วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564

Review: Maison Francis Kurkdjian - Aqua Celestia Forte

Maison Francis Kurkdjian - Aqua Celestia Forte 

จากจุดเริ่มต้นในการเป็น Aqua Celestia ที่สร้างกลิ่นอายสายสดชื่นที่มีที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์กลิ่น คือ จุดบรรจบระหว่างขอบฟ้ากับผืนน้ำทะเล จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก รวมถึงบางส่วนก็บอกว่ากลิ่นมันไม่ได้ดั่งใจเรื่องความทนเท่าไหร่ เช่นนั้นตามสไตล์ของ Maison Francis Kurkdjian ที่ถ้าสะดวกก็ต่อยอดมันซะเลย เพราะหลายๆ รุ่นก็ทำแบบนี้มาเสมอ จึงเป็นที่มาของการสร้างสรรค์กลิ่นที่จะต้องมีความเข้มข้นขึ้นต่อยอดจากรุ่นเดิมที่เป็น EDT มาเป็น Aqua Celestia Forte ที่เป็น EDP ในที่สุด

เช่นนั้นได้เวลามาถ่ายทอดกลิ่นกันหน่อยแล้วว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

เปิดตัวมาก็เรียกว่าพื้นฐานกลิ่นคงเดิม เพิ่มเติมคือโทน Citrus จะค่อนข้างเด่นชัดมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะกลิ่นมะนาวที่ให้วูบของความเปรี้ยวชัดเจนตอนแรกก่อนจะลดทอนลงเป็นความเปรี้ยวหอมที่สอดรับกับกลิ่นโทนเขียวปร่าของมินต์ที่เสริมเข้ามาพร้อมกับกลิ่นอายสไตล์ Aquatic หน่อยๆ จนได้กลิ่นอายแบบเครื่องดื่ม Mojito แต่เพราะเนื้อกลิ่นมีโทนออกทางเขียวแบบกิ่งก้านส้ม เลยทำให้โทนเปรี้ยวติดเขียวจะชัดขึ้นมาเสริมความเป็น Citrus ได้ชัดเจนมากกว่ากลิ่นอายโทนเขียวอะโรม่า แถมยังมีกลิ่นเลมอนที่ให้ความสดชื่นติดเปรี้ยวเจือหวานเลยได้ความเป็นสไตล์ Citrus Cologne ให้จับต้องได้ด้วย แต่กลิ่นไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะว่ากลิ่นโทนหวานกึ่งผลไม้ติดเปรี้ยวกึ่งดอกไม้ กับกลิ่นโทนออกทางมะลิเจือดอกไม้ขาวนวลๆ ปนสดชื่นจะเสริมเข้ามาไวมาก จนทำให้กลิ่นเป็นเนื้อเดียวกันแบบให้โทน Citrus ติดหวานนวลเจือความเขียวปนปร่ามินต์ อารมณ์แบบสีขาวนวลปนสดชื่นสว่างกึ่งฟ้าอ่อนสีครามที่ชัดเจน ซึ่งแค่เปิดมาความเข้มของกลิ่นก็ชัดมาก แถมคุม Concept การเป็นกลิ่นอายจุดตัดบรรจบระหว่างท้องฟ้ากับผืนทะเลได้ชัดเจน เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้ใสเท่ากับรุ่น EDT ตั้งต้น เพราะเข้มกว่าและมีโทนสว่างนวลขาวชัดเจนกว่ามาก

ในช่วงกลางความเป็น Citrus เจือหวานนวลจะยังไม่ลดราวาศอก อาจจะมีความรู้สึกคมๆ อยู่บ้าง แต่โทนกลิ่นจะเริ่มเป็นสายดอกไม้ขาวเจือหวานใสที่จะจับต้องได้ถึงกลิ่นดอกกระถินเทศ (Mimosa) ที่เข้ามาให้โทนหวานระเรื่อร่วมด้วย ซึ่งโทนกลิ่นจะได้มิติแบบกลิ่นเปรี้ยวอมหวานที่จะเป็นโทน Citrus ในตอนต้นเคล้ากับมะลิและโทนกลิ่นหวานกึ่งผลไม้ที่ติดเปรี้ยว ซึ่งเดาไม่ยากว่าเป็นกลิ่นแนวแบล็คเคอแรนท์แต่มีโทนออกทางดอกไม้ที่ติดหวานพอตัว เสริมด้วยโทนหวานกึ่งแป้งติดเขียวของ Mimosa ไปอีก เลยทำให้ช่วงกลางจะเป็นโทนหวานติดแหลม Citrus เจือความปร่าปลายกลิ่นของมินต์ แบบที่กลิ่นจะเข้มและชัดเจนมาก และแม้ว่ากลิ่นจะสดชื่นแต่พื้นกลิ่นมีความเป็นสายดอกไม้ที่เต็มตัว รวมถึงเนื้อกลิ่นลดทอนโทนสีฟ้าครามลงมาเหลือราวๆ 1 ใน 4 ให้อีก 3 ส่วนเป็นกลิ่นโทนสว่างขาวนวลสดชื่นติดหวานอมเปรี้ยวแทน ซึ่งแม้ว่ากลิ่นจะยังมีความเป็นรุ่นตั้งต้น แต่เข้มข้นกว่าและมีความแตกต่างแต่ไม่แตกแยกจากรากเหง้าแต่อย่างใด

