วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Review: PK Perfumes - Maderas de Oriente Oscuro

Photo Credit - https://pkperfumes.com/shop/maderas-de-oriente-oscuro/

PK Perfumes - Maderas de Oriente Oscuro

ในรางวัลทางด้านน้ำหอมสาย Niche Perfume อย่าง The Art and Olfaction Awards นอกจากรางวัลสาย Independent หรือ Artisan Category รวมถึงรางวัลสายศิลปะเพียวๆ อย่าง Sadakichi Awards ที่เป็นหลักใหญ่มาเสมอในการพิจารณาและให้รางวัล ในปี 2018 ก็มีรางวัลต่อยอดอีกขึ้นมาอีกหนึ่งแขนงจากกลุ่ม Artisan Category นั่นคือ Aftel Award for Handmade Perfume ที่เจาะจงไปที่น้ำหอมที่สร้างขึ้นมาแบบ Handmade ตรงๆ จากสุคนธกรเลย ไม่มีการจัดจ้างให้ใครผลิตให้ ทุกอย่างลงมือเองหมด ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งรางวัลที่เป็นการให้เกียรติทั้งตัวน้ำหอมเองและสุคนธกรแบบเต็มๆ และใน 3 ปีที่ผ่านมาในการมีรางวัลย่อยนี้เกิดขึ้น หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รางวัลก็มีชื่อ PK Perfumes อยู่ด้วยกับรุ่น Maderas de Oriente Oscuro (พร้อมกับการขึ้นรับรางวัลด้วยเสื้อหนังมีริ้วห้อยๆ เต็มตัวแบบแนวมากของสุคนธกร)

PK Perfumes ถือเป็นแบรนด์ Niche Perfume ที่อินดี้มากๆ จาก USA กับการเป็นทั้งเจ้าของแบรนด์ สุคนธกร และจำหน่ายเองของ Paul Kiler ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2012 กับการนำเสนอความเป็น Real Perfymery แบบที่ใช้ส่วนผสมทางกลิ่นที่มีคุณภาพเป็นของจริงและมาจากธรรมชาติ เน้นความเข้มข้นทางกลิ่นที่ชัดเจน จนมาแจ้งเกิดจากการทำน้ำหอมให้กับแบรนด์ Zoologist (รุ่น Panda กับ Rhinoceros ยุคแรกก่อนปรับสูตรและเปลี่ยนสุคนธกร) ทำให้ต่อยอดแบรนด์ได้มากขึ้นและมีชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับในแวดวงน้ำหอมจนถึงทุกวันนี้ (ในหลายๆ ด้าน ^^”)

และเมื่อปี 2019 กับการเอาน้ำหอมรุ่น Maderas de Oriente Oscuro เข้าสู่การพิจารณารางวัล The Art and Olfaction Awards ในฝั่ง Artisan Category จนได้รับเลือกออกมาให้พิจารณาในส่วนของ Aftel Award ซึ่งนั่นก็ทำให้ได้รางวัลนี้ไปในที่สุด ซึ่งกลิ่นนี้มีคาแรคเตอร์อย่างไง มาว่ากัน  

Maderas de Oriente Oscuro (Dark Oriental Wood) เปิดตัวมาก็เรียกว่าอึ้งไปเลย นั่นคือ การถอดเอากลิ่นอายแบบพื้นดินที่กึ่งแห้งกึ่งชื้น ปนกับกลิ่นแบบเห็ดที่จากประสบการณ์ได้รับกลิ่นประมวลผลออกมาเป็นกลิ่นคล้ายเห็ดหอมตุ่ยหน่อยๆ และมีกลิ่นออกทางคล้ายใบยาสูบกึ่งชื้นกึ่งแห้งที่มีความเป็นยาสูบแบบกึ่งยาเส้น ปนกับกลิ่นเครื่องเทศแกมปร่าแห้งค่อนไปทางโทนสมุนไพรที่มีความแปร่งเผ็ดตามธรรมชาติ ก่อนที่ปลายกลิ่นจะจับได้ถึงกลิ่นไม้แห้งๆ ที่เข้ามาผสมผสานด้วย แต่ทั้งหมดที่สัมผัสได้ ยังไงก็ยกให้กลิ่นพื้นดินกับกลิ่นเห็ดเป็นโทนกลิ่นที่โดดเด่นมากจริงๆ ในการรับกลิ่นช่วงต้น ก่อนจะมีลูกสนับสนุนแบบสมุนไพรคล้ายไปทางยาจีนก็ได้ หรือเป็นกลิ่นแนวสมุนไพรแห้งที่มียาเส้นกับไม้แห้งมาผสมผสาน ภาพในหัวมาแบบ 2 ส่วนเลย คือ กลิ่นเหมือนร้านขายยาสมุนไพรขลังๆ ที่อยู่บนพื้นดินธรรมชาติและมีเห็ดตากแดดแบบกึ่งชื้นกึ่งแห้ง หรือจะเป็นป่าแบบกึ่งชื้นกึ่งแห้งที่มีใบไม้ทับถมแบบกำลังแห้งหรือย่อยสลายหน่อยๆ แล้วมีเห็ดผุดขึ้นมาประปรายทั้งบนขอนไม้และพื้นดิน คือ อันนี้สร้างมิติประมวลผลจากประสบการณ์ได้แบบน่าสนใจมากจริงๆ

เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มมีอารมณ์ความชื้นระเหยมาเป็นโทนกลิ่นที่แห้งมากขึ้น ความเป็นโทนออกทางยาเส้นกึ่งยาสูบแห้งแปร่งหวานมีเอกลักษณ์เริ่มเด่นขึ้นมาสูสีกับกลิ่นอายโทนดินและเห็ดที่ก็เริ่มเข้าโทนแห้งมากขึ้น แถมยังเสริมด้วยกลิ่นเครื่องเทศปร่าแห้งต่างๆ ที่ชัดเจนคือกานพลู และมีพิมเสนเข้ามาร่วมแจมด้วยแบบติดดิบแกมแห้งสมุนไพร จนได้อารมณ์กึ่งป่าที่แห้งกึ่งร้านสมุนไพรแห้งๆ ที่ชัดมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นแค่เลเยอร์แรกเท่านั้น เพราะเลเยอร์ที่ 2 คือ โทนไม้หอมแกม Smoky กึ่งเรซิ่นแอมเบอร์ ที่ค่อนข้างมีอิทธิพลสูงพอตัวเลยที่ทำห้กลิ่นมีโทนไม้แห้งแกมแปร่งยางไม้เรซิ่นที่มีโทนควันๆ และสร้างความดาร์กในเนื้อกลิ่นชัดเจนมาก และเลเยอร์หลักที่ 3 คือ โทนหวานจากน้ำผึ้งที่มีความเป็นกลิ่นกึ่ง Animalic แกมหวานลึก เคล้าคาราเมลและมีลูกเอื้อนของกลิ่นน้ำตาลหน่อยๆ แกมกลิ่นเชอร์รี่เนียนๆ แต่ไม่ได้เด่นมาก เป็นลูกผสมที่ซ่อนอยู่ให้มีมิติความหวานหน่อยๆ ที่ควรจะต้องมีเพื่อให้กลิ่นมีความสมดุลย์และเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้ทื่อๆ เกินไป เลยทำให้มิติในช่วงกลางคือจะผสมผสานกันให้ความหลากหลายทั้งกลิ่นสาย Earthy จากพื้นดิน เห็ดหอมแห้ง และพิมเสนหน่อยๆ เชื่อมกับกลิ่นเครื่องเทศเข้ากลิ่นไม้หอมสายดาร์กแกม Smoky และเจือความหวานแบบเนียนๆ ให้มีมิติแบบบรรยากาศที่ควรจะเป็นแบบตีความสภาพแวดล้อมโดยละเอียดไม่ว่าจะเป็นป่าหรือร้านสมุนไพรก็ตาม ซึ่งถือว่าช่วงนี้เนื้อกลิ่นตรงตามชื่อรุ่นมากที่สุด

