วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566

Perfume Made in Japan - ตะลุยความหอม ณ โตเกียว

 

สำหรับคนที่ใช้น้ำหอมไม่ว่าจะทั้งใช้โดยทั่วไป หรือว่าใช้เพื่ออาบ หรือสะสมกันอย่างหนำ แน่นอนว่าจะรู้จักน้ำหอมแบรนด์ที่มาจากญี่ปุ่นกันเป็นแน่แท้ โดยเฉพาะน้ำหอมฟากฝั่ง Designer Brands ที่เรียกว่าไม่เป็นสองรองใครในตลาดน้ำหอมโลกมาอย่างยาวนาน อาทิเช่น Shisedo, Issey Miyake, Kenzo, Annayake, Masaki Matsushima และ Yohji Yamamoto เป็นต้น

สำหรับกลุ่มสาย Designer Brands เหล่านี้โดยส่วนใหญ่ก็เรียกว่าติดลมบนกันไปแล้ว และเนื้อกลิ่นมีความเป็น International ที่ใส่ความเป็นสไตล์ญี่ปุ่นเข้าไปให้มีความกลมกลืน ซึ่งหลายๆ แบรนด์นั้นก็มีแหล่งผลิตน้ำหอมที่อยู่ในแถบยุโรปหรือฝรั่งเศสกันเสียส่วนใหญ่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งคือนอกจากแบรนด์สาย Designer แบบนี้ แล้วกลุ่มแบรนด์น้ำหอมที่ Made in Japan อื่นๆ อาจจะทั้ง Designer Brands และ Niche Brand ล่ะ มีอะไรน่าสนใจบ้าง เช่นนั้น มาแจกแจงกันหน่อยว่าถ้าไปเยือนญี่ปุ่น โดยเน้นที่ "โตเกียว" มีอะไรที่คนชอบน้ำหอมควรไปตะลุยดมบ้าง

------------------------------------------

Parfum Satori 

ด้วยฝีมือระดับปรมาจารย์กับน้ำหอมสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งในถ่ายทอดเนื้อกลิ่นที่บ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างมีเสน่ห์ในสไตล์มินิมัลและวาบิซาบิ จนทำให้แบรนด์นี้ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ Niche Perfume สายศิลปะที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นสู่ระดับโลกที่ผู้ใช้น้ำหอมสาย Niche ต่างๆ ให้การยอมรับ นี่คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่ไม่ธรรมดาและควรค่าแก่การได้ลองและครอบครองซักกลิ่น

แนะนำให้ลอง: Satori, Hyouge, Sakura, Iris Homme และ Koke Shimizu

Place: บูติคของแบรนด์โดยตรงที่ “รปปงหงิ” ปัจจุบันอาจจะต้องติดต่อเพื่อจองในการเข้าไปเยี่ยมที่บูติคก่อน 

------------------------------------------

DI SER

ต้องบอกเลยว่าแบรนด์นี้คือการสร้างสรรค์น้ำหอมสาย Natural Perfume อย่างแท้จริง และใช้กรรมวิธีแบบดั้งเดิมที่จะดึงเอาความเป็นธรรมชาติของกลิ่นลงสู่ขวด (สกัดกลิ่นโดยตรงจากพืชหรือดอกไม้เองเลย) ซึ่งเพราะความเป็นธรรมชาติที่มีความวาบิซาบิในตัวสูงขนาดนี้ ทำให้แบรนด์นี้ได้รับการยอมรับอย่างมากในสายน้ำหอม Niche ระดับโลก และที่สำคัญเข้าเป็นหนึ่งใน Finalist รางวัล Art & Olfaction Awards มาแล้ว

แนะนำให้ลอง: Keman, Kaze Hikaru, Amedeku, Shiragoromo และ Akanesasu

Place: อยู่ "ฮอกไกโด" ก็ไปที่บูติคของแบรนด์ได้เลย คือ "Essentia" แต่ถ้าอยู่โตเกียวก็ไปที่ร้าน "Amritara House" ที่อยู่ใน "ชิบูยะ (ลงสถานีฮาราจูกุจะเดินใกล้กว่า)" 

