วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2565

Review: Paul Emilien - Jeune et Frivole

Paul Emilien - Jeune et Frivole

เมื่อเอาชื่อกลิ่นน้ำหอมมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ แอบมีความอึ้งๆ เล็กน้อย เพราะมันมีความเสียดสีชอบกลในการตั้งชื่อกลิ่นนี้ เพราะ Jeune et Frivole = Young and Frivolous ที่หมายความว่ายังวัยรุ่นและยังไม่ได้จริงจังกับชีวิตมากนัก ซึ่ง Paul Emilien ได้ถอดความออกมาเป็นหนึ่งในกลิ่นน้ำหอมของแบรนด์ตัวเอง แน่นอนว่ามากับขวดสวยสีฉ่ำมาเลย โดยทีคำโปรยเอาไว้โดยสรุปว่า

“สาวคนหนึ่งกับรอยยิ้มจากปากสีฉ่ำกับช่วงวัยที่กำลังสดใส กับการท่องเที่ยวไปที่ต่างๆ ทั่วโลก ไปเรื่อยๆ แบบที่ตัวเองตั้งใจไว้ อยากไปไหนก็ไป โดยไม่สนวันและเวลาของชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวัน โดยไม่ได้สนใจในเรื่องความสวยงามที่ตนเองมี” ซึ่งสรุปมาเสร็จ จะมองไปทางลบก็ได้แหล่ะ หรือถ้าจะมองทางบวกก็ไม่ผิด เพราะมีชีวิตก็ใช้ซะ เช่นนั้น ทั้งสีขวดและสีปากตามคำโปรยฉ่ำมาแล้ว กลิ่นจะฉ่ำขนาดไหนมาลองดูกัน

เปิดต้นกลิ่นมาโทนเบอร์รี่สีแดงที่เป็นโทนเปรี้ยวแกมฝาดหน่อยๆ น่าจะมีสายเรดเคอแรนท์หรือแครนเบอร์รี่ที่รวมอยู่ จะวูบขึ้นมาพร้อมกับความหวานของราสเบอร์รี่แบบไม่ได้ฉ่ำนัก ออกแนวเกลาความฉ่ำออกไปให้เหลือความแห้งหวานออกทางกึ่งสีแดงกึ่งสีชมพูอารมณ์บานเย็นฟุ้งออกมา และไม่พอมีตัวตัดทอนในสายเบอร์รี่สีเข้มอย่างแบล็คเคอแรนท์ที่มาแบบออกทางกึ่งเปรี้ยวกึ่งแอมโมเนียเล็กๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งพอมาตัดทอนกันจะทำให้โทนกลิ่นไม่ได้ดูใสๆ หรือกิงก่องแก้วสีชมพูหวานเจี๊ยบมาจากไหน และที่สำคัญกลิ่นโทนออกทางกุหลาบที่ติดฝาดอ่อนๆ แกมกลิ่นคาราเมลที่ยังไม่ได้หวานจ๋าเสริมขึ้นมาให้ลักษณะที่มีความเป็นโทนดอกไม้เข้ามาร่วมด้วย เลยทำให้เนื้อกลิ่นมีลักษณะที่เป็นสีชมพูบานเย็นกำลังดี ให้ความหวานแต่ไม่ได้หวานเอียน ให้เสน่ห์แบบพอเหมาะที่เป็นหอมหวานดอกไม้กึ่งผลไม้ติดฝาดเล็กๆ แบบที่ไม่ได้ถึงกับน่ารักจ๋า แต่มีความสวยงามทางกลิ่นแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ที่น่าสนใจเกินคาด

โทนเบอร์รี่ทั้งหลายจะยังไม่ไปไหน แต่จะมาเนียนผสมผสานกับโทนดอกไม้ในช่วงกลางอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเอกสำคัญต้องยกให้ 4 โทนที่รวมตัวกันอยู่ในช่วงนี้ โดยคุมโทนความแห้งกำลังดีของกลิ่นได้อย่างพอเหมาะ ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นโทนดอกไม้ที่เด่นกับโทนกุหลาบแกมไวโอเล็ตทำให้ได้อารมณ์แป้งกุหลาบติดโปร่งติดฝาดหน่อยๆ มีความเจือน้ำผึ้งเล็กๆ ของไลแลคและมีความความนวลๆ ของมะลิแฝงอยู่ ตามด้วยกลิ่นโทนผลไม้ที่ตามมาจากช่วงต้นให้อารมณ์กลิ่นสีชมพูบานเย็นหวานกำลังดี เสริมด้วยกลิ่นคาราเมลที่ไม่ได้ถึงกับ Smoky แต่ให้อารมณ์แบบคาราเมลที่หวานโปร่งหน่อยๆ มีความแห้งมากกว่าจะหวานแน่นเอียน และปิดท้ายที่ความอบอุ่นของโทนแอมเบอร์ค่อนไปทางวานิลลาหน่อยๆ ที่ให้เนื้อกลิ่นมีความอบอุ่นพอเหมาะ ซึ่งทุกอย่างพอมารวมกันทำหน้าที่ส่งเสริมกันได้เป็นอย่างดีในการเป็นน้ำหอมที่ให้ความหวานสีชมพูแบบไม่จัดจ้านหรือใสจนดูเป็นวัยรุ่นวุ่นรักบับเบิ้ลกัมเกินไป ซึ่งถือว่าในช่วงนี้กลิ่นชี้ไปทางคาแรคเตอร์ตามคำโปรยได้ดี คือกลิ่นสวย มีความวัยรุ่น แต่ไม่ได้ถึงกับเยิ้มหยาดมาจากไหน อารมณ์สาวนักท่องเที่ยวที่สวยแหล่ะ ชอบสีชมพู แต่ไม่ได้ประโคมจนดูเป็นสาวพลาสติกหรือเป็นขนมแบบที่วัยรุ่นชอบกลิ่นแนวนี้มากขนาดนั้น

