วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565

Review: Miller Harris - Wander Through the Parks

Miller Harris - Wander Through the Parks

การเปิดตัว Collection - Forage ในปี 2018 ที่สื่อสารถึงความเป็นะสถานที่ลับซุกซ่อนต่างๆ แต่มีความเป็นกลิ่นอายเฉพาะใน London ออกมาถึง 3 กลิ่นก่อนอย่าง Hidden on the Rooftops, Lost in the City และ Wander through the Parks ตามด้วยกลิ่นที่ 4 อย่าง Dance Along the Lace ตามมาในปี 2019 และล่าสุดกลิ่นที่ 5 ในปี 2021 อย่าง Found at Dusk ถือว่าเป็นการต่อยอดทางกลิ่นที่มีความน่าสนใจอย่างมากของแบรนด์กับการสื่อสารความเป็น London ในแง่มุมที่น่าสนใจต่างๆ และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาเสมอจนถึงปัจจุบันนี้

ซึ่งแน่นอนว่าบังไม่เคยได้มาลองโซนนี้เลย เพราะก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาก็แตะต้องเฉพาะ Collection หลักของแบรนด์มาเสมอ เช่นนั้นเมื่อมีโอกาสได้มาเจอกัน กลิ่นแรกที่คว้ามาก่อนเลยแบบไม่ต้องคิด เพราะมี Note กลิ่นที่ชอบส่วนตัวอย่าง Fig หรือมะเดื่อฝรั่งโดดเด่น และยังเป็นกลิ่นอายในสไตล์ที่ชอบเป็นทุนเดิมนั่นก็คือกลิ่นสวน ดังนั้นตกผลึกมาอย่างยาวนานในการใช้กลิ่นนี้ ก็ได้เวลาในการบรรยายกลิ่นกันแล้วว่าจะเป็นในรูปแบบไหน ซึ่งกลิ่นนี้ก็คือ Wander through the Parks    

ช่วงเปิดชัดเจนมากกับพื้นฐานของกลิ่นที่โทนเขียวจะเป็นแกนหลักเพียงแต่จะ on top ให้กลิ่นอายของโทนผลไม้เป็นตัวเรียกแขกชั้นบนก่อน โดยจะมีโทนออกทางเบอร์รี่ที่ให้ความเปรี้ยวอ่อนๆ แกมกลิ่นเกรปฟรุตที่ให้ความเป็น Citrus แต่ตัดโทนเปรี้ยวแปร่งออกไปพอสมควร เพราะมีลูกเอื้อนความฉ่ำแกมหวานของส้มหน่อยๆ เนียนในเนื้อกลิ่นร่วมด้วย แต่ตัวเชื่อมชั้นดีเลยต้องยกให้ Blackcurrant Bud ที่จะมีความเขียวติดเปรี้ยวหน่อยๆ เป็นตัวประสานความเขียวที่รองพื้นอยู่ ซึ่งก็จับได้ชัดเจนไม่น้อยว่ามีกลิ่นออกทางเขียวคมหน่อยๆ แกมเขียวครีมมี่ติดปร่า และมีเขียวที่ออกทางคล้ายๆ กึ่งหญ้ากึ่งผักโขมตุ่นๆ รวมอยู่ ซึ่งถือว่าเปิดมาก็ให้ความสดชื่นที่แตกต่างไม่น้อยเลยกับการเล่นโทนเขียว Citrus และ Fruity ได้อย่างกำลังดี

เมื่อผ่านไปอึดใจเดียว กลิ่นก็เข้าช่วงกลางค่อนข้างไวพอสมควรกับการนำเสนอโทนกลิ่นที่ตอนนี้จะมีความเขียวเป็นตัวเด่นซึ่งจะมีความเขียวที่มีความขมและมีความอวลคมของยางไม้อย่าง Galbanum ที่เด่นออกมาพร้อมกับความครีมมี่ติดเขียวปร่าๆ กึ่งผลไม้ของมะเดื่อฝรั่ง (Fig) และมีความเป็นโทนออกทางกึ่งหญ้ากึ่งผักขมของ Nettle หรือตำแยประเภทหนึ่ง ตามด้วบกลิ่นเขียวแกมเบอร์รี่ของ Blackcurrant Bud ที่มีลูกเอื้อนของโทนเบอร์รี่กับเกรปฟรุตก็ยังตามมาในช่วงนี้ด้วยแบบประปราย ซึ่งแน่นอนทุกอย่างปูทางไปสายเขียวหมดแม้จะแตกต่างในมิติที่เป็นที่ทางของ Note กลิ่นนั้นๆ เอง แต่สิ่งที่มากล่อมเกลารวมความเขียวให้ผสมผสานกันได้เป็นอย่างดีต้องยกให้ความครีมมี่ของซ่อนกลิ่นที่เข้ามาอย่างถูกจังหวะ แน่นอนว่าซ่อนกลิ่นก็มีลูกเอื้อนเขียวเบาๆ รวมอยู่ด้วย เลยทำให้เนื้อกลิ่นรวมตัวกันเป็นโทนเขียวที่มีกลิ่นขมแกมผักและมีความเขียวกึ่งหวามอมเปรี้ยวหน่อยๆ กำลังดีในความครีมมี่ของทั้งหมด เรียกว่าช่วงนี้คนรักโทนเขียวแกมขมกึ่งทึบปนผลไม้และกลิ่นผักหน่อยๆ จะเข้าถึงได้และฟินกับมันได้ไม่ยากเลย

ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงท้ายจะมีความรู้สึกกลิ่นออกทางเขียวกึ่งใบบัวบกกึ่งแตงกวาที่ค่อนๆ เปิดตัวออกมาทำให้เนื้อกลิ่นมีความฉ่ำน้ำติดเขียวอยู่หน่อยๆ ซึ่งนี่เป็นลักษณะโทนกลิ่นของใบไวโอเล็ต เลยทำให้มีโทนกลิ่นกึ่ง Green Aquatic เข้ามาร่วมด้วยกับกลิ่นเขียวแกมครีมมี่ติดปร่าแกมผัก ซึ่งก็ปูทางเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเป็นกลิ่นเขียวครีมมี่ที่เด่นกับตัวตำแยกับ Fig ที่เพิ่มฉ่ำใบไม้แกมแตงกวา โดยมีตัวพิมเสนมาสานความปร่าระเรื่อหน่อยๆ ให้กลิ่นที่รื่นจมูก แต่สิ่งที่มารองพื้นจะเป็นกลิ่นที่คาบเกี่ยวระหว่างการเป็นโทนไม้หอมแกม Musky ที่จะให้ความรู้สึกอบอุ่นอวลหน่อยๆ อารมณ์แบบกึ่งผิวกายแกมไม้หอมที่มีความเขียวฉ่ำแกมครีมมี่ติดปร่าหน่อยๆ ฉาบหน้าไว้อยู่ ซึ่งทำให้ภาพรวมเป็นเป็นกลิ่นสดชื่นชื้นๆ ที่มีความสะอาดแกมเขียวกำลังดีให้ความรื่นรมย์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปในที่สุด

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน ยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นเขียวที่มีลูกเล่นต่างๆ เป็นเลเยอร์ซ้อนกัน กลิ่นนี้จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีมาก ซึ่งเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหือทั่วๆ ไป รวมถึงค่อนข้างเป็น Summer Scent ที่ให้ความเขียวสดชื่นได้ดี เหมาะกับการออกกลางแจ้งอีกด้วย จะมีก็แต่การใส่ออกกำลังกายที่ก็ได้อยู่ แต่ถ้ารอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเน้นไปที่การใส่แบบผ่อนคลายสบายๆ จะดีที่สุด เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้มาสายพร้อมลุยยามราตรีแต่อย่างใด 

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบอยู่ราวๆ 2 ชม. ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิว + เคมีของผู้ใช้กับน้ำหอมด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจออยู่ที่ระหว่าง 8 - 10 ชม. เป็นประจำในการใช้งาน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นเรียกว่าเสิร์ฟความสดชื่นกึ่งผลไม้กึ่งเปรี้ยวกึ่งเขียวได้ดีเลย ก่อนจะลดลงมาที่กระจายดีไปราวๆ 30 นาที ก่อนที่จะเริ่มคงตัวที่การกระจายปานกลางไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปราว 5 ชม. ก็จะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวก่อนแตะมือกับการเป็น Skin Scent ภายหลังชั่วโมงที่ 7 - 8 ไปแล้ว

สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นกลิ่นที่แม้ว่าอาจจะไม่ได้เด่นที่ Fig แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ถือว่าเป็นโทนเขียวที่ไล่เลเยอร์โทนกลิ่นที่น่าสนใจและให้ความรู้สึกแบบอารมณ์สวนที่มีผักและผลไม้ หรือสวนปกติที่มีพืชล้มลุกเยอะๆ แบบที่ไม่ใช่สวนตัดแต่งสวยงามหญ้าโล่งเตียน แล้วเราเอาฟรุ๊ตสลัดหรือผลไม้รวมมานั่งกินเล่นในนี้ ซึ่งก็ถือว่าสื่อสารได้ดีและมีเสน่ห์ในการเป็นโทนเขียวได้ครบเครื่องไม่น้อยเลยจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.millerharris.com/products/wander-through-the-parks-new

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น