วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Review: Strangers Parfumerie - Magenta Pop

Strangers Parfumerie - Magenta Pop

หลายๆ คนคงน่าจะเคยได้เห็นภาพยนตร์หรือซีรีย์รักวัยรุ่น ที่สไตล์ครอบครัวกีดกันในความรัก หรืออาจจะเป็นสไตล์ Coming of Age ที่เริ่มต้นจากชีวิตวัยรุ่น ความรัก และปิดท้ายด้วยความผิดหวัง ทำให้ชีวิตได้เรียนรู้เพื่อที่จะผ่านมันไปให้ได้และเดินหน้าต่อไป ซึ่งเยอะเลย ซึ่งหลายๆ เรื่องจะเริ่มต้นด้วยลักษณะของการเป็นแนวความรักใสๆ ของวัยทีน ตามด้วยความรักและแรงปรารถนา ก่อนที่จะต้องมีเหตุการณ์อะไรก็ตามที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตและจบลงอย่างที่เป็นโศกนาฏกรรม แล้วเปิดทางสู่อีกทิศทางของชีวิต โดยเก็บสิ่งที่ผ่านเข้ามาเป็นความทรงจำ

ซึ่ง Concept แบบนี้ เราเห็นการเล่าเรื่องราวในภาพยนตร์หรือซีรีย์มากันบ่อยก็จริง แต่เคยเห็นการเล่าเรื่องแบบนี้ผ่านกลิ่นบ้างหรือเปล่าล่ะ?

ถ้าไม่เคยไม่เป็นไร เพราะแบรนด์ Strangers Parfumerie ได้ถอดกลิ่นอายแบบนี้ออกมาสู่ขวด ที่จะบอกเล่าเรื่องราวความหลังในฤดูร้อนที่เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้น และต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนถึงตอนจบที่มาในแนว Bittersweet ซึ่งกลิ่นจะเป็นอย่างไรมาว่ากันได้เลยที่รุ่นนี้ Magenta Pop

Puppy Love - คือช่วงต้นที่จะเปิดมาด้วยความหวานและมีความเป็นแนววัยรุ่นแกม High School Love โดยจะยืนพื้นที่โทนสีม่วงที่มีความสว่างดึงดูดกำลังดี ซึ่งกลิ่นหลักเลยต้องยกให้องุ่นที่มีโทนกลิ่นแนวน้ำองุ่น + บลูเบอร์รี่ที่ให้อาสรรมณ์กลิ่นเปรี้ยวอมหวานฟุ้งออกมา แต่กลิ่นจะมีโทนออกทางน้ำผึ้งหอมหวานลึกที่มีความหวานฉ่ำเต็มเสริมขึ้นมาด้วยแบบชัดเจนมาก เรียกว่าในช่วง 30 วินาทีแรกจะได้ความรู้สึกแบบหวาน เย้า แต่ไม่ได้ไปทาง Sexy แต่เป็นความหวานที่มีความดึงดูดแบบน่ารักๆ แล้วไม่นานก็จะมีกลิ่นแนวคล้ายๆ ลูกอมเสริมเข้ามา อารมณ์แบบลูกอมหรือลูกอมเป๊าะแป๊ะใสๆ กลิ่นองุ่นที่มี่ความหวานหอมน่ารักแบบกำลังดี และมีคาราเมลหน่อยๆ ให้พอรู้สึกได้ อารมณ์เนื้อกลิ่นเหมือนผสมผสานความเป็น Bubblegum แบบที่ให้ความวัยรุ่นในเนื้อกลิ่น แต่ความรู้สึกมันบอกชัดเจนว่าฉากหลังมีกลิ่นออกทางคล้ายๆ โทนควันๆ กึ่งยาสูบกึ่ง Incense เนียนอยู่ ซึ่งมันเลยได้อารมณ์แบบห้วงคำนึงเข้ามาเป็นอารมณ์กลิ่นร่วมอยู่ด้วย เรียกว่ามีกิมมิคซ่อนอยู่ ไม่ได้แค่มีความเป็นโทน Candy Fruity หวานรักวัยกระเต๊าะเพียงอย่างเดียว ถ้าเทียบเป็นเพลง ก็ You Are the Music in Me ของ Series - High School Musical 2 ที่เป็นช่วง Puppy Love ที่สุดของแจ้และเข้ากับกลิ่นช่วงนี้จริงๆ

วัยรุ่นวุ่นรัก - เป็นการพัฒนาต่อเนื่องมาจากช่วงต้นที่เนื้อกลิ่นจะเริ่มมีโทนเย้ายวนและเซ็กซี่แบบค่อยเป็นค่อยไปมาเสริม เริ่มจากกลิ่นไวน์แดงที่เข้ามาเสริมกับโทนองุ่นและบลูเบอร์รี่ ความหวานน้ำผึ้งเริ่มเป็นเนื้อเดียวกับกลิ่นโทนสมุนไพรแนวหวานที่มาลดทอนความหวานกึ่งเอียนลงไปได้มากของชะเอมและอบเชย แต่เสริมความเร่าร้อนและเย้าจากกลิ่นของขนมปังขิงที่มีความอวลเนียนๆในเนื้อกลิ่นเพิ่มขึ้น ซ้อนด้วยสายสนับสนุนที่ให้ความเต็มแน่นแต่ไม่หนักในเนื้อกลิ่นแบบกำลังดีของพริกไทย มีความคมๆ ของเม็ดผักชีที่ให้ความเผ็ดฟุ้ง แกมกลิ่นออกทางกุหลาบเบาๆ เคล้ากลิ่นหนังและแป้งทึบหน่อยๆ ทำให้กลิ่นมีโทนดึงดูดและสื่อสารถึงแรงปรารถนาทางกายเข้ามาร่วมด้วย อารมณ์ทั้งหมดเลยสื่อสารถึงคำว่าเย้ายวน เซ็กซี่ หวานแกมดาร์ก และแรงขับ ง่ายๆ คือ โตขึ้นจากช่วงต้นมาอีกสเต็ป แบบรักในแบบวัยรุ่นที่ลงลึกทางด้านกายภาพมากกว่าคำว่า Puppy Love แล้ว และที่แน่ๆ มีอารมณ์ควันๆ กึ่งยาสูบกึ่ง Incense หน่อยๆ ก็ยังมีให้จับต้องได้ตลอดคุมโทนอารมณ์ห้วงคำนึงได้เป๊ะอยู่ ซึ่งถ้าเทียบเป็นเพลงก็ Teenage Dream ของ Katy Perry ถือว่าตอบโจทย์ได้ตรงกับเนื้อกลิ่นในช่วงนี้