------------------------------------------

Shiro Fragrances

มาจากฮอกไกโดเหมือน DI SER แต่เริ่มต้นจากการเป็นแบรนด์ Skin Care ก่อนที่จะเริ่มทำน้ำหอมออกมา ซึ่งเป็นน้ำหอมที่ให้ความเป็นสไตล์ญี่ปุ่นที่เน้นความทันสมัยเสียมาก โดยมีแบ่งออกเป็น Collection - Classic กับ Exclusive ซึ่งปัจจุบันแบรนด์นี้ไปไกลในระดับโลกเรียบร้อย เพราะตีตลาด UK และ US ได้ด้วย โดยมี Online Shop รองรับพร้อม

แนะนำให้ลอง: ฝั่ง Classic > Savon, White Lily และ Earl Grey ส่วนฝั่ง Exclusive > Smoked Leather, Freesia Mist และ Spice for Life

Place: โอ้โห เพียบเลยในโตเกียว ถ้ายึดชินจูกุเป็นหลักก็ห้าง NEWoMan (ตรงข้ามสถานีชินจูกุ) หรือห้าง Isetan และห้าง Lumine

------------------------------------------

J-Scent

อีกหนึ่งแบรนด์สาย Niche Perfume ที่ใช้ง่าย และนำเสนอกลิ่นอายร่วมสมัยในความเป็นสไตล์ญี่ปุ่นได้หลากหลายและมีเสน่ห์ในตัวสูงมาก และได้รับความนิยมส่งไปยังผู้เล่นน้ำหอมต่างๆ ในทุกมุมโลก กับราคาที่น่าคบหาและเข้าถึงได้ง่าย ถือเป็นอีกแบรนด์ที่เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้เล่นน้ำหอมเมืองไทยอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

แนะนำให้ลอง: Roasted Green Tea, Ramune, Paper Soap, Sumo Wrestler และ Honey & Lemon

Place: ส่วนใหญ่จะกระจายตัวอยู่ตามร้านหนังสือ Tsutaya และ Hands หรือถ้าได้ไปตึก Shibuya Sky ข้างบนก็มีขาย ส่วนร้านที่ได้ไปเจอคือ Hands ที่ชินจูกุ และอีกที่คือตึก Tokyu Kabukicho Tower ที่ร้านขายของที่ระลึกชั้น 9

------------------------------------------

Liberta Perfume

เป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นมาไม่นานแต่ฝีไม้ลายมือนั้นไม่ธรรมดา และสร้างสรรคกลิ่นออกมาได้ครบเครื่องในการเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ที่สำคัญแบรนด์มี Cologne Concentree ที่สร้างสรรค์กลิ่นจากการ Upcycle โดยเอา Waste ที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมชาหรือสาเก มาสร้างสรรค์น้ำหอมที่ทำให้ได้กลิ่นอายชาและสาเกที่ยอดเยี่ยมและให้กลิ่นที่ธรรมชาติที่สุดมากๆ อีกด้วย 

แนะนำให้ลอง: สาย Cologne Concentree > Gin-Jo และ Cha-ba ส่วนสาย Liberation > Solterra, Fractus และ Nivalis

Place: แบรนด์มีสตูดิโออยู่ที่ "รปปงหงิ" แต่ต้องนัดก่อนทุกครั้งผ่าน IG หรือเว็บของแบรนด์ (เจ้าของแบรนด์พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก) หรือถ้าไม่อยากไปตัวต่อตัวขนาดนั้น อาจจะต้องติดตามดูผ่าน IG ของแบรนด์ว่ามี Pop-up Store ที่ไหนบ้างในเขตโตเกียวช่วงเวลานั้น แล้วก็บึ่งไปได้เลย 

------------------------------------------

AUX PARADIS

เป็นแบรนด์ Skin Care ที่ค่อนข้างมีความเก๋ เพราะนอกจากน้ำหอมกลิ่น Signature หลักจะอยู่ให้ซื้อหาได้เรื่อยๆ แล้ว ยังมีความพิเศษคือ บางกลิ่นจะซื้อหาได้เฉพาะฤดูกาลเท่านั้น (Limited Edition by Season) ซึ่งเป็นสายกลิ่นสบายๆ มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก มินิมัล และ Eco-Friendly ที่ขวดจะเป็นสีชาเรียบๆ 

