Montale - Sensual Instinct
จากปี 2018 ที่ Montale ค่อนข้างมีความท็อปฟอร์มอย่างมากกับการปล่อยน้ำหอมออกวางจำหน่ายแบบมาเต็มถึง 10 รุ่น เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 7 - 9 รุ่น ในแต่ละปี ก็ทำให้คาดการณ์ในเบื้องต้นว่า ปี 2019 น่าจะแผ่วลงมาหน่อยเพราะจัดเต็มไปแล้วเมื่อปีก่อนหน้า และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ กับการกลับมาที่ 8 รุ่น ซึ่งแน่นอนว่าครอบคลุมหมดทั้งสาย Oud ที่ต้องมีอยู่แล้ว สายกุหลาบ สายไม้หอม สาย Gourmand สายอบอุ่น และสายหวาน
และหนึ่งในกลิ่นกลิ่นอายสายอบอุ่นที่เรียกว่าสร้างความฮือฮาพอสมควรเลยกับการที่มีมีหลายๆ ผู้ใช้น้ำหอมโหวตโยงเรื่องความใกล้เคียงกับน้ำหอมดังแห่งยุคอย่าง MFK - Baccarat Rouge 540 อย่างรุ่น Sensual Instinct ซึ่งก็ทำให้มีความ เอ๊ะ! อยู่พอสมควร เพราะส่วนใหญ่หลังจากได้ลองหลายๆ รุ่นของแบรนด์นี้ ลามไปถึงแบรนด์พี่แบรนด์น้องอย่าง Mancera ที่มักมีการอ้างถึงความคล้ายกับรุ่นดังที่ว่า มักจะซึมซับได้ว่าเป็นเนื้อกลิ่นที่เอากระแสความนิยมมาต่อยอด ให้มีการฉีกโทนกลิ่นออกมาให้มีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์แบรนด์เสียมากกว่า แน่นอนว่าความอยากรู้อยากดมก็ต้องมา เพราะไม่คิดว่ามันจะถอดกันมาชัดๆ ขนาดนั้น และเมื่อได้ลองก็เล่าต่อได้แบบนี้เลย
Sensual Instinct เปิดตัวมาก็ใช่มาตามความนิยมชมชอบทางกลิ่นของยุคนี้อย่างชัดเจนกับวูบแรกที่จะมีความหวานอมเปรี้ยวหอมที่มีความใสและให้อารมณ์สีแดงเข้มและมีความลึกในเนื้อกลิ่นที่เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นโทนวิสกี้ กุหลาบเคล้ากาแฟที่เสริมด้วยกลิ่นกระวานหวานเย้า + โทน Citrus ที่มีส่วนประกอบของความเปรี้ยวแกมขมของมะกรูดฝรั่ง (ฺBergamot) และความหวานอมเปรี้ยวของส้มจีน ที่ทำให้ได้ความรู้สึกคล้ายกับ Baccarat Rouge 540 ในวูบแรก แต่ชั่วขณะถัดมาตัวเอกหลักก็อย่างหญ้าฝรั่น (Saffron) ที่จะไม่ได้มาแบบหวานลึกสีชาดแบบน้ำหอมรุ่นดังแต่อย่างใด แต่มาแบบความเป็นหญ้าฝรั่นที่มีความเมทัลลิคแกมขมแปร่ง Spicy ที่เป็นเสน่ห์ตามธรรมชาติของหญ้าฝรั่นและให้โทนกึ่งอาระเบียนหน่อยๆ โดยมีวิสกี้เสริมได้อย่างลงตัวในการสร้างเสน่ห์ทางกลิ่นที่เซ็กซี่ไม่น้อย เรียกว่าเบียดความหวานอมเปรี้ยวหอมช่วงแรกสุดไปเป็นแค่กลิ่นโทนสนับสนุนที่สร้างความหวานเย้ามีเสน่ห์ในโทนสีแดงในเนื้อกลิ่นแทน ถือว่าเป็นการพลิกโทนที่ไม่ได้เป็นการถอดเนื้อกลิ่นมาแบบช็อตต่อช็อต แต่เป็นการนำมาปรับให้เนื้อกลิ่นให้เป็นสไตล์ของแบรนด์โดยที่ไม่หลุดความ Trendy ทางกลิ่นแต่อย่างใด
การปรับเปลี่ยนโทนในการเข้าสู่ช่วงกลางความเป็นหญ้าฝรั่นกับวิสกี้จะยังคงความเด่นอยู่ เพียงแต่เริ่มโดนเกลากลิ่นให้โทนแปร่งเมทัลลิคแกมหวานขมอาระเบียนลดทอนลงมาเป็นกลางๆ มากขึ้น และจะมีกลิ่นโทนหวานแตะโทนของกิน (Gourmand) ที่เป็นลูกผสมระหว่างความเป็นกาแฟ วานิลลา และกุหลาบ แบบที่ทำให้นึกถึงความเป็นรุ่นดังของ Montale ที่มีอยู่เดิมอย่าง Intense Cafe เพียงแต่จะมีความนวลกึ่งขนมแนวคัสตาร์ดที่มีกาแฟ มีชอคโกแลตหน่อยๆ ที่เข้ามาร่วมด้วยแบบไม่ได้มาแบบจัดจ้านจนแน่นเกินไปนัก ทำให้ได้ทั้งความหวานเย้าแกมดึงดูดแบบที่หญ้าฝรั่นและวิสกี้ให้โทนแบบนี้ได้ชัดเจน ตามด้วยความหอมนวลอวลน่ากินแบบกลางๆ ของสายกุหลาบ กาแฟ วานิลลา ที่มีโทนหวานเผ็ดเย้าของกระวานเป็นลูกคู่ เนื้อกลิ่นเลยจะมีความหวานอมเปรี้ยวหอมลึกสู่หวานนวลอวลแบบดมไล่สเต็ปจากกลิ่นที่ฟุ้งสู่ติดผิวที่มีโทนสีในเนื้อกลิ่นออกมาชัดเจนจาก แดง > ม่วง > ชมพู > น้ำตาลทอง > เหลือง > ครีมนวล เรียกว่าช่วงกลางมีมิติไล่โทนกลิ่นที่น่าสนใจมากจริงๆ