การเปลี่ยนแปลง จุดสิ้นสุด และความทรงจำ - ถือเป็นการปิดท้ายของกลิ่นที่จะเป็น Stage สุดท้ายบนผิว กับเนื้อกลิ่นที่การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปจากช่วงกลางที่ทำให้จับต้องได้ถึงความจริงจังของกลิ่นที่มันเพิ่มขึ้นมามากขึ้น ซึ่งความเป็นโทนสีม่วงที่มีลูกเอื้อนของกลิ่นองุ่นยังมีอยู่ แต่โทนสีมันจะเข้มมากขึ้นจนกลายเป็นม่วงอมดำที่ดาร์กมากขึ้น และมีความนิ่งงันในเนื้อกลิ่นชัดเจนมากขึ้น กลิ่นที่เป็นแกนนำหลักเลยต้องยกให้กลิ่นหนังที่มีโทนติดทึบแป้งเคล้ากับความ Animalic ที่น่าจะมาจากชะมดเช็ดแบบที่ไม่ดิบห่ามจัดจ้านเกินไป เสริมด้วยโทนไม้หอมแกมพริกไทยที่มาแบบนิ่งๆ ลดทอนความหวานลงไปจนเหลือเพียงปลายกลิ่น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ เข้าทางการเป็นช่วงหมดโปรโมชั่นหรือจบสิ้นไปแล้วก็ว่าได้ เพราะเนื้อกลิ่นมันดาร์กขึ้นมันไม่ได้ดูโลกสวยแล้ว แถมยังมีกลิ่นอายติดอ้อยอิ่งหน่อยๆ ของควันยาสูบกึ่ง Incense ที่ยังประปรายให้รู้สึกถึงห้วงคำนึงอยู่เช่นเดิมอีก เลยตอกย้ำอารมณ์ว่า นี่ไม่ใช่ Happy Ending แต่เป็นจุดสิ้นสุดที่กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่มีความเป็น Bittersweet อารมณ์ Link เข้ากับเพลงได้หลายเพลงมากไม่ว่าจะ James Morrison - Broken Strings, Taylor Swift - All Too Well หรือ Katy Perry - The One That Got Away (อันนี้ดู MV ประกอบได้เลยอารมณ์ใช่มาก)

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะเนื้อกลิ่นมีความกลางๆ มากพอที่จะใช้งานได้ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป เนื้อกลิ่นจะไล่สเต็ปในความน่ารัก เร้าเย้ายวน และจริงจัง ที่อาจจะไม่ได้เข้ากับการใช้ยามทางการหรือออกกำลังกายเท่าไหร่ แต่ถ้าใส่แบบทั่วๆ ไป ให้มีคาแรคเตอร์ทางกลิ่นที่หลายมิติและมีความเก๋ อันนี้จัดไปกลิ่นมีเสน่ห์และให้อารมณ์แบบสีม่วงองุ่นได้แบบชัดเจน ส่วนยามค่ำคืน พอใส่ออกงานหรือท่องราตรีได้อยู่ แต่ถ้าใส่แบบทั่วไปที่เน้นความมีเสน่ห์เฉพาะตัวอันนี้จะเข้าทางมาก

ความทน - พื้นฐานคือ 8 ชม. ได้สบายมาก แม้วันอากาศร้อนๆ และสามารถไปต่อได้อีกจนแต 12 - 15 ชม. เลยก็ยังได้อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้เป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางที่ค่อนข้างเสถียรกันยาวๆ ไปจนถึงราว 5 ชม. ได้ แล้วจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันสักพัก และเปลี่ยนเป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปราว 8 ชม. ไปแล้ว

สรุป - ทึ่งมากกับการเล่าเรื่องราวผ่านกลิ่นที่ส่งต่อช่วงรักต่างๆ ในแบบวัยรุ่นที่มันคือหนึ่งใน Coming of Age ที่จะต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้ นี่แหละงานศิลปะทางกลิ่นที่ไม่ธรรมดาเลย แต่ถ้าไม่ได้สนใจว่าเนื้อกลิ่นจะสื่อถึงช่วงรักอะไรอย่างไร กลิ่นนี้ก็ถือว่าเป็นโทนกลิ่นที่มีเอกลักษณ์มากในการนำเสนอความ Unique ที่เน้นกลิ่นอายโทนองุ่น ไปสู่ความเย้ายวน และปิดท้ายด้วยความดาร์กได้น่าสนใจมากจริงๆ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น