วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2564

Review: Centauri Perfumes - C2

Centauri Perfumes - C2

จากความรักในกลิ่นน้ำหอมต่างๆ สู่การเป็น Youtuber ที่เป็นนักรีวิวน้ำหอมที่มีคุณภาพสูงมากๆ คนหนึ่งของโลกกับ Channel - FragranceView ก็ได้ขยับขยายมาสู่การเป็น Perfumer เองของ Peter Carter หนุ่มชาวอังกฤษ ในการสร้างสรรค์กลิ่นอายเฉพาะต่างๆ ออกมาแบบ Small Batch ที่เปรียบเสมือนเป็น Limited Edition กลายๆ ที่มีแรงบันดาลใจการสร้างสรรค์กลิ่นตามช่วงเวลาเช่น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ในการเป็นแบรนด์ Centauri Perfumes  ผ่านกลิ่นอายต่างๆ ที่เปิดตัวออกมาแล้วถึง 3 รุ่น กับขวดและฝาที่สวยมาก และชัดเจนว่ามีอิทธิพลจากศิลปะอิยิปต์โบราณมาเกี่ยวข้องเต็มๆ แต่

ไม่ได้มากับ 3 รุ่นที่ออกมาวางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้แต่อย่างใด (ซึ่งในอนาคตจะมาเล่ากลิ่นอีกที) เพราะการมาเจอกับแบรนด์นี้่ครั้งแรกก็ขอมาที่ตัว Exclusive ที่สร้างขึ้นมากับการระดมทุนเพื่อบริจาคให้กับองค์กรการกุศลอย่าง CTC The Gathering Place ที่เป็นธนาคารอาหารและที่พักหลับนอนชั่วคราวให้กับผู้ยากไร้ที่หิวโหยต่างๆ ซึ่งมีขวดเดียวซะด้วยในโลก และเมื่อได้รับการแบ่งปันมาจากผู้ชนะที่ได้รับขวดนี้มา แล้วมาตกผลึกทุกทุกช่วงกลิ่นจนได้ที่แล้ว ก็ต้องมาถ่ายทอดกันหน่อยว่ากลิ่นของรุ่นพิเศษที่ให้ชื่อรุ่นว่า C2 จะเป็นอย่างไรบ้าง

C2 เปิดตัวมาแบบอารมณ์ลูกผสมโทนกลิ่นที่มีทั้งความหวานติดเอียนเล็กๆ แบบโทนคาราเมลกึ่งน้ำผึ้ง แต่ก็ไม่ได้หวานแหลมจัดหนักคลอไปด้วยกลิ่นกุหลาบที่มีลูกโทนกึ่งหวานกึ่งแยมหน่อยๆ และมีลูกโทนแบบผลไม้แห้งๆ แกล้มวานิลลาบางๆ รวมอยู่ด้วย แต่มันไม่ได้จบแค่นี้เพราะสายหวานเหล่านี้เป็นเป็นฉากหน้าเท่านั้น โดยในวูบถัดมาจะมีกลิ่นชอคโกแลตที่ไม่ได้ถึงกับดาร์กมาก ตามด้วยการแทรกตัวของกลิ่นออกทาง Animalic ที่แทรกขึ้นมาที่จับได้ถึงกลิ่นคล้ายยางไม้ และกลิ่นคล้าย Musk ติดดิบบางๆ เนียนๆ อยู่ด้วย เลยทำให้ช่วงต้นมันมีอะไรหลากหลายมากเลยทีเดียวที่ทำให้สนุกในการจับกลิ่น ซึ่งแน่นอนว่าตามสไตล์ Niche Perfume กลิ่นแบบนี้อาจจะทำให้รู้สึกงงๆ กันก่อนว่าตกลงมันคืออะไร เพราะมันจะมีความมะรุมมะตุ้มนิดนึง

เมื่อไปต่อที่ช่วงกลางคราวนี้จะเป็นการผสมผสานที่มีลูกโทนที่มีความซับซ้อนมาก โดยยืนพื้นที่กลิ่นอายสายติดดาร์กอยู่เช่มเดิม ซึ่งกลิ่นชอคโกแลต โทนหวานคาราเมล และโทนกุหลาบติดวานิลลาก็ยังคงเป็นเมนเช่นเดิม แต่จะเพิ่มเอากลิ่นคล้ายเหล้ารัมผลไม้เข้ามาสร้างมิติความน่าค้นหา และจะมีกลิ่นโทนสมุนไพรแห้งๆ หน่อยๆ เข้ามาคลอ รวมถึงแอบมีโทนเหล้ารัมเข้ามาหน่อยๆ ด้วย แน่นอนว่าจับต้องได้ถึงโทน Animalic ที่แทรกตัวอยู่ตลอดอารมณ์กลิ่นจะกึ่ง Musk กึ่งกลิ่นนมๆ กึ่งกลิ่นหนัง ซึ่งภาพรวมของกลิ่นจะได้ความหวานปะแล่มๆ ของกุหลาบติดวานิลลา มีความนัวของชอคโกแลตที่ไม่ได้ข้นจัดแต่แกมกลิ่นออกทางคาราเมลกึ่งน้ำผึ้งหน่อยๆ และมีกลิ่นออกทางยางไม้แปร่งๆ มาสร้างอารมณ์น่าค้นหา มีกลิ่นออกทางกึ่งจะคลาสสิคหน่อยๆ ที่ให้ความร่วมสมัยที่ Mix & Match และปิดท้ายด้วยโทนสาน Animalic ที่เซ็กซี่ดึงดูดแกม Dirty ซึ่งแน่นอนว่าความซับซ้อนยังคงชัดเจนมีเลเยอร์อะไรให้จับต้องได้แบบหลากหลายและมีความเก๋อยู่ในตัวเองสูงมาก

