วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Review: Strangers Parfumerie - Fleur de Lune

Strangers Parfumerie - Fleur de Lune

เรามักได้ยินคำว่า “กระต่ายบนดวงจันทร์” มานักต่อนัก เพราะมาจากการที่เวลาดวงจันทร์เต็มดวงจะมีรอยอุกกาบาตพุ่งชนจนเกิดรอยที่ทำให้มองคล้ายกระต่ายมากันตั้งแต่เด็กๆ แต่ถ้าเราลองจินตนาการต่อยอดว่าแสงสีขาวต่างๆ ที่มาจากดวงจันทร์นั้นมันมาจากมวลหมู่ดอกไม้ขาวต่างๆ ที่รายล้อมรอบกระต่ายที่สะท้อนแสงแห่งความงามในความนวลตาราวกับกระต่ายในทุ่งดอกไม้ขาวล่ะมันจะสวยงามขนาดไหน ซึ่งอันนี้แล้วแต่การไปต่อยอดในจินตนาการส่วนบุคคลกันไป

แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นนั่นคือ การต่อยอดเอาภาพกระต่ายท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ขาวมาสร้างสรรค์เป็นกลิ่นอายน้ำหอมของแบรนด์ Strangers Parfumerie ซึ่งดอกไม้บนดวงจันทร์กลิ่นนี้จะออกมาเป็นเช่นไร ว่ากันได้กับรุ่นนี้เลย Fleur de Lune

เปิดตัวออกมาแรกสเปรย์ก็ชัดเจนมากเลยกับการเป็นกลิ่นโทนดอกไม้ขาวที่มีทั้งความหวานละมุน ครีมมี่ นวลสะอาด และสดชื่นในเวลาเดียวกัน โดยที่มีความสัมผัสในกลิ่นที่เป็นโทนเย็นๆ ไม่ได้ไปแบบครีมมี่อบอุ่นแต่อย่างใด ซึ่งจะจับต้องได้ชัดเจนก่อนเลยคือกลิ่นอายของดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) ที่จะมาให้โทนนวลสะอาดติดหวานอมเปรี้ยว ที่วูบขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นออกทางติดเปรี้ยวหอมเจือใสๆ กึ่งดอกไม้กึ่ง Citrus นิดๆ ของแมกโนเลีย และมีความหวานหอมติดเขียวสดชื่นเจือแว๊กซ์กึ่งเครื่องเทศบางๆ ของลิลลี่ที่มาแบบสดชื่นเย็นๆ ด้วย โดยที่ปลายกลิ่นจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายบรรยากาศแบบติดสดชื่นแต่ไม่ได้ไปสายสว่างของมะกรูดฝรั่ง (Bergtamot) ที่สร้างความสดชื่นเนียนๆ อยู่ด้วย  และในวูบถัดๆ มาจะจับได้ถึงโทนออกทางครีมมี่นุ่มๆ ติดเขียวตุ่นอ่อนๆ กึ่งเห็ดบางๆ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของดอกพุดจะค่อยๆ แทรกตัวออกมาให้จับต้องได้ด้วย รวมถึงจะมีกลิ่นออกทางหวานเย้าครีมมี่ของซ่อนกลิ่นที่มาผนึกกำลังร่วมด้วย ซึ่งทำให้กลิ่นช่วงแรกเริ่มมีมิติของดอกไม้ขาวที่มีหลากหลายแต่ผสมผสานสร้างความเด่นที่แตกต่างแต่รวมเป็นหนึ่งเดียวได้ดีมาก มีเลเยอร์ชัดเจนในการรับรู้เริ่มจากสดชื่นสู่นุ่มนวล โดยที่เนื้อกลิ่นเป็นธรรมชาติมากเกินคาดท่ามกลางกลิ่นอายเย็นๆ ในเนื้อกลิ่นที่สร้างบรรยากาศขาวครีมนวลหอมเย็นได้ดีจริงๆ อันนี้ต้องยอมเขาเลย

