Review: Calvin Klein – CK2
Calvin Klein – CK2
เมื่อ CK One ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานและไม่มีทีท่าว่าจะได้หยุดหย่อนมาตั้งแต่ปี 1994 จนถึงปัจจุบัน เรียกว่าเป็นการเปิดศักราชน้ำหอมสดชื่นแบบไม่ยึดติดกับกลิ่นอายแบบเก่าๆ เลยที่สำคัญลูกหลานออกมาตั้งมากมายก่ายกองเสียด้วย
และแล้วการต่อยอดก็ได้บังเกิดหลังจากผ่านมา 21 ปี จาก CK One มาสู่ CK2 ที่ปล่อยออกมาเมื่อต้นปี 2016 ที่ผ่านมา แล้วกลิ่นล่ะ?
เอาจริงๆ
กลิ่นไม่ได้ซับซ้อน มาลักษณะแนวเดียวกับ CK
One เลย เพราะว่าจะมาในโทนสดชื่นใกล้ๆ กัน เพียงแต่ว่ามีความแตกต่างแน่นอน
เพราะ Top Notesเปิดตัวมากับกลิ่นอายซิตรัสใกล้ CK
One ก็จริงแต่มีความเขียวนวลและติด Fresh Spicy อมหวานมากกว่า เพราะมีกลิ่นของวาซาบิกับใบไวโอเล็ตจะมาให้ความเขียว 2
สถานะอย่างชัดเจน คือ เหง้าวาซาบิให้กลิ่นเขียวสดชื่นติดเฝื่อนปร่าอมฉ่ำๆ
ส่วนใบไวโอเล็ตให้กลิ่นเขียวออกทางหวานโปร่งจมูก กลิ่นในช่วงนี้เลยจะออกสดชื่นติดนวลๆ
เสียมาก ไม่ได้สดชื่นติดคมๆ แบบ CK One พอเข้าช่วง Middle
Notes ที่จะมากับกลิ่นอายยืนพื้นกับโทนติดแป้งนวลๆ ก็จริง
แต่กลิ่นของหินกลมๆ ก้อนๆ สวยๆ ริมทะเลหรือหินประดับก้อนกลมๆ รีๆ จะมาชัดเจนพอสมควร
(กลิ่นจะออกทางติดกลิ่นทะเลจางๆ ผสมกับกลิ่นแห้งๆ ของก้อนหิน)
ซึ่งจะมีกลิ่นอายนวลๆ ของดอกไม้ให้พอรู้สึกได้ ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นจะมาผสมผสานกับช่วงนี้อยู่ไม่น้อย
วูบของกลิ่นที่ตีขึ้นเลยจะออกทางคล้ายๆ น้ำสะอาดในห้องปฏิบัติการ
ที่จะติดหวานหน่อยๆ ซึ่งช่วงนี้จะพอรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นอาย Smoky จางๆ อยู่ข้างใน จนเมื่อเข้าช่วง Base Notes เลยชัดเจนกันซึ่งๆ
ว่ากลิ่นช่วงนี้จะมีความเป็น Woody กันอย่างชัดเจนเพราะกลิ่นสะอาดนวลๆ
ของไม้จันทน์หอมจะเด่นขึ้นมา ให้ความรู้สึกสะอาดนวลๆ กลิ่นอาย Smoky ติดฉ่ำที่ยังมีความสดชื่นอยู่ของหญ้าแฝกจะเด่นขึ้นมาได้อารมณ์แบบกลิ่นอากาศสะอาดๆ ติดหวานจางๆ นวลๆ ไปตลอด ซึ่งภาพรวม ต่างจาก CK One แน่นอนและชัดเจน
และมาในลักษณะที่เป็นแบบโทนสดชื่นออกนวลๆ ติดหวานนิดๆ
ถือว่าต่อยอดออกมาได้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
เหมาะสำหรับ – Unisex เลย กลิ่นเข้าได้กับทุกเพศวัยเรียน
ม.ปลาย ก็สามารถแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ายังคงความเข้าถึงง่ายในแบบลักษณะเดียวกับ CK One และยังเป็นขนบแบบกลิ่นพิมพ์นิยมได้อยู่ในลักษณะกลิ่นสดชื่น
ซึ่งสามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งอากาศบ้านเรามันเข้าทางมากมาย
มัน Play Safe ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนถ้าทั่วๆ
ไปหรือแบบชิลล์ๆ จัดไปได้เลย แต่ถ้าใส่ไปเที่ยวกลางคืนชนแก้วและเต้นลืมตายมองข้ามไปหาตัวอื่นที่เร้าใจน่าจะดีกว่า
ความทน – ต้องบอกว่ามันน่าสนใจกว่า CK One ก็ตรงนี้ เพราะกลิ่นทนกว่า ด้วยความเป็นพื้นฐานของไม้หอม
โดยเฉลี่ยกลิ่นจะทนที่ประมาณ 6 ชม. และสามารถลากยาวไปได้มากกว่านั้นถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม โดยส่วนตัวเจอที่ 8
ชม. บนผิวและเสื้อผ้า
การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น
เรียกว่ากลิ่นออกสดชื่นนวลๆ ติดเขียวเด้งเข้าจมูกกันเลยทีเดียว
แล้วจะลดลงมากระจายแบบกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ
ตัวในช่วงกลาง ปิดท้ายด้วย Skin Scent ตีขึ้นยามขยับเนื้อตัวในช่วงท้าย
ทิ้งท้าย – ถ้าเทียบกันกับ CK One ความคลาสสิคของ CK2 ยังไม่ถึงขั้นนั้น
ออกแนวเป็นได้แค่เงาความนิยมจากของเก่าที่ยังคงเด่นไม่หายไปไหน
แต่ถ้าเทียบเรื่องกลิ่นแบบช็อตต่อช็อตต้องบอกว่า CK2 ฉีกออกมาได้น่าสนใจในลักษณะที่ดึงความดีงามของต้นตระกูลมาเป็นลักษณะของตัวเองอย่างเอกเทศได้
เรียกว่าถ้าไม่อยากเกร่อกับ CK One เช่นนั้น CK2 จะมาช่วยท่านเอง
ประมาณนี้
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง
ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน
ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
Credit ภาพ
- http://media.details.com/photos/5655ff2f0cd6f0af0912bab2/master/w_768/ck2-ad-campaign_ph_ryan-mcginley-02.jpg
อ่าน Review นี้แล้ว ประทับใจมาก ในความละเอียดละออ แม้ดูยาวแต่ก็ไม่น่าเบื่อเลยสักนิดเดียว...ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบ