Parfums Dusita - Anamcara
ในทุกๆ ครั้งที่มีโอกาสได้ลองน้ำหอมของ Parfums Dusita สิ่งแรกที่จะปิ๊งแว้บเข้ามาในใจเสมอนั่นก็คือ “กลิ่นสวย” อารมณ์เหมือนความประทับใจแรกพบที่เวลาเราเจอคนหน้าตาหล่อสวยมากๆ แล้ววางตัวดีมีระดับแบบที่เราเองก็เข้าถึงเขาได้ไม่ยากอะไรประมาณนั้น ซึ่งไม่ว่ากลิ่นที่คิดว่าใช้ยากมากที่สุดอย่าง Oudh Infini ก็ยังมีรากฐานกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสวยงามและลุ่มลึกให้จับต้องได้อยู่เสมอ
และในปี 2021 ที่แบรนด์ได้ปล่อยน้ำหอมกลิ่นใหม่อย่าง Anamcara ที่ชื่อกลิ่นมาจากการโหวตของสมาชิกกลุ่มน้ำหอมอย่าง Eau my Soul ที่มี Concept ในการสร้างสรรค์จากคำว่า “Soul Friend” หรือเพื่อนแท้ ที่แม้อาจจะรู้จักกันมาไม่นาน แต่มีความเข้าใจและปรารถนาดีต่อกัน และคราวนี้กลิ่นจะมาในความสวยรูปแบบไหนว่ากันได้ตามนี้
สิ่งแรกที่รู้สึกได้ก่อนเลยคือความเป็นโทน Citrus ที่ให้ความเปรี้ยวติดหวานแต่ไม่ได้ถึงกับฉ่ำมากของส้มสีเลือดที่วูบขึ้นมา แต่จะมีความเป็นโทนเปรี้ยวอมหวานนวลๆ ของดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) เสริมเข้ามาและเชื่อมต่อไปกับโทนผลไม้อย่างพีชที่จะให้ความหวานนวลหอม ทำให้ได้ความเป็นโทน Fruity กึ่ง Citrus ที่เสริมด้วยดอกไม้ขาวกำลังดีให้ความสวยแบบสดใสแต่ไม่ได้ออกแนว Bubble Gum เพราะทีเด็ดที่สำคัญมากนั่นคือ โทน Smoky ที่ออกทางติดควันๆ คล้ายควันบุหรี่กึ่งควันเผาใบชาที่แทรกตัวเข้ามาเร็วมาก ทำให้ช่วงต้นมีความซับซ้อนแบบ Fruity Citrus Smoky ที่เกินคาดกับการ Twist ทางกลิ่นที่ให้อารมณ์เท่ห์ๆ แกมสว่างสวยๆ ในเนื้อกลิ่นได้ลงตัวและสมดุลย์มาก
การเข้าสู่ช่วงกลางยิ่งมีความชัดเจนมากกับการเป็นโทน Fruity Aromatic Smoky โดยจะยืนพื้นที่การเป็น Fruity Tea หรือชาพีชที่มีความสดชื่นของกลิ่นส้มเจืออยู่ประปราย แต่ความเป็นโทน Smoky คล้ายควันบุหรี่กึ่งควันใบชาดำจะตีคู่ไปกันแบบเท่าเทียม แต่ในมิติของกลิ่นจะไม่ได้มีแค่นี้ เพราะจะมีลูกผสมที่ให้ความอวลหน่อยๆ รองพื้นอยู่จากการเป็นลูกครึ่งระหว่างวานิลลาแกมครีมมี่ติดเขียวนิดๆ ของดอกไม้ขาวที่จะเด่นกับการเป็นซ่อนกลิ่น ที่มีปลายกลิ่นนวลแบบมะลิที่แอบมีลูกโทน Indolic เย้ามีเสน่ห์เล็กๆ แฝง และใสแบบกุหลาบเบาๆ ทำให้มิติกลิ่นช่วงนี้จะไล่เรียงจากความเป็นชาพีชที่มีความ Smoky ซ้อนด้วยการเป็นดอกไม้ขาวนวลครีมมี่ติดเขียวบางๆ และมีความนวลวานิลลา เรียกว่าเป็นช่วงกลิ่นที่ปล่อยของเลยก็ว่าได้ เพราะมีทุกโทนให้สนุกในการจับกลิ่นมากๆ และมีเสน่ห์ในตัวเองสูงในความแตกต่าง ซึ่งต้องยกให้โทน Smoky เลยที่แต่งเติมให้กลิ่นนี้มีความน่าค้นหา โดยยังคงความสวยของกลิ่นต่างๆ ได้อยู่ครบถ้วน
