Maitre Parfumeur et Gantier - Eau Pour Le Jeune Homme / Jeune Homme
จุดเริ่มต้นของ Maitre Parfumeur et Gantier หรือในภาษาอังกฤษคือ Master Perfumer & Glovemaker ถูกพบในปี 1988 โดย Jean-François Laporte ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำหอมชื่อดังในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งมี Trend การใช้น้ำหอมกับถุงมือกำลังเป็นที่แพร่หลายพอดี รวมถึงแบรนด์นี้ได้รับการตั้งชื่อจากกษัตริย์ในช่วงเวลานั้นอีกด้วย
เมื่อกาลเวลาผ่านไปและเรื่องราวต่างๆ เริ่มจะหายไป Jean-François Laporte ที่เป็น Perfumer เองด้วย จึงได้ต่อยอดแบรนด์ให้กลับมาอีกครั้ง โดยตัดเอาเรื่องถุงมือออก เน้นการสร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอมในสไตล์ฝรั่งเศสที่มีเสน่ห์โดยมีแรงบันดาลใจมาจากการท่องเที่ยว โลกของโอเปร่า สถาปัตยกรรมและศิลปะแบบ Baroque Aesthetics มาขับเคลื่อนต่อจนถึงปัจจุบันนี้ ที่ถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่มีความเก๋าอย่างมากในการเป็น Niche Perfume สาย Traditional และ Classic มาอย่างยาวนาน
และเมื่อได้มาเจอกับแบรนด์นี้ครั้งแรก ก็ต้องมาลองอะไรที่น่าสนใจกันหน่อย กับกนึ่งในกลิ่นอายสายสดชื่นที่มีความเหนือกาลเวลาจากการสร้างสรรค์ของแบรนด์นี้ ซึ่งจะออกมาเป็นอบบไหนมาลงรายละเอียดกันเลยดีกว่ากับ Eau Pour Le Jeune Homme หรือปัจจุบันนี้ย่อชื่อมาเป็นสั้นๆ เรียบร้อยแล้วว่า Jeune Homme
ช่วงเปิดทำเอารู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างมากจริงๆ เพราะพื้นฐานกลิ่นสไตล์แนว Traditional Classic ที่เริ่มต้นด้วยโทน Citrus แฝงด้วยความปร่ากึ่งมินต์แกมสมุนไพรหน่อยๆ เคล้าความ Soapy สบู่ๆ แบบนี้มันช่างมีความคล้ายคลึงกับ 4711 Original Cologne มากเลยทีเดียว เพียงแต่เนื้อกลิ่นจะมีความเข้มชัดมากกว่า เพราะเป็น Eau de Parfum แต่ยังไงก็ตามยังคงจับต้องได้ชัดเจนว่าพื้นฐานกลิ่นคือสไตล์ Cologne นั่นแล ซึ่งจะจับต้องได้เต็มๆ คือ โทน Citrus ที่จะให้เนื้อกลิ่นของการเป็นเลมอนที่มีความเปรี้ยวสดชื่นเคล้ากับความเป็นส้มที่มีความหวานอมเปรี้ยวและฉ่ำเป็นผสมผสานกันจนได้โทนสดชื่นที่มีลูกเล่นความสแปลชเคล้ากับความฉ่ำ โดยมีปลายกลิ่นติดขมสร้างบรรยากาศหน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ซึ่งตรงนี้แอบต่างจาก 4711 หน่อย เพราะว่า Bergamot ใน 4711 จะชัดกว่าและสร้างบรรยากาศมากกว่า ที่จะมาสายฉ่ำ แต่กลิ่นไม่ได้มีแค่นี้เพราะไม่งั้นจะใสๆ เกินไป เพราะจะมีกลิ่นดอกส้มที่ติดเขียวออกทาง Neroli เคล้าสมุนไพรปร่าอวลเข้ามาเสริมเป็นฉากหลัง เลยทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนปร่าสดชื่นกึ่งออกทางสบู่ขิงสมุนไพรเข้ามาร่วมด้วย แน่นอนเลยว่าให้ความเป็นโทนสดชื่นแบบ Classic เต็มๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีความฟุ้งคมๆ แต่อย่างใด ก็เอาอยู่และมีเสน่ห์ตั้งแต่เริ่มต้นเลย
การเข้าสู่ช่วงกลางจะเป็นการมาเจอกันและผสมผสานกันแบบคนละครึ่ง เพราะครึ่งนึงเราก็จะได้กลิ่นโทน Citrus ที่เด่นกับส้มหวานอมเปรี้ยวแกมเลมอนแฝงความเขียวรื่นจมูกของดอกส้ม แต่อีกครึ่งคือการที่โทนสมุนไพรและเครื่องเทศกลายมาเป็นตัวหลักเคียงคู่ ซึ่งแน่นอนว่าความปร่า Spicy จะเด่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความปร่าเผ็ดแกมหวานอวลกำลังดีของขิงที่เป็นพื้นกลิ่น ความปร่ากึ่งมินต์กึ่งสมุนไพรของโรสแมรี่ ความปร่ากึ่งพริกไทยฟุ้งติดเผ็ดแกมหวานอ่อนๆ ของเม็ดผักชี แต่ทุกอย่างจะถูกกล้อมเกลากลิ่นให้มีความกลมๆ จากเม็ดจันทน์เทศ ทำให้เนื้อกลิ่นมีความสดชื่นกึ่งปร่านวลติดหวานปลายกลิ่นหน่อยๆ ได้สมดุลย์มาก แน่นอนว่ายังคงความเป็นสไตล์ Traditional Cologne ได้ครบเครื่องทุกกระเบียดกลิ่น + เพิ่มเติมความชัดของกลิ่นได้ดีในการสร้างความสดชื่นและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน
เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มที่จะลดทอนความเป็นโทนเครื่องเทศลงมาตามลำดับ แต่จะเริ่มมีความนวลกึ่งไม้หอมกึ่ง Musk เข้ามาให้รู้ึกมากขึ้น ซึ่งจะได้กลิ่นออกทางกึ่งไม้หอมแห้งๆ หน่อยๆ แกมกลิ่นไม้หอมติดครีมมี่นวลนิดๆ ของไม้จันทน์หอมค่อนข้างชัดในเวลาที่ดมใกล้ผิว โดยที่จะมีกลิ่น Musk นวลสะอาดประปรายให้จับต้องได้ ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มตัว ซึ่งกลิ่นโทนลูกผสมของ Citrus & Spicy Herb ก็จะยังตามมา เพียงแต่ จะเนียนไปกับความครีมมี่หอมติดไม้แกมนวลสะอาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกลิ่นจะค่อนมาทางเรื่ยๆ มาเรียงๆ ให้ออร่าสะอาดๆ ติดสดชื่นแกมหวานนวลผ่อนคลายไปเรื่อยๆ โดยยังคุมโทนกลิ่นอายแบบสไตล์ Cologne ได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นยันจบ ปิดท้ายบนผิวไปเรื่อยๆ อย่างลงตัว
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยตั้งแต่เรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้แล้ว เพียงแต่เนื้อกลิ่นจะค่อนข้างมาสาย Old School แบบ Traditional Classic Cologne อยู่พอสมควร ทำให้กลิ่นอาจจะดูมีความเป็นผู้ใหญ่ไปบ้าง แต่ถ้าไม่มายด์บอกเลยว่ากลิ่นสดชื่นและผ่อนคลายได้ดีจริงๆ ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกวาดหมดถ้าต้องการความสดชื่นอยู่แล้ว ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ยามอากาศร้อนๆ ที่ทำให้ร่างกายสดชื่นจะลงตัวที่สุด
ความทน - อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ เพราะความเข้มข้นระดับ EDP ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็สามารถบวกลบได้ตามสภาพผิวผู้ใช้หรือจำนวนสเปรย์ ส่วนตัวเจออยู่ที่ 8 - 10 ชม. อยู่เสมอในการใช้งาน
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นเรียกว่าเปิดมาก็สดชื่นเลย แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปราวๆ 1 - 2 ชม. ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป จนเมื่อแตะชั่วโมงที่ 5 - 6 ก็จะเริ่มเป็น Skin Scent ตามลำดับ แต่กลิ่นก็ยังพอตีขึ้นอยู่เวลาขยับเนื้อตัว
สรุป - ใช่แหละ ที่เนื้อกลิ่นไม่ได้แตกต่างจาก 4711 เพียงแต่จะค่อนมาทางหวานส้มมากกว่าหน่อย แต่สิ่งที่แตกต่างเลยคือความชัดเจนของกลิ่นที่มีให้จับต้องถึงความผสมผสานอย่างสมดุลย์และวางตำแหน่งกลิ่นได้ดีในแต่ละช่วงจนทำให้ประทับใจในความสดชื่นและความผ่อนคลายที่ได้รับอยู่ตลอดในเวลาที่ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้ เช่นนั้น บอกกันอย่างชัดเจนได้เลยว่า นอกจากคุณภาพกลิ่นที่ดีมากๆ แล้ว นี่ก็เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่เข้าข่าย #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ที่มาสาย Classic ได้เลยล่ะ
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit -
https://myoriginal.com.ua/product/maitre-parfumeur-et-gantier-eau-pour-le-jeune-homme/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น