การเปลี่ยนแปลงเริ่มจะจับต้องได้เพราะโทนสดชื่นเริ่มจะเบาตัวลงมาเป็นโทนที่แห้งมากขึ้นอีกสเต็ป และจะมีโทนออกทางคล้ายแป้งติดอับอ่อนๆ เบาๆ ที่เป็นลักษณะของกลิ่นดอกไอริส รวมถึงจะมีโทนหวานหอมออกทางนวลๆ กึ่งชมพูปนส้มอ่อนๆ เข้ามาเสริม เพราะจะมีกลิ่นกุหลาบเบาๆ ที่มาให้ความรื่นรมย์ปนหวานโรแมนติคบางๆ และมีกลิ่นออกทางคล้ายพีชที่ให้ความหวานหอมเบาๆ ค่อนไปทางดอกไม้ ซึ่งทั้งหมดจะได้ความนวลๆ ระเรื่อสร้างความหวานให้กับโทนดอกไม้ขาวต่างๆ ที่มาตามจากช่วงแรก ซึ่งแน่นอนมิติกลิ่นยังมีความหลากหลายให้จับต้องได้ในความเป็นดอกไม้ขาวตั้งแต่สดชื่นยันนุ่มนวลและเย้ายวน และยังไม่พอตัวเด่นที่สำคัญอีกตัวที่จะมาสร้างอารมณ์กลิ่นให้มีความเป็นสีเหลืองนวลเข้ามาร่วมด้วยอย่างกระดังงาก็มา ซึ่งช่วงนี้จะให้อารมณ์กลิ่นแนวแป้งหอมดอกไม้แบบมีเลเยอร์สีและกลิ่นที่สอดรับไปในทางเดียวกันจากดอกไม้ขาวสู่เหลืองนวล ที่มีโทนออกทาง Classic เข้ามาร่วมด้วยเลยทำให้อารมณ์ติดกรุยกรายเข้ามาร่วมด้วย เลยสร้างเสน่ห์ที่เข้าทางกลิ่นอายสไตล์ดอกไม้ที่มีความเหนือกาลเวลา Timeless สูงเลยทีเดียว จนเมื่อกลิ่นดำเนินไปพอสมควรความนวลของกลิ่นเริ่มจะเป็นโทนที่ติดแป้งนวลมากขึ้น เนื้อกลิ่นเริ่มสร้างความเป็นสีเหลืองนวลมากขึ้นเพราะจับได้ถึงโทนวานิลลาที่มาแบบโทนแป้งติดอบอุ่นอ่อนๆ ที่มาสอดรับกับกระดังงาพอดิบพอดี เลยเป็นการเปลี่ยนช่วงกลิ่นมาสู่ช่วงท้ายที่จะเป็นโทนแป้งหอมเจืออบอุ่นอ่อนๆ ที่ละมุนๆ มีความนุ่มนวลสะอาดกลิ่นจะให้ความผ่อนคลายสไตล์โทนแป้งคลอผิวอ่อนๆ หวานนวลกำลังดี มีความอ่อนโยนที่ชัดเจนมาก และมีความเย้ายวนมีจริตในทีเนียนๆ ไปตลอด ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีมิติกลิ่นออกทางไม้หอมเบาๆ โปร่งๆ บางวูบรู้สึกด้วยว่ามีโทนติด Incense หน่อยๆ แต่ไม่หนักรวมอยู่ด้วย ที่ทำให้กลิ่นไม่ทื่อและมีมิติในการดมที่ส่งเสริมกันเป็นอย่างดีในการเป็นโทนแป้งนวลที่งดงามมีความละมุนปนน่าค้นหาอย่างมีระดับ เรียกว่าปิดท้ายกลิ่นได้เป็นสีครีมเหลืองปนขาวนวลได้สมชื่อรุ่นว่า “ดอกไม้บนดวงจันทร์” มากจริงๆ  

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ที่เน้นการเสริมบุคลิกทางกลิ่นที่มีความนวลหอมสว่างและมีเสน่ห์เนียนๆ แบบที่สร้างออร่าความละมุนๆ ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบใส่แล้วเน้นการวางตัวและสร้างเสน่ห์แบบเรียบหรู เลยจะเข้ากับทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่สไตล์เน้นลุยๆ หรือออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงาน โรแมนติค หรือทั่วไปสร้างอะโรม่าจะดีกว่าใส่ไปท่องราตรีแน่ๆ เพราะกลิ่นอ่อนโยนไปหน่อยถ้าเทียบกับสไตล์เย้ายวนโจ่งแจ้ง   

ความทน - ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ และมีไปต่อได้อีกถึง 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว กับการใช้งานที่ 5 สเปรย์ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นซักครู่ แล้วจะลดทอนลงมากระจายดีซักไม่เกิน 1 ชม. ก่อนจะผ่อนลงมาปานกลางกันยาวๆ ไป จนเมื่อผ่านไปซัก 5 - 6 ชม. ก็จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนเป็นกลิ่นติดผิวเมื่อผ่านราวๆ  8 ชม. ไปแล้ว

สรุป - เป็นการรวมเอาดอกไม้ขาวทุกโทนที่มาสร้างมิติกลิ่นในทุกๆ ความรู้สึกที่ดอกไม้ขาวจะสื่อสารได้อย่างงดงามไม่พอ ยังให้อารมณ์กลิ่นเป็นโทนเหลืองนวลแบบแสงจันทร์ที่เย็นๆ ปนเย้ายวนเกี่ยวความเป็นน้ำหอมสาย Timeless เหนือกาลเวลาก็ได้หรือจะเป็นกลิ่นอายสร้างความอ่อนโยนหอมหวานนวลที่แตะลักษณะคาบเกี่ยว Modern ก็ดี เรียกว่าตอบโจทย์คนที่ชอบดอกไม้ขาวและกลิ่นหอมละมุนปนหวานอ่อนโยนแกมมีจริตเนียนๆ ได้ครบถ้วนมากจริงๆ   

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie/posts/652107738787746

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น