และเมื่อเข้าช่วงท้ายตัวเดินกลิ่นหลักจะเปลี่ยนจากสายดอกไม้ทั้งหลายมาเป็นกลิ่นโทนหวาน Oriental มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ายังคุมโทนวัยรุ่นที่ชอบโทนหวานอยู่ นั่นก็คือ วานิลลา ที่จะมี 2 โทนหลักๆ เลยคือ วานิลลาแบบโทนแป้งอวลกับวานิลลาติดหวานที่มีความแหลมพอประมาณ ซึ่งอันนี้น่าจะมาจากกำยาน Benzoin ที่จะมาในกลิ่นลักษณะนี้ พอเสริมด้วยคาราเมล กลิ่นเลยจะได้อารมณ์วานิลลาคาราเมลที่หวานอวลในระดับที่ดีอยู่ แต่ไม่ได้ถึงกับแผ่ไพศาลความหวานรอบทิศ และมีความอบอุ่นอวลๆ อยู่ตลอดจากโทนแอมเบอร์และมีความเป็นครีมมี่ติดไม้หอมของไม้จันทน์หอมเข้ามาร่วมด้วย โดยที่ความเป็นโทนแป้งดอกไม้ในช่วงกลางจะมีประปรายรายรอบแล้ว ไม่ได้เด่นเท่าวานิลลาที่กลิ่นจะชัดที่สุดแต่เสริมให้กลิ่นมีความหวานที่มีมิติแฝงอยู่ ทำให้เนื้อกลิ่นมีความเยาว์วัย มีความขนม มีความอวลที่หนาพอสมควรแต่ไม่ได้อัดหนักจนเอียน ถือว่าเป็นการปิดท้ายกลิ่นที่คุมโทนความเป็น Jeune หรือ Young ได้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นยันจบเลย       

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยตั้งแต่เรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้งานได้สบายมาก กลิ่นมีความวัยรุ่นมีความเยาว์วัย แต่ไม่ได้ใสหรือหวานแน่นจนดูหรือพยายามทำให้ตัวเองดูสวยโดดเด่นแต่อย่างใด เลยทำให้ไม่ว่าจะช่วงอายุไหนที่มากกว่าคำว่าวัยรุ่นก็ใช้งานได้หมด ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบลงสเปรย์ให้เหมาะสม เพราะกลิ่นมันหวาน เดี๋ยวอากาศร้อนๆ จะตึ้บเอาได้ ซึ่งให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย อาจจะอึนแน่ๆ เวลากลิ่นตีขึ้นหนักๆ ส่วนยามค่ำคืนใส่ท่องราตรีได้สบายมาก หรือใส่แบบชิลล์ๆ ก็ได้ มีความวัยรุ่นที่หอมหวานที่ทำให้เรายิ้มได้อยู่ตลอดเลยล่ะ

ความทน - กลิ่นทนดีงามมาก กับ 12 ชม. ที่เจอทุกครั้งเป็นเรื่องปกติ และไปต่อถึง 15 ชม. ได้อีกด้วย ซึ่งตรงนี้ไม่มีคำว่า Worry ใดๆ เลย เพราะกลิ่นทนจริงอะไรจริง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นก่อน แล้วจะพุ่งขึ้นมากระจายดีมากราวๆ 1 - 2 ชม. หลังจากนั้น ถึงค่อนๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนคงที่ที่ปานกลางไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 6 ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบชัดๆ ด้วยความเป็นโทนวาน Oriental ของวานิลลาเด่นยาวไปเรื่อยๆ แบบที่ยังไม่รู้สึกว่าจะ Skin Scent เมื่อไหร่ก็อาบน้ำล้างตัวไปเสียแล้วราวๆ นั้น 

สรุป - แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้มีความว้าวแบบสไตล์ Niche Perfume ที่ลงรายละเอียดความอาร์ต แต่เป็นกลิ่นที่เข้าทางการเป็น Niche ใช้ง่ายแตะความเป็น Designer ก็ได้ด้วย โดยที่คุณภาพส่วนผสมถือว่าไม่ได้ไก่กา และที่สำคัญการคุมโทนที่สื่อสารถึงความเยาว์วัยในกลิ่น อันนี้ต้องชื่นชมว่าทำได้ดี เพราะกลิ่นลักษณะนี้แหละวัยรุ่นแบบฝรั่งน่ะชอบ ให้ความเป็นสีชมพูอีกด้วย แต่เบรกด้วยความไม่ได้ใส่ใจว่ากลิ่นต้องแน่นต้องหนา ต้องเรียกแขก แต่ออกแนวก็ใส่เพราะชอบอ่ะ ไม่ได้เน้นสวย เพราะจะไปท่องโลก มันผิดตรงไหนเหรอ ซึ่งถือว่ามีความ Contrast และ Mix & Match ที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.paulemilien.com/product-page/jeune-et-frivole

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น