วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2565

Review: Strangers Parfumerie - Sombre

Strangers Parfumerie - Sombre

จะว่าไปกลิ่นนี้ถือเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างกลัวมากที่สุดในการเอามาเขียนบรรยายกลิ่น เพราะจากที่เคยได้ลองดมแบบผิวเผิน ในหัวมันตอบได้อย่างเดียวว่า “ไม่น่าจะใช่และไม่น่าเหมาะกับเราเท่าไหร่” แต่ในเรื่องงานอาร์ตอันนี้บอกเลยว่าให้คะแนนเต็มในแง่ของการสร้างสรรค์กลิ่นได้แตกต่างจากขนบ โดยความสำคัญของกลิ่นมันอยู่ที่การถอดสภาพแวดล้อม สถานการณ์ และการเล่าเรื่องต่างหากที่มีเสน่ห์มากกว่าการสร้างกลิ่นตามคาแรคเตอร์แบบที่มหาชนชอบหรือเป็นไปตามเทรนด์ที่คนจะวิ่งตามๆ กันในการหามาใช้งาน

เพราะสุคนธกรมาในสายภาพยนตร์ แน่นอนว่าการสร้างสรรค์งานทางด้านศิลปะจึงมาเต็มและพร้อมเสิร์ฟ เช่นนั้นที่มาที่ไปของกลิ่นนี้จึงเป็นการอุทิศให้ภาพยนตร์ของ Philippe Grandrieux ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสที่เป็นงานศิลปะที่สุดขั้วมากๆ อย่างเรื่อง Sombre และ A New Life (La vie Nouvelle) โดยมีเรื่องราวที่เป็นการเอาตัวละครเอกของแต่ละเรื่องมาเจอกัน นั่นคือ “ฆาตกรต่อเนื่อง (Sombre) และโสเภณี (A New Life)” ที่ตกหลุมรักกัน ดื่มกัน และปิดท้ายด้วยการ Make Love กันในบ้านหลอนๆ ซักที่ แค่นี้ก็สุดขั้วแล้วไหมล่ะ

เช่นนั้น เมื่อตั้งสมาธิจนได้ที่ ก็ได้เวลาที่จะมาตั้งธงใหม่ในการเรียนรู้งานศิลปะผ่านกลิ่นซะที เพราะก็อยากรู้ว่าสิ่งที่เคยได้รับเพียงผิวเผินแล้วคำตอบที่เด้งมาทันทีว่ากลิ่นนี้ไม่ใช่ มันจะแปรเปลี่ยนจากการที่เราได้สัมผัสจนสุดทางหรือไม่ หรือจะยังคงเดิม เช่นนั้น สิ่งที่ได้เรียนรู้จากทั้งผิวเผินและการใช้งานจริง ก็คือ

Sombre: สิ่งที่ได้จากการดมเพียงผิวเผิน - เอ่อ เหมือน Etat Libre d’Orange - Secretions Magnifiques เลย คือ กลิ่นไม่ได้พึงประสงค์มาเต็มแบบกลิ่นอาเจียนสดๆ กลิ่นอับ กลิ่นแนวน้ำเหลืองหรือหนอง และกลิ่นสาปสัตว์เหงื่อไคล เพียงแต่สิ่งที่พอไหวนั่นคือกลิ่นมีความ Earthy มากกว่า ELDO เพราะไม่มีกลิ่นเลือด น้ำลายท่วมๆ หรือน้ำอสุจิใดๆ มาทำให้ตะลึง เพราะกลิ่นโคลนค่อนข้างชัด และมีกลิ่นไอแชมเปญที่ทำให้พอตั้งสติได้ แต่ก็เอิ่มอยู่ดี นี่คือจบแค่การดมเพียงผิวเผิน

