วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2564

Review: Parfums MDCI - Invasion Barbare

Parfums MDCI - Invasion Barbare

หลายๆ ครั้งที่ได้เห็นการกล่าวถึงน้ำหอมผู้ชายที่มีความงามทางกลิ่นแบบ Timeless ที่ความหวือหวาอาจจะไม่ได้พีค แต่มีความเรียบหรูที่สื่อสารกลิ่นอายสไตล์สุภาพบุรุษที่มีระดับและมีคุณภาพกลิ่นที่ยอดเยี่ยมมากของแบรนด์ Parfums MDCI ในรุ่น Invasion Barbare ก็เรียกว่านั่งรอจังหวะกันอย่างเดียวเลยว่าจะจัดมาใช้งานได้ตอนไหน เพราะเราก็อยากที่จะซึมซับความดีงามตามคำเล่าไม่น้อยเลยทีเดียว จนเรียกว่าผ่านมาจนลืมไปแล้วว่าสนใจรุ่นนี้

แต่ดวงจะเสียเงินไม่เข้าใครออกใคร และกลิ่นไหนที่เราต้องได้ลองก็ต้องเอามาลองให้ได้ เช่นนั้น จัดไปอย่าได้เสียได้ลองและตกผลึกกับกลิ่นนี้ซะที และกลิ่นที่ออก คือ

เปิดมากับความเป็น Citrus ที่มีความสมดุลย์ในเนื้อกลิ่นสูงมาก คมอยู่หน่อยแต่ก็ไม่ได้ถึงกับพุ่งทะลุจมูก และไม่ได้ใสเกินไป ชูโรงความสดชื่นแบบมีความละเมียดมากกว่าที่จะเน้นสดใสเริงร่า ซึ่งต้องให้เครดิตของใบไวโอเล็ตเลยที่เอาโทนติดสดชื่นเจือเขียวใสอ่อนๆ กึ่งแตงกวาเย็นๆ สดชื่นมาตัดทอนความเป็นกลิ่นอายของเกรปฟรุตที่ติดขมปร่า Spicy อ่อนๆ ติดเขียวปลายกลิ่นของมะกรูดฝรั่ง แต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งความเป็นโทนสว่างในเนื้อกลิ่นแบบที่สาย Citrus สามารถให้ได้อยู่ เลยทำให้ช่วงต้นจะเป็นกลิ่นอายสมาร์ทและสดชื่นแบบสไตล์สุภาพบุรุษสมาร์ทกันอย่างชัดเจน

แล้วเพียงไม่นานกลิ่นเอกหลักของรุ่นอย่างลาเวนเดอร์จะเริ่มเปิดตัวออกมาให้ความหอมติดนวลสะอาดมีความสมุนไพรกำลังดีเจือหวานปลายกลิ่นหน่อยๆ ให้เริ่มจับต้องได้ และจะชัดขึ้นๆ ตามลำดับ จนเปลี่ยนสถานะของน้ำหอมในการเข้าสู่ช่วงกลางที่คราวนี้ความสดชื่นที่เด่นกับไวโอเล็ตตอนต้นจะกลายเป็น Background ให้จับต้องไปแบบประปราย แต่โทนกลิ่นภาพรวมจะมาสาย Aromatic มากขึ้นในพื้นฐานกลิ่นที่มีความนวลกำลังดีและมีความสุภาพกำลังงาม แต่จะมีลูกเล่นบางอย่างที่แฝงในการสร้างเสน่ห์ในความสุภาพของกลิ่นแบบเติมความเย้าเข้าไปร่วมด้วยอย่างเม็ดกระวาน ที่ก็ปล่อยของพอสมควรแต่มาแบบโดนเกลากลิ่นที่พอเหมาะ สร้างความเย้าเนียนๆ มากกว่าจะเปิดตัวพร้อมรบ ซึ่งจะตีคู่กับลาเวนเดอร์ได้อย่างน่าดูชมและดมกลิ่นมาก โดยตัวหลักในช่วงนี้ทั้ง 2 ตัว จะมีตัวสนับสนุนชั้นดีจากโทนสายสมุนไพรที่จะให้อารมณ์สมุนไพรกลิ่นเขียวปร่าอะโรม่าหน่อยๆ ของ Thyme และมีกลิ่นเผ็ดหวานซ่านิดๆ ของขิงที่สร้างความสว่างให้เนื้อกลิ่น ทำให้ช่วงกลางจะเป็นกลิ่นปร่านวลที่อ้อล้อคลอเคลียกันได้อย่างลงตัวระหว่างสาย Aromatic และ Fresh Spicy โดยมีความสดชื่นในช่วงต้นมาเสริม เลยทำให้กลิ่นจะได้ความเป็นสไตล์สุภาพบุรุษติดนิ่งเท่ห์และมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกันได้อย่างลงตัว ไม่พอยังเสริมบุคลิกให้มีความสมาร์ทเต็มๆ

