปร่งคมพุ่งเป็นเอกลักษณ์เข้ามาด้วย แต่ทั้งหมดกับมีโทนกลิ่นที่เด่นกับกุหลาบติดแยมที่นวลอวลลึกค่อนดาร์กมากกว่าจะพุ่งทรงพลังแบบกระจายรอบทิศแบบชัดเจนสไตล์ Powerhouse ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้กลิ่นมีความลุ่มลึกติดโทนอาระเบียนกึ่งตะวันตกแฝงให้จับต้องได้ชัดเจนมากขึ้นจริงๆ
ช่วงกลางความเป็นกุหลาบยังคงโดดเด่นเช่นเดิมแต่จะลดทอนอารมณ์กลิ่นแบบแยมกุหลาบอวลลึกลงมาอีกสเต็ป และความเป็น Oud จะมีความอวลๆ ติดดาร์กสไตล์ไม้สีดำเหมือนเดิม โดยที่ความแปร่งคมสายเครื่องเทศจะจางไปลงพอสมควรเหลือเพียงหญ้าฝรั่นที่ยังมีลูกแปร่งเมทัลลิคปลายกลิ่นอยู่ แต่จะเริ่มมีตัวละครอีก 1 เข้ามาสร้างอารมณ์ปร่าระเรื่อติด Earthy ดาร์กเจือหวานที่เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอยู่แล้วกับกุหลาบ นั่นก็คือ พิมเสน ซึ่งจะทำให้กลิ่นมีลูกเล่นที่มีความดาร์กก็จริง แต่ไม่ได้เข้มข้นจนดำดิ่ง เพราะการประสานกันของกุหลาบหวานลึก Oud อวลดาร์กลึกลับ หญ้าฝรั่นที่ให้ลูกเอื้อนแบบน่าค้นหาในกลิ่น และพิมเสนให้ความระเรื่อเย้าๆ แบบมีมิติ ที่ดึงเอาความดาร์กของแต่ละตัวมาเจอกัน ทำให้ช่วงนี้อารมณ์กลิ่นจะมีความเป็น Black สมชื่อรุ่นพอสมควร (แต่จะมีความเป็นแดงเข้มมากๆ ประปรายอยู่บ้าง) ซึ่งการเดินทางของกลิ่นจะมีอารมณ์ดอกไม้ระเรื่อหน่อยๆ ที่เหมือนเอาโทนสว่างมาตัดทอนบ้างก็จริง แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความดาร์กมากนัก ซึ่งแน่นอนว่าตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงตอนนี้ มีความเป็นฝาแฝดแบบที่ให้อารมณ์กลิ่นที่แตกต่างจาก Montale - Black Aoud ค่อนข้างชัดในความลุ่มลึกแฝงมากกว่าและมีความ Unisex มากกว่าเพราะกุหลาบเด่นจริง
และการเปลี่ยนแปลงก็เริ่มมีชัดเจนมากขึ้น เพราะจะเริ่มมีโทนหนังเสริมเข้ามาทีละนิดๆ และเริ่มปรับเปลี่ยนสถานะจากกุหลาบ Oud มาเป็นกลิ่นอายสายหนังติด Animlaic ที่เริ่มเป็นศูนย์กลางหลักของกลิ่น ซึ่งก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายชัดเจนที่จะมีเลเยอร์กลิ่นที่น่าสนใจ คือ จะมีโทนกุหลาบเจือ Oud เคล้าพิมเสนเป็นเลเยอร์แรก ตามด้วยกลิ่นหนังที่ไม่ได้ดิบห่ามไปแต่มีความอบอุ่นของโทนแอมเบอร์และกลิ่นไม้หอมที่มีความครีมนวลหน่อยๆ ขอไม้จันทน์หอมมาตัดทอนให้มีความกลมกล่อมและอวลแบบมีระดับหรูหรามากขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยโทน Musky ที่ให้ความนวลเย้ากำลังดี ซึ่งพอทั้ง 3 เลเยอร์มาเจอกันอารมณ์กลิ่นจะได้ความเย้ายวน น่าค้นหา หรูหรา และลึกลับที่ชัดเจนมาก กลิ่นมีความเซ็กซี่เป็นออร่าแผ่ออกมาเลย ได้อารมณ์ทั้งลุ่มลึกและสมาร์ทเจือหวานลึกในเวลาเดียวกัน คุมโทนการเป็นกลิ่นอายสาย Black ที่มีอะไรให้จับต้องได้ในความดาร์กที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแบบกุหลาบเจือ Oud ได้อย่างดีงาม
เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน เพราะความเป็นกุหลาบเด่นจริงอะไรจริงและมีความลุ่มลึกของ Oud มาทอนกันพอดีเลยทำให้ได้หมดทุกเพศ ซึ่งต้องบอกว่ากลิ่นมีพลังออกมาชัดเจนมาก ถ้าใช้ยามกลางวันจะต้องเบามือเลยทีเดียว และเข้ากับหลายๆ สถานการณ์แบบที่ต้องดูความเหมาะสมหน่อยโดยเฉพาะยามทางการ แต่ถ้าใส่ทั่วๆ ไป ไม่ได้เน้นประโคม กลิ่นจะสร้างเสน่ห์น่าค้นหาได้อย่างดีมากและมีความเย้ายวนแบบที่ติดโทนลูกครึ่งตะวันออกกลางได้ดีเลยทีเดียว ส่วนยามค่ำคืนจัดไปแบบเพิ่มสเปรย์ขึ้นมาหน่อยก็เรียกว่าปล่อยของได้สบายมาก (ซึ่งยีงคงเดิมว่าถ้าหนักมือมากไป จะอึดอัดมากกว่าจะน่าค้นหาเอาได้) แต่สิ่งที่ควรแก่การตัดออกไปเลยคือ การใส่เพื่อออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งวันอากาศร้อนๆ บอกเลยปล่อยพลังรอบทิศไม่พอ ขาดอากาศหายใจเอาเสียก่อนได้ แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้ทรงพลังหนักเท่าตัวแฝดอย่าง Black Aoud ก็ตาม
ความทน - มากกกกกกกก ถึงมากที่สุด เพราะเรื่องนี้ Mancera เองก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้วเรียกว่า 12 ชม. ยังเป็นเรื่องเบๆ เช่นนั้นข้ามคืนไปได้เลย เพราะอาบน้ำแล้วกลิ่นยังติดผิวอยู่
การกระจาย - มากกกกกกเช่นกัน แต่สิ่งที่ดีและแตกต่างจากรุ่นคล้ายอย่าง Black Aoud กลิ่นของ Black to Black จะมีความลุ่มลึกติดกุหลาบกล่อมไม่ให้เป็น Beast Mode ขั้นสุดนัก ยังให้การกระจายที่ดีมากแบบไม่ได้ดีเว่อร์ แล้วจะผ่อนลงมาเมื่อผ่านไปซัก 2 ชม. มากระจายดีคงตัวไปเรื่อย จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายจะผ่อนลงมาที่ปานกลางซักพัก ที่เหลือคือออร่ารอบๆ ตัวยาวไปหลังพ้น 10 ชม. ไปแล้ว
สรุป - พื้นฐานกลิ่นและ Notes กลิ่นคือความใกล้เคียงกันมากสมกับเป็นแฝดพี่ฝาดน้อง แต่ในความเป็นคู่แฝดมันก็มีแะไรที่แตกต่างอยู่แน่นอน อย่าง Black to Black จะไม่ได้กระจายทรงพลังจัดจ้ายเท่า Black Aoud แต่จะให้ความลุ่มลึกแดงเข้มของกุหลาบที่ดึงดูดงามๆ และมีความเป็น Unisex ที่ชัดเจนกว่า แต่ยังไงก็ยังคุมโทนลูกครึ่งตะวันตก+ตะวันออกกลางที่มีความหรูหราและดาร์กน่าค้นหาแบบที่มีเสน่ห์แบบบุคคลในอาภรณ์ชุดดำที่ตรึงตาและประทับใจแบบที่ได้กลิ่นแล้วยากจะลืม นี่แหละ Black to Black ล่ะ
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.lascento.co.za/product/mancera-paris-black-to-black/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น