Sombre: สิ่งที่ได้จากการใช้งานจริง - จะมีแค่ช่วงต้นเท่านั้นที่กลิ่นไม่ได้พึงประสงค์เท่าไหร่ เพราะจะมีกลิ่นอาเจียนสดๆ อารมณ์เหมือนคนที่กินอาหารตะวันตกที่มีชีส มีนม มีพวกแป้ง และแชมเปญ แล้วอาเจียนออกมาแบบผสมกันไปหมด ซึ่งมันจะมีกลิ่นออกทางคล้ายหนองหรือน้ำเหลืองรวมอยู่ด้วย รวมถึงกลิ่นอับสถานที่แบบ Dirty มีกลิ่นเชื้อราอับๆ กลิ่นห้องทึบอับหรือไพล่ไปยังผ้าเหม็นอับ และกลิ่นโคลนที่แทรกอยู่ทุกๆ สเต็ปของกลิ่นในช่วงต้น แต่ต้องบอกว่านี่คืออารมณ์น้ำหอม Niche ที่กลิ่นเปิดอาจจะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกโสภานักและโคตรจะเรียลเลย ซึ่งช่วงถัดๆ ไปต่างหากที่เราจะได้เห็นความงาม ความน่าตื่นเต้น ความลุ่มลึก หรืองานอาร์ตที่มีเสน่ห์ทางกลิ่น

เมื่อกลิ่นแนวอาเจียน หรือน้ำเหลืองน้ำหนอง หรือเชื้อราอับๆ เริ่มจางลงไป นี่แหละสิ่งที่รอคอย เพราะจะเป็นการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่ตอนนี้จะเป็นกลิ่นลูกผสมที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นโทน Animalic และ Floral Powdery ซึ่งช่วงนี้ถือว่ามีทั้งความดิบห่ามของฝั่ง Animalic ที่มาจาก Musk และ Civet ที่ให้ความห่ามที่มาเจอกับความเป็นโทนแป้งดอกไม้ที่มีกลิ่นของดอกซ่อนกลิ่นแกมมะลิแฝงความตุ่ยๆ Indolic มีกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ยวนใจแกมกลิ่นแชมเปญหน่อยๆ แบบติดระเรื่อๆ แบบกลิ่นเหล้าติดผิวกายอะไรประมาณนั้น ซึ่งมันได้ทั้งความ Dirty สาบเย้าเร้าใจและความเย้ายวนในเวลาเดียวกัน โดยที่ยังมีกลิ่นสภาพแวดล้อมที่อับๆ ทึบๆ กลิ่นโคลน อยู่ประปราย มีกลิ่นอาเจียนนิดนึงแต่ไม่ได้ชัดมากแล้ว (ยกเว้นกลิ่นติดจมูกแกะไม่ออก อันนี้ก็ตัวใครตัวเผือก) ซึ่งอันนี้ชัดเจนว่าแบ่งภาคตามเรื่องราวได้เห็นภาพจริงๆ ว่าฝั่งหนึ่งคือดิบร้ายและอีกฝั่งคือเย้าเร้าใจแบบความต้องการมาเต็มไม่มีเขียม เมื่อมาเจอกันก็ตามเรื่องราวเลยคือการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจากการ Make Love ในสภาพแวดล้อมตามคำเล่า ซึ่งบอกเลยว่ากลิ่นมาในทางที่ดีขึ้นกว่าช่วงต้นเยอะมากจนมาองเห็นภาพและความสวยงามทางกลิ่นในเชิงอาร์ตแบบนั่งดูภาพยนตร์สายอาร์ตที่ส่งต่องานศิลปะที่สุดขั้วและเรียลได้ไม่ยากเลย