และเมื่อกลิ่นดำเนินไปจนโทนหวานๆ ออกทางคาราเมลเริ่มหายไป และกลิ่นชอคโกแลตเริ่มลดทอนตัวเองลงไปพร้อมกับกลิ่นโทน Animalic ต่างๆ ติดสวาบปลุกเร้าเริ่มที่จะเบาลง ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่ความโดดเด่นของกลิ่นโทนนุ่มนวลจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีลูกผสมของโทนแป้งติด Buttery เนยๆ จืดๆ ของหัวเหง้าออริส กลิ่น Musky นวลๆ กลิ่นนมอุ่นๆ ที่ให้ความนวลละมุนแบบกลิ่นกายอาบนมสด และกลิ่นไม้จันทน์หอมที่สร้างความในวลครีมมี่ไม้หอมสอดรับกับกลิ่นอายสายนวลได้อย่างลงตัว โดยที่จะยังมีกลิ่นชอคโกแลตติดหวานกึ่งกุหลาบแกล้มวานิลลาบางๆ มีโทนไม้หอมยางไม้อ่อนๆ สร้างความดึงดูดหน่อย ซึ่งเลเยอร์กลิ่นจะมีอารมณ์คล้ายชอคโกแลตลาเต้ที่จะมีกลิ่นออกทางนวลนมนุ่มละมุนแกม Animalic หน่อยๆ ตามธรรมชาติของกลิ่นนม เคล้าชอคโกแลตที่มีลูกเย้าหน่อยๆ มีความหวานกุหลาบบางๆ ระเรื่อๆ ให้มีลูกเล่น เป็นเลเยอร์ที่ลงตัวไม่ได้ข้นและดาร์กเท่ากัยช่วงต้นและกลางแล้ว ปิดท้ายการเปลี่ยนกลิ่นอายที่ให้อารมณ์แบบร่างกายกลิ่นหอมนมนวลๆ น่ากินแกมหวานสะกิดปลายจมูกเคล้าความหอมชอคโกแลตบางๆ เรียกว่าสร้างความรื่นรมย์ปนน่ากินได้ดีมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่เข้าได้กับทุกเพศ เพียงแต่กลิ่นจะมีความซับซ้อนและเปิดมาอาจจะดูงงๆ กันก่อน ซึ่งถ้าไม้ชินอาจจะตบไปได้เลย อย่างน้อยผ่านน้ำหอมเชิง Niche หรืออินดี้มาก่อนบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งเข้ากับกลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่เบามือนิดนึงกับอากาศเมืองสารขัณฑ์บ้านเรา ซึ่งไม่เข้ากับยามทางการรับแจกบ้านแขกเมืองเท่าไหร่ รวมถึงการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกาย แต่ถ้าใส่ทั่วๆ ไป อันนี้ได้เลย สร้างออร่ากลิ่นที่ไม่ธรรมดาและไม่เหมือนใครได้ดีมากอ ส่วนยามค่ำคืนใส่ทั่วๆ ไป ใส่กึ่งโรแมนติค หรือใส่ท่อราตรีก็ได้อยู่ แต่กลิ่นอาจจะไม่ได้ถึงกับปล่อยพลังจัดจ้านนัก เน้นคลุกวงในเสียมากกว่า

ความทน - ลงตัวที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ และไปต่อได้อีกตามสภาพผิวกายและจำนวนสเปรย์ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 8 - 10 ชม. ที่ยังจับต้องกลิ่นได้อยู่ชัดๆ ส่วนที่เหลือจะเป็นติดผิวที่ต้องดมใกล้ๆ จนค่อยๆ จางไป 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาปานกลางคงตัวราวๆ 4 ชม. แล้วถึงค่อยลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไปจนเผื่อผ่าน 8 ชม. ไปแล้วก็จะเป็น Skin Scent

สรุป - มันมีความซับซ้อนในโทนหวาน ที่ไม่ได้รู้สึกเหมือนเราอาบขนมมาจากไหน แต่ให้อารมณ์ที่หลากมิติในการรับรู้ที่เติมเต็มกันได้ดีพอตัวเลย ไม่ว่าจะหวาน จะเข้มหอม จะแปร่งเก๋ๆ จะดึงดูดเย้ายวน จะ Dirty ซึ่งถ้าในอนาคตตัวนี้ได้ไปต่อ (ซึ่งอาจจะมีการปรับปรุงอะไรอีก) บอกเลยว่าน่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก โดยส่วนตัวชอบกลิ่นช่วงท้ายจริงๆ อารมณ์กลิ่นนมคลอผิวกายแกมกลิ่นชอคโกแลตติดหวานปลายกลิ่นสร้างความฟินมากเลยทีเดียว

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/fragranceview/posts/883669452171200

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น