ความดาร์กของเนื้อกลิ่นยังคงคุมโทน แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงท้าย แต่จะเริ่มมีโทนออกทางเรซิ่นแอมเบอร์มากขึ้นและโทน Earthy ดินๆ เริ่มจะกลายเป็นตัวเสริมแล้ว แต่ส่งที่ได้คือ อารมณ์กลิ่นแปร่งกึ่งยูรีนหน่อยๆ ที่เป็น Effect ของน้ำผึ้งจะยังให้โทนแกม Animalic อยู่ และเข้ากันได้ดีกับกลิ่นแปร่งยางไม้ที่มีความเอียนเล็กๆ โดยยังมีความหวานแกมแห้งจากยาเส้นอยู่บ้าง ทำให้อารมณ์กลิ่นจะเป็น Ambery Earthy Woody ที่มีความดาร์กคุมโทนแบบกำลังดี ไม่ได้ดิ่งมากเพราะมีความหวานแทรกประปราย ซึ่งถือว่าคุณภาพกลิ่นยังคงเส้นคงวาได้ดีในการสื่อสารความเป็นโทนที่มาตามธรรมชาติจริงๆ เพราะมีความดิบห่ามตามที่ควรจะเป็น โดยเอาแต่ละโทนมาปรุงแต่งกันออกมาจนกลายเป็นเสมือนเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อาจจะได้ทั้งความเป็นร้านยาสมุนไพรแบบโบราณที่มีไม้หอมกับยางไม้เจือหวานก็ได้ หรือจะเป็นป่าที่มีกลิ่นอายทับถมกันของพื้นดิน เห็ด ยางไม้ ไม้หอม ที่มีความมืดดาร์กน่าค้นหา ที่มีโทนหวานตามกลิ่นธรรมชาติมาผสมผสานก็สามารถเป็นการปิดท้าย

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะเนื้อกลิ่นเป็นโทนแบบสภาพแวดล้อมที่ Raw มาเลย เช่นนั้นไม่ว่าเพศไหนก็สัมผัสกับกลิ่นนี้ได้ แต่ต้องผ่านน้ำหอม Niche Perfume หรือน้ำหอมสายอินดี้มาพอสมควร เพราะกลิ่นไม่ได้ง่ายนัก จะเริ่มเรียนรู้และเข้าถึงกลิ่นนี้ได้มากขึ้น ซึ่งกลิ่นไม่ได้สนว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน แต่ไม่เข้ากับยามทางการ รวมถึงออกกำลังกายแน่นอน แต่เหมาะกับการใส่ชิลล์ๆ กับตัวเอง หรือไม่ก็ไปท่องป่าปลีกวิเวกอะไรแบบนี้ แต่ถ้ามั่นพอจะใส่ออก Activities ก็ได้ แต่ต้องมั่นใจไว้ เพราะกลิ่นมันมีคาแรคเตอร์เฉพาะมากจริงๆ

ความทน - มากกกกกกก 15 ชม. กลิ่นยังคงทำหน้าที่ได้ดีอยู่ อาบน้ำล้างตัวออกแล้วก็ยังมีติดผิวจางๆ อยู่ เช่นนั้นสบายใจหายห่วง ความเข้มข้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น คืออารมณ์แบบเจอกลิ่นนี้ระยะประชิดที่มาเต็มเลย แต่ก็ไม่ได้แน่นจัดจ้านนัก เพียงแต่มัน Raw & Real มาก แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นกระจายดีซักราวๆ 1 ชม. ก่อนจะผ่อนลงเป็นปานกลางซึ่งคราวนี้จะเสถียรยาวไปจนถึงประมาณชั่วโมงที่ 8 เลย แล้วถึงจะลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำหอมจะพอใจ

สรุป - ต้องบอกเลยว่ากลิ่นไม่ได้ประนีประนอมนักในแง่ของการทำให้เป็นกลิ่นที่สากลนิยม ไม่ได้ Nice ไม่กระทำความ Mass เน้นความแตกต่าง สร้างศิลปะทางกลิ่น และ Unique แบบจัดเต็ม ค่อนไปทางโชว์พาวเลยก็ว่าได้ในการปรุงน้ำหอม แต่ไม่ใช่ว่ากลิ่นโหดร้ายมาจากไหน เพราะคุณภาพมีความเป็นธรรมชาติที่ควรจะเป็น มีความดิบแบบที่เราไม่จำเป็นต้องควบคุมได้ มีหน้าที่สังเกตุการณ์ก็พอ และสร้างให้เราอยู่ในสภาพแวดล้อมได้อย่างชัดเจนตามที่สุคนธกรวางหมากในการส่งต่อกลิ่นเอาไว้ นี่แหละงานศิลปะล่ะ        

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น