เมื่อกลิ่นดำเนินไปจนถึงเวลาอันสมควร จะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนอบอุ่นที่จะค่อยๆ เนียนแทรกตัวขึ้นมาอย่างวานิลลา ซึ่งจะไม่ได้มาแบบข้นๆ แต่จะมาแบบกลิ่นติดแป้งอบอุ่นนวลๆ ระเรื่อกำลังดีเสียมากกว่า แล้วกลิ่นจะเริ่มเป็น 3 โทนที่ผสานกันและขับความดีงามในแต่ละโทนออกมาแบบไปด้วยกันได้ดีอย่าง Aromatic, Fresh และ Warm Spicy ได้อย่างลงตัวในการปูทางเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเริ่มเป็นกลิ่นอายแบบผู้ชายอบอุ่นเรียบหรูเข้ามาแทนที่ กลิ่นจะให้ความเป็นแป้งติดวานิลลาที่ละมุนๆ เพราะเนื้อกลิ่นมีโทน Musk มาเกลาให้นวลอยู่ด้วยรองพื้น โดยที่จะมีเลเยอร์กลิ่นเป็นโทนลาเวนเดอร์นวลสะอาดติดหวานเจือไม้หอมโปร่งสุขุมๆ ที่เดาไม่ยากว่าเป็นไม้ซีดาร์เป็นเลเยอร์บน โดยมีกลิ่นออกทางปร่าสมุนไพรอ่อนๆ ที่ตามมาจากช่วงกลางและน่าจะบวกพิมเสนแบบติดระเรื่อปร่าหวานเข้ามาด้วยคลออยู่ประปรายให้ความปร่ารื่นโปร่งจมูกหน่อยๆ ปลายกลิ่น ซึ่งเติมเต็มทำให้กลิ่นมีความสมบูรณ์มากขึ้นในการสร้างออร่าสุภาพบุรุษที่มีความอบอุ่นในสไตล์กึ่ง Classic มีระดับแบบที่ไม่ได้ Vintage เกินไป และไม่ได้ดูสมัยใหม่จ๋าๆ โดยคุมโทนความ Timeless ที่มีคุณภาพกลิ่นสูงมากได้อย่างงดงาม

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้แล้ว กลิ่นจะเสริมออร่าความเป็นสุภาพบุรุษที่ชัดเจนมาก ให้ความรื่นจมูกมากกว่าจะตะบี้ตะบันยัดเยียดความเป็นกลิ่นผู้ชายให้รับรู้ แต่ให้ความผ่อนคลายสบายๆ เสียมากกว่า ซึ่งเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แม้กระทั่งใส่ออกกำลังกายก็พอได้ (แต่มันแพงนะ เสียดาย) ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือโรแมนติคจะดีที่สุด 

ความทน - ดีงามกับค่าเฉลี่ยที่ 8 ชม. ได้สบายมาก และไปต่อได้อีกตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม โดยส่วนตัวเจอไปที่ 10 - 12 ชม. ประมาณนี้เสมอกับการใช้ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าเปิดตัวด้วยความสดชื่นให้รับรู้กันก่อน แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปเรื่อยๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนเมื่อผ่านราวๆ 8 ชม. ไปแล้วจะเริ่มเข้าสู่โซนติดผิวไปในที่สุด

สรุป - ใช่เลย ต้องยอมรับเลยว่ากลิ่นไม่ได้หวือหวาหรือโดดเด้งทะลุแป้งแตกต่างอะไรขนาดนั้น แต่กลิ่นจะให้ความดีงามในคุณภาพเนื้อกลิ่นที่เบลนด์ด้วยกันอย่างสมดุลย์และเกื้อหนุนในการสร้างออร่าสุภาพบุรุษที่มีความเรียบหรูและมีระดับ โดยไล่เรียงจากความสว่างสดชื่น ความนวลติดเย้ามีเสน่ห์ที่สมดุลย์ และความอบอุ่นติดนุ่มนวลที่สร้างความพึงใจในการรับรู้กลิ่น เช่นนั้น ไม่แคร์ว่าจะต้องหวือหวาหรือไม่ แต่เมื่อกลิ่นทำหน้าที่ออกมาแล้วมีคุณภาพและงดงามแบบไม่ต้องพยายามขนาดนี้ แค่นี้ก็ยกคำว่า Masterpiece ให้ได้เลยแบบที่ไม่ต้องเค้นหรือบิลด์เยอะแต่อย่างใด 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.luckyscent.com/product/36504/invasion-barbare-by-parfums-mdci#

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น