ช่วงรอยต่อระหว่างช่วงกลางกับช่วงท้าย ความเป็นกลิ่นอายหวานอมเปรี้ยวหอมลึกๆ ที่ให้อารมณ์สีออกทางแดง ม่วง และชมพู เริ่มจะเบาลงตามลำดับ และเนื้อกลิ่นเริ่มมีโทนไม้หอมเข้ามาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเปลี่ยนเป็นโทนสีครีมนวลมากขึ้น จนเมื่อเข้าช่วงท้ายเต็มตัว ความเป็นโทนขนมในช่วงกลางจะเหลือเพียงเบาๆ ที่เสริมโทนอบอุ่นน่าซุกในเนื้้อกลิ่น แต่จะเริ่มมีโทนออกทางไม้หอมอย่าง Amberwood ที่ให้ความหอมไม้อวลๆ แกมอบอุ่น แต่ไม่ได้หนัก เพราะ Musk มาตัดทอนให้เนื้อกลิ่นมีความนุ่มนวลมากขึ้น และมี Oak Moss สร้างความดาร์กแกมขมหน่อยๆ ที่สร้างโทนแบบ Earthy ดินๆ มารวมอยู่ด้วย ซึ่งพอเจอ 3 เกลอ (Musk, Amberwood, Oak Moss) จะได้โทน Woody Musky ที่สะอาดนวลกำลังดีมีลูกเอื้อนโทนขนมเย้าหน่อยๆ ตามด้วยพิมเสนที่ให้ความปร่าระเรื่อเย้าๆ จมูกเข้ามาแท็กทีมประปรายในเนื้อกลิ่นด้วย ยิ่งทำให้เนื้อกลิ่นมีเสน่ห์ดึงดูดปิดท้ายแบบไม่ต้องเยอะสิ่งก็เอาอยู่ได้สบาย
เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะเนื้อกลิ่นมีพื้นฐานความเป็นโทนหวานสีแดงไปสู่ครีมนวลที่เข้าได้หมดทุกเพศ และทันสมัยเลยกับการใช้งาน ซึ่งเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ที่จะทางการก็พอได้ แต่ใส่แบบทั่วๆ ไป หรือทำงาน Office นี่ก็เข้าทีมากมาย รวมถึงยามค่ำคืนที่จัดไป ได้หมดทั้งออกงาน หรือท่องราตรีแบบหรูๆ มีสไตล์ เข้าทางโรแมนติคหน่อย ส่วนการใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายนั้น ข้ามไปเถอะ ไม่ใช่ทุกประการ
ความทน - เรื่องนี้หายห่วง แปะแบรนด์ Montale มีหรือที่จะไม่ทนเกิน 8 ชม. ขึ้นไป เพราะส่วนตัวที่เจอจัดไปที่ 15 ชม. กลิ่นยังอยู่ให้จับต้องได้ตลอด
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แต่ไม่ได้ถึงกับทรงพลังหมื่นลี้รอบทิศขนาดนั้น ออกแนวกระจายดีมากแบบเรียกแขกในช่วงต้น แล้วจะลดลงมากระจายดีไปซักราวๆ 3 ชม. ถึงผ่อนลงมาเป็นปานกลางที่ใครเดินสวนก็ได้กลิ่น ยาวไปจนถึงราวๆ 6 ชม. ก็เริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ กว่าจะ Skin Scent ก็ชั่วโมงที่ 10 ไปแล้วประมาณนั้น
สรุป - ถ้าว่ากันตรงไปตรงมา ก็คือการเอาลักษณะเนื้อกลิ่นแบบ Baccarat Rouge 540 มาเป็นตัวเรียกแขกให้อารมณ์หวานสีแดงเย้าๆ แต่ปรับโทนให้มีลูกเล่นที่น่าสนใจมากขึ้นแบบที่เป็นลักษณะของ Montale โดยดึงเอาหญ้าฝรั่นในด้านเซ็กซี่มาแบบชัดๆ แล้วปูเข้าสู่ความเป็นกลิ่นอายขนมแกมกุหลาบที่ไม่หนักเกินไปแล้วเป็นมินิมัลสไตล์ที่อบอุ่น เย้ายวน และผ่อนคลายแบบมีเสน่ห์ในช่วงท้าย จะว่าเกาะกระแสก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่เกาะแล้วมีแตกต่างอย่างมีสไตล์ต่างหากที่ทำให้กลิ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและมีเสน่ห์โดดเด่นไม่แพ้กัน
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.instagram.com/p/CRntdODp-pk/?utm_source=ig_web_copy_link
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น