วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2564

Review: Issey Miyake - L’Eau d’Issey pour Homme Shades of Kolam

Issey Miyake - L’Eau d’Issey pour Homme Shades of Kolam

หลังจากที่ออกตระกูล L’Eau d’Issey ที่เป็นโซน Shade of XXXXX ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้หญิงหรือผู้ชาย เรียกว่าได้ทางและได้ใจกลิ่นอายสายสดชื่นและท่องเที่ยว (ทั้งเที่ยวจริงและเที่ยวทิพย์) ได้เลยในช่วงเวลาของการเก็บเนื้อเก็บตัว และที่สำคัญตอบโจทย์การเป็น Summer Scent ได้ดีมาก ซึ่งแน่นอนการไปต่อก็ต้องมีและต้องมา คราวนี้เลยได้เวลาของการเป็นสัมผัส Shade of ในรูปแบบอื่นๆ บ้างแล้ว ซึ่งคราวนี้แบรนด์เลยพาเราไปที่ Chennai ที่อินเดียกันบ้าง และก็ได้สร้างสรรค์ออกมาจนกลายเป็น Shade of Kolam ทั้งการเป็นน้ำหอมผู้หญิงและน้ำหอมผู้ชาย

ในการเล่ากลิ่นในครั้งนี้จะมาขอเจาะที่การเป็น L’Eau d’Issey pour Homme Shade of Kolam ของผู้ชายกันซักนิดว่ากลิ่นอายของการเป็นบรรยากาศของเมือง Chennai ที่แบรนด์ถอดออกมาในสไตล์เดินเที่ยวเมืองจะเป็นอย่างไรบ้าง

Top Notes คือการเปิดตัวด้วยลักษณะลายเซ็นของสาย L’Eau d’Issey pour Homme เลยที่จะต้องมีโทน Citrus เด่นมาให้รับรู้กันก่อน ซึ่งแน่นอนว่าจะมี 2 เลยอร์ให้จับต้องนั่นคือ เกรปฟรุต ที่ต้องมีให้รู้สึกได้ถึงโทนเปรี้ยวสดชื่นสว่าง แต่จะมาแบบแนวสร้างบรรยากาศรายล้อมมากกว่าที่จะเด่นทะลุกลางปล้อง แต่โทน Citrus ที่จะคุมโทนจริงๆ นั่นก็คือ ส้มโอ ที่เอาจริงๆ อาจจะแยกยากหน่อย แต่กลิ่นจะไม่ถึงกับแปร่งเท่าเกรปฟรุตนัก แต่มีความคล้ายและเชื่อมโทนติดหวานปลายอยู่หน่อยๆ เลยทำให้อารมณ์กลิ่นจะมีความเป็นโทนเปรี้ยวหอมติดหวานปลายๆ กลิ่น ให้ความสดชื่นติดสว่างๆ รวมถึงจะมีกลิ่นออกทางเปรี้ยวติดขมสร้างบรรยากาศของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) มาเสริมด้วย เลยทำให้กลิ่นเปิดที่วูบมามีความเป็นธรรมชาติระดับหนึ่งเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ได้ไก่กาและไม่ได้นำเสนอโทนสังเคราะห์ให้รู้สึกได้แต่อย่างใด แต่กลิ่นไม่ได้มีแค่นี้เพราะเมื่อไปอินเดีย ความเป็นเครื่องเทศก็ต้องมาสอดรับเพื่อให้ครบถ้วน ซึ่งก็มาในวูบถัดไป แถมแทรกตัวไวมากในการสร้างความปร่าเผ็ดนวลเย้าปนหวานแกมโทนติดครีมมี่เล็กๆ ของเม็ดกระวานที่สร้างอารมณ์เครื่องเทศออกมาแบบชัดเจน แต่มีความสมูธไม่ได้มาแบบอัดเครื่องเทศอินเดียเข้าไป กลิ่นจะให้ความเรื่อยๆ เอื่อยๆ เป็นบรรยากาศสว่างสดชื่นเจือกลิ่นเครื่องเทศที่กำลังดี ไม่ได้หนักหน่วง ที่สำคัญให้ความเรียบหรูเกินคาดเสียด้วย

