Diptyque - L'Ombre Dans L'Eau EDP
พูดถีงแบรนด์ Diptyque ที่ถือว่าเป็นแบรนด์ Niche
กลิ่นแบบเรียบหรูและธรรมชาติแบบเข้าถึงได้ง่ายในะดับหนึ่ง แต่เคยลองแต่ Vetiverio ไป
เลยอยากรู้ว่าตัวอื่นๆ จะเป็นยังไง ก็ลงเอยที่ตัวเอกของแบรนด์นี้ซะหน่อย
อยากรู้ว่ากลิ่นจะงามขนาดไหนกับ L'Ombre Dans L'Eau ซึ่งกลิ่นนี้จะมี 2 เวอร์ชั่นนั่นคือ EDT กับ EDP เลยขอข้ามมาที่ตัวเจ้มจ้นเลยแล้วกัน ง่ายดี
กลิ่นเปิดมากันเต็มๆ
ที่ความเป็นเบอร์รี่ติดใบเขียวๆ มีความเป็น Green
แบบฟรุตตี้ผสมผสานกันแบบชัดเจนมากตั้งแต่ตอนต้น
และสัมผัสได้ถึงกลิ่นกุหลาบที่แทรกอยู่ข้างในนั้น โดยโทนกลิ่นจะมาทางเขียวๆ
จะแหลมๆ หน่อยๆ แต่รายล้อมด้วยกลิ่นของแบล็คเคอแรนท์กับซิตรัส
กลิ่นช่วงนี้คนชอบโทนผลไม้เปรี้ยวติดเขียวจะปลื้มได้ไม่ยาก
เพราะกลิ่นจะมาแนวอะโรม่าคมๆ แบบปลุกโสตประสาทให้ตื่นเลยทีเดียว
กลิ่นจะมีการเปลี่ยนถ่ายโทนกันแบบค่อยเป็นค่อยไปและไม่ได้เปลี่ยนมากนักในแต่ละช่วง
เพราะกลิ่นจะออกแนวสลับสับเปลี่ยนตัวเด่นขึ้นมาแทนที่
โดยยังคงเมนหลักที่ความเป็นกลิ่นเขียวๆ และกลิ่นโทนเปรี้ยวผลไม้
ซึ่งกลิ่นของกุหลาบจะดันขึ่นมาต่อในช่วงกลางๆ ที่จะให้ความเป็นกุหลาบติดโทนแห้งหวานนวลๆ
กลั้วกลิ่นเขียวๆ เปรี้ยวๆ มีโทนเครื่องเทศบางๆ หน่อยๆ กลิ่นจะเริ่มมีความหอมกุหลาบเปรี้ยวอมหวานลากยาวไปเรื่อยๆ
จนจะเริ่มมีโทนอบอุ่นกำลังดีแบบผิวกายติดกลิ่นเขียวๆ
เปรี้ยวสดชื่นรายล้อมด้วยกุหลาบแบบแผ่ออกมาอยู่ ลดโทนคมๆ ลงไปเป็นรื่นรมย์จมูกมากขึ้น
ซึ่งกลิ่นที่ติดผิวจะออกแนว Musk นุ่มๆ สะอาดติดกลิ่นนวลๆ
นั่นเองซึ่งจากการใช้งานต้องบอกว่ากลิ่นมีความเข้มข้นแต่ไม่เบาเลย
เทียบกับ EDT เพียงแค่ดมผ่านๆ ซึ่งจะใสและเบากว่านั่นเอง
เหมาะสำหรับ -
สาวๆ เลย กลิ่นนี้ได้หมดตั้งแต่วัยเรียน ม.ปลายเป็นต้นไปก็ใช้ได้
กลิ่นออกทางสดชื่นรื่นรมย์ แม้จะคมหน่อยแต่รับได้สบายๆ ที่สำคัญกลิ่นมีระดับมากพอ ไม่ใช่ไก่กาอะไรเสียด้วย
ออกแนวผู้ดีสดชื่นไรงี้ สามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย
เพราะกลิ่นมันออกทางอะโรม่าด้วย งดใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีที่สุด
เพราะกลิ่นเปรี้ยวๆ เจอเหงื่ออาจจะแปลกๆ ส่วนยามค่ำคืนแบบทั่วๆ ไปจัดได้สบายๆ
ไปเที่ยวกลางคืนก็ยังจัดได้เลย แต่อาจจะไม่ได้เน้นเรียกเรตติ้งเท่าไหร่
ส่วนผู้ชาย ถ้าไม่มายด์ใส่ได้เลย เพราะกลิ่นถือว่าออกทางอะโรม่ามากกว่าจะชี้ชัดว่าคนใส่สาวแตกแต่ประการใด
ความทน - EDP ทนมากเลย แบบที่ไม่นึกว่ากลิ่นโทนนี้จะทนได้มากขนาดนี้
กับ 12 ชม. ได้สบายๆ ถ้าจำนวนสเปรย์แบบลงตัว
แถมอาจจะทนลากยาวไปกว่านั้นอีก
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีงามมากในช่วงต้น แล้วลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง
ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย
ทิ้งท้าย -
พูดง่ายๆ EDP แพงกว่า EDT
และเต็มแน่นกว่าด้วย ซึ่งงานนี้อยู่ที่ความชอบเน้นๆ ครับ
ส่วนตัวเทใจกับ EDP เรียบร้อย กลิ่นเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ
อ้อ EDT ขวดจะใส ส่วน EDP ขวดจะมีขอบสีดำนะครับผม
และมีขนาดเดียวคือ 50 ml
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง
ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน
ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
Credit ภาพ
- http://cdn.diptyqueparis.com/media/catalog/product/cache/1/image/523x768/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/l/o/lombre_dans_resize.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น