แนะนำให้ลอง: Savon, Fleur, Homme, Fraise และ Grapefruit

Place: ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้าง Lumine ในหลายๆ สาขาที่โตเกียว ไม่ว่าจะเป็นชินจูกุ, ยูราคูโช หรืออิเคะบุคุโระ

------------------------------------------

retaW

เป็นแบรนด์ Body Care ที่มีความเก๋ในตัวเองสูงมาก โดยเฉพาะ Shop ของร้านที่แบบว่า โห นึกว่าโซนเครื่องดื่มเก๋ๆ ซะอีก ซึ่งแบรนด์นี้จะมีน้ำหอมด้วยทั้ง Liquid และ Solid Perfume หรือน้ำหอมแห้ง ซึ่งกลิ่นจะสบายๆ เรียบง่าย และไม่เน้นรบกวนใคร แต่มีสไตล์เนียนๆ กำลังดี ส่วนถ้าเป็นพวกสเปรย์จะเป็น Fabric Spray ที่กลิ่นน่าสนใจติดเสื้อผ้าทนในระดับหนึ่งเลยทีเดียว และแต่ละสาขาจะมีน้ำหอมเฉพาะสาขาด้วย

แนะนำให้ลอง: Allen, Everyn และ Burney

Place: บูติคที่ฮาราจูกุ หรือที่กินซ่า่ ที่น่าจะไปได้ไม่ยาก จริงๆ มีอีก 2 ที่ จะไม่เคยแว้บไปเลยขอข้าม 

------------------------------------------

OSAJI

เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นพอสมควรกับการเป็น Skin Care และที่สำคัญมีน้ำหอมที่น่าสนใจอยู่เยอะเสียด้วยทั้ง EDT ที่เอาสีต่างๆ มาแทนความรู้สึกแล้วแปลงออกมาเป็นกลิ่นอายที่มีดอกไม้เป็นองค์ประกอบสำคัญและให้อารมณ์สไตล์ญี่ปุ่นใช้ง่ายเข้าถึงง่าย ส่วน EDP ก็จะเน้นความเป็นกุหลาบในรูปแบบต่างๆ ที่ให้อารมณ์ญี่ปุ่นลึกซึ้งและละเมียดได้ดีเลยทีเดียว

แนะนำให้ลอง: กับ EDP แต่ถ้าคนที่ชอบกุหลาบน่าจะชอบทุกกลิ่น แต่ฝั่ง EDT > Fuji, Suisen และ Kuromoji

Place: Shop ของ OSAJI เลยที่ชิบูยะ ใกล้กับสถานี Otome-Sando หรือฮาราจูกุก็ได้ แต่จุดอื่นก็จะมีห้าง Isetan และ Lumine ที่ชินจูกุ 

------------------------------------------

เรียบร้อยแล้วสำหรับการไปตะลุยซึมซับกลิ่นอายน้ำหอมที่ Made in Japan ณ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

แต่สิ่งหนึ่งต้องเข้าใจกันก่อนว่า "น้ำหอมที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นจะไม่ได้เป็นสายปล่อยพลังซูเปอร์ไซย่าหรือว่าเล่นใหญ่ไฟกระพริบ" ซึ่งถ้าคาดหวังว่าจะไปแล้วเจอกลิ่นหนักๆ ตูมๆ ปังๆ ทนจัดจ้าน บอกเลยว่าอาจจะผิดหวัง เพราะสไตล์ผู้คนบ้านเมืองเขาคือไม่เน้นรบกวนผู้อื่น เช่นนั้น คนที่ชอบน้ำหอมเบาๆ หรือสบายๆ มีความเป็นธรรมชาติ รวมถึงให้ความรู้สึกแบบว่าญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นนี่สิ บอกเลยโดยตกได้สบายมาก

Credit ภาพ: ทั้ง Logo และภาพน้ำหอมค้นหาจากเว็บไซต์ของแบรนด์หรือฐานข้อมูลน้ำหอม แล้วนำมาจัดวางรวมกัน


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น