Review: Montale – Red Vetyver
Montale – Red Vetyver
เข้าสู่ตัวที่ 2 ของ Montale’s Week ที่จะจัด 7 วัน 7 กลิ่นของแบรนด์นี้
ซึ่งมาถึงตัวที่ 2 จะต้องนำเสนอกันหน่อยแบบที่อาจจะทำให้คนที่รัก Terre
d’Hermes รู้สึกได้ถึงการที่มีอีกตัวที่คล้ายมาก แต่ดันกระจายดีเว่อร์กว่าซะงั้นขึ้นมาทันที
นั่นคือรุ่น Red Vetyver นั่นเองงงงงง
ต้องบอกว่ากลิ่นมันคล้ายมาก แต่มีความต่างอยู่ให้รู้สึกได้
นั่นคือการที่กลิ่นอายของความเป็น Woody และ Smoky มันเด่นกว่าแถมแน่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เพราะเปิดต้นทางมากลิ่นก็มาแบบเกรฟฟรุตที่เป็นซิตรัสและมีกลิ่นเปลือกส้มผสมผสานอยู่ประปรายก็จริง
แต่กลิ่นอายของโทนพริกไทยและไม้หอมมันเด่นเด้งขึ้นมากลบซะเยอะ
เลยทำให้กลิ่นต้นเป็น Woody เด่นซิตรัสรองลงมา
แล้วกลิ่นอายของ Citrus จะเริ่มเบาลงในช่วงกลางแบบที่ยังคงความสดชื่นอยู่
ให้โทนไม้หอมอย่างซีดาร์มาเด่นตีคู่กับพริกไทยและกลิ่นโทนเม็ดผักชีที่จะมาแบบซ่าๆ เป็นตัวหลักในการปล่อยของซึ่งแน่นอนว่ามาแน่นกันเลยทีเดียว
แบบสามารถสูดเอาได้เต็มปอดแบบไม่ต้องก้มดม ซึ่งกลิ่นของหญ้าแฝกจะมีแทรกเข้ามาเรื่อยๆ
จนมาถึงช่วงปิดท้ายที่จะลากยาวด้วยกลิ่นอายของหญ้าแฝกที่เด่นจัดขึ้นมา
กลั้วกับอิทธิพลของไม้ซีดาร์กับเครื่องเทศที่ยังมีอยู่ประปราย
เลยทำให้จะได้ความเป็นหญ้าแฝกแห้งๆ เต็มเม็ดเต็มหน่วยทีความรู้สึกนิ่งๆ
ติดความเป็น Smoky ให้รู้สึกได้
โดยกลิ่นของพิมเสนจะเป็นตัวลอยอ้อยอิ่งแบบทีระดับตีขึ้นควบคู่
ภาพรวมจึงเป็นกลิ่นใกล้เตียง Terre d’Hermes มากไม่ว่าจะทั้งแบบ
EDT และ Parfum แต่สิ่งที่แบรนด์นี้มาเต็มกว่านั่นคือความแน่นและการกระจายที่เอาอยู่สุดๆ
แบบไม่ต้องควานหาเลย
เหมาะสำหรับ – ผู้ชายวัยทำงานขึ้นไป
และอย่างน้อยต้องเป็นคนรับความแน่นของน้ำหอมได้ในระดับหนึ่ง
เพราะตัวนี้มีความแน่นเป็นทุนเดิม กลิ่นเลยจะไม่ได้ออกทางเบาบางหอมแบบสบายๆ
เข้าถึงง่ายแบบ Terre d’Hermes มากนัก
เรียกว่าถ้าจัดสเปรย์เหมาะสมจะเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน
ไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการเลย ให้ลุคภูมิฐานมากเสียด้วย
ออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืน ถ้าต้องการกลิ่นสดชื่นแน่นๆ สู้กับคนอื่นที่หวานเย้ายวนหาคู่กันเข้าไปเวลาท่องราตรี
ตัวนี้เอาอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ
ความทน – เรียกว่างามตามประสา Montale กับ 8 ชม. ขึ้นไป ส่วนตัวเจอที่ 15 ชม. แบบว่าหนำใจกันเลยแหละ
การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากและคงการกระจายแบบงามๆ
เต็มๆ แบบนี้ตั้งแต่ต้นยันช่วงกลางเลย มีในช่วงท้ายๆ ที่จะลดหลั่นลงมาเป็นดี
ปานกลาง และออร่ารอบๆ ตัวตามเวลาที่ผ่านไป
ทิ้งท้าย – เอาจริงๆ ผมเองไม่ได้ปลื้ม Terre
d’Hermes ที่ให้ความเป็นกิมจ๊อเดินได้กับผมมากนัก
เพราะเคมีไม่ได้ แต่พอมาตัวนี้ลดความเป็นกิมจ๊อไปได้เยอะ แถมกลิ่นมันแน่นกว่า
เรียกว่าไม่เสียดายเงินที่ได้มาเลยทีเดียว
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง
ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน
ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
Credit ภาพ
- http://www.luckyscent.com/images/products/35443.jpg?width=400&404=product.png
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น