Guerlain - Eau de Cashmere
Cashmere เป็นผ้าชนิดหนึ่งที่เส้นใยมีน้ำหนักเบาและมีความยืดหยุ่นสูงมาก แถมยังให้ความอบอุ่นได้ดีแม้ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน ซึ่งถือว่าเป็นผ้าที่มีความแพงในระดับต้นๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะเส้นใย Cashmere ธรรมชาติที่ต้องทอจากขนแพะอารมณ์กว่าจะได้เสื้อ 1 ตัว อาจจะต้องใช้ขนแพะถึง 6 ตัวเลยทีเดียว ซึ่งในความมีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ของ Cashmere ที่นอกจากจะเป็นผ้าคุณสมบัติดีระดับต้นๆ แล้ว ความเป็น Cashmere ยังถูกถอดออกมาเป็นกลิ่นน้ำหอมแบบที่ไม่ได้เอาขนแพะมาประเคนตรงถึงจมูก แต่เอาความรู้สึกของการสวมใส่ที่ได้ความนุ่มนวลแกมละมุนผิวกายมาถอดออกมาเป็นกลิ่น โดยเน้นที่ความเป็น Soft Musky Powdery เป็นหลักนั่นเอง ซึ่งแน่นอนมีหลากหลายแบรนด์ที่เอาไปนำเสนอซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี Guerlain รวมอยู่ด้วย
ในการนำเสนอกลิ่นอาย Cashmere ของ Guerlain เดิมทีจะเริ่มต้นจากการเป็นหนึ่งใน Collection - Eaux de Rituel ก่อนที่จะถูกรวบเอามารวมใน Collection - L’Art & La Matiere ภายหลัง โดยแยกออกมาเป็น Collection ย่อยของย่อยลงไปอีก เป็น Les Matieres Confidentielles (ยกมาแบบแทบทั้งหมดจาก Eaux de Rituel) ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว ความเป็น Eau de Cashmere ทั้งก่อนและหลังย้ายไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างใด เช่นนั้น จึงมาว่ากันที่เรื่องกลิ่นดีกว่าว่าจะออกมาอย่างไรบ้าง
โทนแป้งมาทักทายก่อนใครเพื่อนเลยโดยเฉพาะไอริสที่จะเป็นแกนหลักให้จับต้องได้ตั้งแต่ต้นยันจบในน้ำหอมกลิ่นนี้ โดยจะมีความเป็นโทน Musky สะอาดๆ คลอตีคู่ไปด้วยตลอด เพียงแต่ในช่วงต้นจะออกแนวที่ความสดชื่นติดขมอ่อนๆ แกมเปรี้ยวสว่างๆ มีความสดชื่นแบบติดเย็นๆ แนวอากาษยามเช้าที่มาจากเลมอนกับมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ซึ่งมีกลิ่นติดฝาดแกมปร่านวลนิดๆ เชื่อมโทนไปเนื้อเดียวกันระหว่างความสดชื่นกับโทนแป้ง เลยจะได้ความเป็น Fresh Powdery แบบ Powdery Cologne มาเลย ถือว่าเปิดตัวได้มินิมอลและโดนใจคนชอบโทนแป้งที่เรียบหรูได้ไม่ยาก
ไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงกลางซึ่งตอนนี้ความมินิมอลจะมาเต็มเพราะเนื้อกลิ่นจะเป็นโทน Musky Powdery เต็มตัวมาก เพราะโทนแป้งของไอริสจะผสมผสานกับ White Musk เต็มทตัวได้ความเป็นโทนแป้งนวลๆ ติดสะอาด และมีความหวานหน่อยๆ ที่เป็นตัวเสริมชั้นดีให้กับไอริส คือ ดอกเฮลิโอโทรเป้ที่ให้ความเป็นแป้งกึ่งดอกไม้กึ่งแป้งอัลมอนด์กดึ่งวานิลลาบางๆ ที่มีความนุ่มนวลเคล้ากับลาเวนเดอร์ที่มาในโทนติดหวานอ่อนๆ สะอาดๆ เชื่อมไปสู่ White Musk ได้อย่างพอดิบพอดี แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้สัมผัสได้เลยว่าทำไมกลิ่นแป้งถึงไม่ทึบหน้าแน่นเกินไป เพราะมีโทนไม้หอมติดปร่าโปร่งๆ หน่อยๆ ที่มาตัดทอนเนียนๆของไม้ซีดาร์รวมอยู่ด้วย เลยทำให้เนื้อกลิ่นไม่แน่นเกินไป คงความเป็นแป้งที่มีความนุ่มสะอาดเป็นพื้นฐานส่งกลิ่นระเรื่อออกมาแบบเหมาะสมและสมดุลย์ในสไตล์เรียบหรูและเรียบง่ายเป็นแกนหลักคุมโทนกันไปยาวๆ
ในช่วงท้ายจะเป็นการปล่อยของเต็มตัวของ White Musk ที่มีลูกเอื้อนเป็นโทนแป้งเบาๆ ชัดเจนมาก แต่เมื่อพินิจพิเคราะห์กลิ่นลงไปถึงรายละเอียด นอกจากโทร Musky ที่นุ่มนวลติดหวานมีเสน่ห์ตามที่ควรจะเป็น และกลิ่นแป้งติดปลายหวานที่มีทั้งเฮลิโอโทรเป้สร้างอารมณ์แป้งนวลกึ่งวานิลลาอัลมอนด์ + ไอริสแกมลาเวนเดอร์ที่ให้ความเป็นแป้งระเรื่อสะอาดๆ เนื้อกลิ่นจะมีโทนไม้หอมแห้งๆ แต่ติดโทนสว่างและมีความ Earthy ที่แห้งๆ เบาๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งถ้าเดาน่าจะเป็นการผสมผสานของไม้ซีดาร์และหญ้าแฝกที่มาให้มิติกลิ่นไม้หอมสว่างๆ แฝงโดยที่ไม่แย่งซีนความมินิมอลของ Musk ที่คุมโทนแต่อย่างใด กลับให้ความมีมิติที่สร้างความเรียบหรูสบายๆ แบบที่มีทั้งความเป็นกลิ่นผิวกายสะอาดนุ่มนวลแกมกลิ่นไม้อ่อนๆ สลับกับกลิ่นแป้งหอมเบาๆ ระเรื่อๆ ซึ่งถือว่าตรงตามความเป็นกลิ่นของ Cashmere ในการเป็น Soft Musky Powdery ได้ตรงตัวและเข้าถึงได้ง่าย โดยที่มีเสน่ห์ในความเรียบง่ายแกมเรียบหรูได้ลงตัว
เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่านิดหน่อย เพราะโทน Floral กึ่งแป้งชัดเจนพอตัว แต่ถ้าไม่มายด์ผู้ชายก็ใส่ได้สบายมากกับกลิ่นแนวมินิมอลแบบนี้ ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะใส่ไปออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ น่าจะลงตัวที่สุด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ทั่วๆ ไปหรือว่าใส่แบบโรแมนติคสร้างความหอมนุ่มนวลอ่อนโยนน่าจะดีที่สุด ซึ่งชัดเจนเลยว่าตัดการใส่เพื่อท่องราตรีออกไปได้เลย ไม่เข้าทาง
ความทน - กลิ่นทนอยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. ที่จะจับต้องกลิ่นที่ตีขึ้นมาได้ แต่จะไปต่อได้มากกว่านี้ไหมขึ้นอยู่กับเคมีของคนนั้นๆ กับน้ำหอมด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอที่ราวๆ 8 - 10 ชม.
การกระจาย - กลิ่นเปิดกระจายดีซักราวๆ 10 นาที ก่อนจะลดลงมาที่ปานกลาค่อนออร่ารอบๆ ตัวไปประมาณ 3 ชม. ที่เหลือจะผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนเมื่อแตะ 6 ชม. ขึ้นไป ก็จะแตะความเป็น Skin Scent ตามลำดับ
สรุป - แม้จะโทน Musky เด่น แต่ยังคงลายเซ็นลูกเอื้อนแบบแป้งวานิลลาที่เป็น Signature ของแบรนด์ได้อย่างลงตัวมากๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นทั้งโทน Safe Scent ที่ปลอดภัย ไม่รบกวนใคร และยังมีความเรียบหรูแบบไม่เยอะสิ่งได้เป็นอย่างดีในฝีมือของความเป็น Guerlain
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Guerlain/Eau_de_Cashmere
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น