การปิดท้ายของน้ำหอมเรียกว่าเข้าสู่ภาวะที่เรื่อยๆ มาเรียงๆ และไปในทิศทางที่กลิ่นสวยมากขึ้น เพราะกลิ่นในช่วงกลางจะตามมาทั้งหมด ยกเว้นกลิ่นอาเจียนที่ไม่เหลือให้จับต้องได้แล้ว กลิ่นจะเป็น Floral Powdery ที่มีลูกเอื้อนของ Animalic Musk คลอๆ แบบกำลังดี และมีกลิ่นไม้หอมหน่อยๆ ประปราย กลิ่นมีความกึ่งกลางระหว่างโทนสว่างกับดาร์ก Dirty อยู่ เพียงแต่ไม่ได้โหดเท่าช่วงแรกและไม่ได้ดูเป็น Sex Scene เท่าช่วงกลางแล้ว ออกแนวค่อนไปทางสบายๆ มากขึ้นเสียด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนทุกอย่างสิ้นสุดกิจกรรมความสุดขั้วมาสู่สภาวะปกติที่เป็นโทนแป้งแกม Musky ที่มีลูกเอื้อน Animalic หน่อยๆ แบบทีความเย้าๆ ติดปลายกลิ่น ซึ่งกลิ่นลักษณะนี้มีความเป็นปลายเปิดสูงมากแบบที่จะเป็นกลิ่นที่ให้ความอบอุ่นนุ่มเย้าหน่อยๆ ที่มีเสน่ห์ก็ย่อมได้ หรือจะเป็นกลิ่นที่เป็นรอยทางติดตัวไปแม้ว่าจะไม่ได้ต่อยอดกันต่อเป็นแค่ความทรงจำในช่วงเวลาหนึ่งที่สุดเหวี่ยงก็สามารถ ถือเป็นการปิดท้ายได้ลงตัวโดยที่ไม่ได้ถึงกับหนักหน่วงอีกต่อไปแล้ว

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่เน้นความอาร์ตและแนวเป็นสำคัญ ซึ่งเอาจริงๆ ใส่ฮัลโลวีนก็ได้นะ แต่ถ้าไม่มายด์แล้วนับหนึ่งก่อนออกไปเจอผู้คนตั้งแต่ช่วงกลางที่กลิ่นอาเจียนมีเพียงบางๆ แล้ว สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันเลย เพราะเป็นโทนที่มีเสน่ห์และมีความหอมแกม Animalic ที่น่าสนใจมากแถมเข้าโทน Classic Animalic ได้อีกด้วย แน่นอนให้ตัดการใส่ยามทางการจ๋าๆ หรือออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนจากช่วงกลางเป็นต้นไป ถือว่าใส่ปล่อยของได้ไม่ยากเสียด้วย เอาเป็นว่า เลือกเอาแล้วกันว่าจะใส่ตอนไหนและจะพรีเซนต์ตัวเองอย่างไง แต่อย่าให้กลิ่นช่วงต้นติดเสื้อที่สวมก็เป็นพอ เพราะไม่งั้นเหมือนเสื้อเลอะอาเจียนมาแล้วยังไม่ได้ล้าง กลิ่นมันจะรบกวนจมูกตลอดเวลาเอาได้

ความทน - มากกกกกกก 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ เช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น เรียกว่าเล่นเอาตึ้บได้ แนะนำยืนหน้าพัดลมให้พัดออกไป แบบยังไม่ต้องสวมเสื้อ แล้วช่วงกลางกลิ่นจะลดลงมากระจายกึ่งดีกึ่งปานกลางกันพอสมควร พอผ่านไปซัก 5 ชม. ก็จะเริ่มเสถียรที่ออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไปแล้ว 

สรุป - ถ้าตัดช่วงต้นออกไป นับตั้งแต่ช่วงกลาง นี่คือ Animalic Floral Powdery ที่มีเสน่ห์มากๆ อีกหนึ่งกลิ่นและไม่ธรรมดาในการสร้างภาพให้เห็นเหมือนนั่งดูภาพยนตร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่มันไม่ได้ธรรมดาและโหดมาก มาสู่ความดิบห่ามกับเย้ายวนผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่าง 2 เพศแบบที่แม้จะมีความดุดันปล่อยสัญชาตญาณดิบ แต่ก็มีความอ่อนโยนแบบเนียนๆ สมกับคำว่า Make Love โดยที่ไม่แคร์สถานที่ได้ และที่สำคัญขอบอกตรงนี้เหมือนในเว็บใน Section ของน้ำหอมกลิ่นนี้เลยว่า “เปิดใจเถอะ” แล้วจะเจอว่ามีอะไรดีๆ อยู่ข้างในที่เรามองผิวเผินไม่ได้

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น