ช่วงท้ายเนื้อกลิ่นจะเริ่มผันตัวเองเป็นโทน Woody มากขึ้น ซึ่งจะมีมิติที่น่าสนใจมากคือความครีมมี่ที่มาแบบพอเหมาะกำลังดีของไม่จันทน์หอม แกมความโปร่งติดปร่าขรึมหน่อยๆ ของซีดาร์ และมีความ Earthy ลูกผสมที่มาจากกลิ่นออกทางหญ้าแห้งแกมดินนิดๆ ของหญ้าแฝก และที่สำคัญความปร่าระเรื่อหวานแกมดินอ่อนๆ จากพิมเสนที่ให้ความปร่ารื่นจมูกมากเวลากลิ่นตีขึ้น ซึ่งโทน Smoky จะเหลือเพียงประปราย แต่ยังมีกลิ่นออกทางผลไม้ที่ค่อนไปทางไซรัปพีชกึ่งแอปริคอตฉาบหน้าดอกไม้ขาวที่มีความ Indolic หน่อยๆ แฝง สร้างโทน Animalic เนียนๆ อย่างมีเสน่ห์ในเนื้อกลิ่น ทำให้กลิ่นจะให้ความรื่นรมย์ที่หลากมิติในการใช้งานไม่ว่าจะได้ทั้งความเป็นไม้หอมครีมมี่อ่อนๆ แกมปร่า ติดกลิ่นพีชที่หวานลึกๆ แกมดอกไม้ขาวตุ่นอ่อนๆ โดยทั้งหมดจะมีความปร่าระเรื่อหวานเย้าของพิมเสนแทรกอย่างมีชั้นเชิงอยู่ตลอด เป็นการปิดท้ายกันยาวๆ ได้อย่างสมดุลย์ รื่นรมย์ และลงตัว
เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน แม้ว่าจะมีกลิ่นโทนออกหวาน แต่เพราะความ Smoky นี่แหละที่มาทำให้กลิ่นเป็นโทนที่เข้าได้กับทุกเพศอย่างไม่มีข้อกังขาแต่อย่างใด ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่จะมีแค่การใส่ออกกำลังกายที่ไม่ได้ Match เท่าไหร่ แต่ถ้ารอช่วงท้ายๆ ก็ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนเน้นการใส่ออกงานหรือท่องกลางคืนแบบหรูๆ ก็ลงตัว แต่ถ้าต้องการใส่ไปประชันเสน่ห์เย้ายวนเกินห้ามใจกับสายอัดแน่นอวลจัดจ้าน อันนี้แนะนำให้ข้ามไปจะดีกว่า กลิ่นไม่ได้มาสายทรงพลังมากขนาดนั้น เน้นมีระดับและมีเสน่ห์แบบวางตัวดีเสียมากกว่า
ความทน - อันนี้ต้องยอมให้ความจัดจ้านเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เจอในการใช้งานคือ 15 ชม. ไม่พออาบน้ำล้างตัวแล้วกลิ่นยังติดผิวอยู่เลย ซึ่งเท่าที่ทราบความเข้มข้นของน้ำหอมค่อนข้างสูงราว 29% เลยทีเดียว เรื่องนี้เลยถือว่าหายห่วง
การกระจาย - ต้องเรียกว่าเป็นความเสถียรที่ดีมากในการกระจายดีตั้งแต่ต้นยันช่วงกลางซึ่งตีไปราวๆ 4 ชม. ได้เลยที่สัมผัสได้ว่าคงที่สม่ำเสมอ ก่อนที่จะลดลงมาปานกลางไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 6 - 7 ก่อนจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนถึงประมาณชั่วโมงที่ 12 ก็จะค่อยๆ ลดลงมาเป็น Skin Scent
สรุป - สัมผัสได้อย่างคือการเอาสิ่งละอันพันละน้อยที่เป็นข้อดีของกลิ่นก่อนหน้าที่ออกมาวางจำหน่ายมาประกบเข้าด้วยกัน ทั้งความหวานในลักษณะที่คล้าย Moonlight in Chiang Mai เอาความเป็นดอกไม้ขาวรื่นจมูกสวยๆ แกมเขียวมีโทน Animalic เนียนๆ ของ Melodies de L’Amour เป็นต้น มาเจอกันแล้วพัฒนาต่อเป็น Anamcara ที่มีลูกเล่นที่แตกต่าง และต้องยอมรับในความยอดเยี่ยมที่เอาโทน Smoky มาสร้างความแตกต่างได้อย่างมีเสน่ห์มากจนเกินความคาดหวังไปมาก จนต้องยอมรับเลยว่าไม่ธรรมดา มีเสน่ห์ มีระดับ และที่สำคัญ “กลิ่นสวย” จริงๆ
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.parfumsdusita.com/anamcara-campaign
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น