Middle Notes คือช่วงเวลาของความอวลแบบกำลังดีอย่างแท้ทรู เพราะว่าโทน Citrus ในช่วงต้นจะลดทอนตัวเองเหลือเพียงปลายกลิ่น แต่จะให้โทนเครื่องเทศที่มาอย่างสมดุลย์กำลังดี ให้ความนวลเย้าเป็ดเจือหวานแบบตัดเอาความ Dirty ออกไปให้เหลือแต่ความดีงามในการสร้างกลิ่นที่รื่นรมย์แทนกลิ่นเลยจะให้ความอวลเครื่องเทศสายเผ็ดหวานเย้ากำลังดีและเสริมด้วยความปร่าซ่าหน่อยๆ ที่ตัดทอนความคมออกไปหมดเลยของเม็ดผักชี เลยได้ความปร่าอ่อนๆ กำลังดี ซึ่งจะเข้ามาผสมผสานกับกลิ่นชาเขียวที่เข้ามาเป็นตัวเสริมให้ความอะโรม่าเบาๆ กลิ่นจะไม่ได้ไปสาย Chai Tea ชัดๆ นัก แม้จะมีความครีมมี่ก็จริง แต่ให้อารมณ์ชาเขียวกับเครื่องเทศอวลๆ เจือกลิ่นไม้หอมติดครีมมี่เนียนๆ ซึ่งน่าจะมีกลิ่นอายคล้ายโทนไม้จันทน์หอมเข้ามาร่วมด้วย (ซึ่งถ้าเป็นอินเดียส่วนใหญ่ต้องมีไม้จันทน์หอม ไม่มีถือว่าสื่อไม่ตรงจุดเท่าไหร่) เลยทำให้เป็นลูกผสมที่เป็นโทนอะโรม่ากึ่งอวลปร่าเผ็ดอ่อนๆ ที่มีความนวลครีมมี่ของไม้หอมแทรกอยู่ในทุกอณูแทน ซึ่งต้องถือเลนว่ากลิ่นมีความทันสมัยและตอบโจทย์ Trendy ยุคนี้ชัดเจนมาก เพียงแต่ยังคุมโทนกลิ่นอายสไตล์ Summer ที่ไม่ได้เน้นตะบี้ตะบันแบบสายสดชื่นได้ดีอีกด้วย

Base Notes จะเป็นช่วงสำคัญมากจริงๆ ที่โทนเครื่องเทศติดอะโรม่าชาเขียวจะเหลือเพียงเบาๆ ปล่อยให้ไม้หอมเป็นผู้เล่นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าความเป็นไม้หอมติดครีมมี่จืดหอมเจือหวานอ่อนๆ แบบไม้จันทน์หอมจะกลายเป็นตัวหลักเลยในการเดินกลิ่น ซึ่งจะเสริมด้วยกลิ่นอายกึ่งไม้หอมขรึมๆ แกมอวลๆ กึ่ง Musk สะอาดๆ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะจับได้ถึงไม้ซีดาร์ที่เข้ามาสร้างความขรึมๆ แกมกลิ่นออกทางสารหอมที่ให้โทนกลิ่นไม้ซีดาร์อย่าง ISO E Super อยู่ด้วย ซึ่งพอมาเจอกับโทนอวลๆ กึ่ง Musk กับโทนครีมมี่จืดหอมเจือหวานปลาน กลิ่นก็จะสร้างโทนที่เป็นเลเยอร์ 3 ชั้นในการเป็นไม้หอมที่เรียบหรูได้อย่างลงตัวมาก เพราะได้ความเป็นไม้หอมที่กลิ่นเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่ชัดเจน อารมณ์กลิ่นตรึมความดีงามที่ไม่เบาไปไม่หนักไปได้ดี โดยที่มีความเป็นโทนเครื่องเทศกึ่งชาเขียวฉาบเบาๆ สร้างมิติที่มีความอะโรม่าอ่อนๆ มาร่วมด้วย ถือเป็นการปิดท้ายกลิ่นที่ดีและลงตัวแบบที่คุมโทนความเป็นกลิ่นอายแบบผู้ชายสบายๆ แต่มีความหรูหราแบบเรียบง่ายและมีความทันสมัยควบคู่ไปด้วยแบบสมดุลย์ ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายแบบชัดเจนในช่วงวัยมหาลัยขึ้นไป สามารถจัดตัวนี้ได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นดีงามและมีเสน่ห์สไตล์เรียบหรูแบบที่ไม่หนักเกินไป เข้ากับอากาศร้อนก็ได้ เลยทำให้ใช้ได้หมดทุกสถานการณ์ยามกลางวัน กวาดหมดจริงๆ และสามารถเอาไปใช้ยามค่ำคืนก็ได้ เพียงแต่ให้ข้ามการใช้เพื่อท่องราตรีปล่อยเสน่ห์ไปได้เลย โดนกลบมิดเสียเปล่าๆ 

ความทน - ดีมากเกินคาดจริงๆ เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. กลิ่นก็ยังคงให้รับรู้ได้อยู่ แบบที่เหงื่ออกทั้งวันเพราะอากาศร้อน ซึ่งอันนี้ถือว่าสู้เหงื่อได้ดี เรายอมเขาตรงนี้ และถ้าตีเป็นค่าเฉลี่ยยังไงก็แตะ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีไปถึงราวๆ 3 ชม. ก่อนที่จะลดลงมาปานกลางไปเรื่อยๆ จนเมื่อราวๆ 6 ชม. ถึงผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วเป็น Skin Scent เมื่อผ่าน 8 - 10 ชม. ไปแล้ว

สรุป - เพราะ Shade of ตัวก่อนหน้าเน้นทะเลเป็นหลัก เช่นนั้น การฉีกออกมาจาก Sea View มาเป็นลักษณะ City View เลยกลายเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจขึ้นมามากจริงๆ ที่สำคัญการถอดเอามุมดีๆ ของกลิ่นอายสภาพแวดล้อมมาสู่การเป็นน้ำหอมก็ทำได้อย่างครบถ้วนเช่นกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่เหมือนจะธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาและยังไงก็รอดมากในการใช้งาน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.isseymiyake.com/en/news/6129

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น