กลิ่นในช่วงกลางเรียกว่าจะอยู่อย่างยาวนานสะใจมาก จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ว่ากลิ่นโทนหวานอมเปรี้ยวสว่างเริ่มเบาลง และกลิ่นเริ่มมีความนุ่มนวลขึ้น ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่แน่นอนกับกลิ่น Musk ที่ให้ความนวลสะอาด เจือกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ อ่อนๆ คลอเคลียให้มีมิติเนียนๆ ซึ่งจะมาเป็นเสมือนตัวเดินกลิ่นหลักที่เป็นพื้นกลิ่นฉาบหน้าด้วยความเป็นโทนหวานอมเปรี้ยวอ่อนๆ ที่มาจากช่วงกลาง ซึ่งทำให้ได้อารมณ์กลิ่นแบบขาวสะอาดปนสดชื่นอยู่ อารมณ์กลิ่นแบบเสื้อเชื้ตสีขาวที่มีกลิ่นสดชื่นติดหวานสะอาดชัดเจนและก็ยังคุมโทนได้ดีแบบเดียวกับต้นตระกูล Celestia ปิดท้ายการเป็นรุ่น Forte ได้เต็มทุกสโตรกและมีระดับและมีเสน่ห์ในเนื้อกลิ่นได้ดีจริงๆ

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่อาจจะไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าเล็กน้อย เพราะโทนดอกไม้หวานอมเปรี้ยวค่อนข้างเด่นชัดมาก แต่ก็ไม่ได้สาวจ๋าจนเป็นนัยะสำคัญอะไร เลยทำให้ผู้ชายใส่ได้สบาย แถมกลิ่นมีระดับมากอีกด้วย ซึ่งเข้ากับการใส่ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่เบามือหน่อยอาจจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาแบบใสๆ เพราะความเข้มข้นและชัดเจนในเนื้อกลิ่นมีสูงมาก ไม่งั้นอาจจะหวานอมเปรี้ยวจัดจนอึดอัดเอาได้ แต่ให้ข้ามการใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีที่สุด เดี๋ยวกลิ่นตีขึ้นจนตึ้บไปเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืน อันนี้ใส่ทั่วๆ ไปหรือออกงานได้สบายมาก กลิ่นชัดเจนเข้ากับอากาศร้อนๆ บ้านเรา ส่วนจะใส่ไปท่องราตรีได้ไหม ถ้าเป็นแบบชิลล์ๆ อากาศดีๆ ไม่ได้อยู่ในสถานที่ปิด ก็จัดไป กลิ่นได้ความเป็นผู้ดีมีระดับไม่น้อยเลยล่ะ

ความทน - มากกกกกกก อันนี้ต้องยอม และมากกว่ารุ่นตั้งต้นอีกด้วยเพราะกลิ่นลากยาวไปที่ 15 ชม. ได้สบายๆ ในทุกๆ ครั้งที่ใช้งานเลย ยังไงถ้าตีเป็นค่าเฉลี่ย ก็ผ่าน 8 ชม. ไปได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก และไม่ลดราวาศอกราวๆ 2 ชม. เลย ก่อนที่จะผ่อนลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ จนราว 6 ชม. ถึงจะลงมาเป็นปานกลางคงตัวไปจนถึง 10 ชม. ถึงผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวไป

สรุป - กลิ่นชัด เข้ม มาครบทุกสโตรกกลิ่น สมกับคำว่า Forte ของรุ่นนี้ รวมถึงยังไม่ทิ้งลายเซ็นความเป็น Aqua Celestia ซึ่งถ้าใครชอบกลิ่นใสๆ เน้นสบายๆ รุ่นตั้งต้นตอบโจทย์ แต่ถ้าชอบความชัด ความเข้มในพื้นฐานกลิ่นแบบเดิมจัด Forte จะได้ดังใจแน่นอน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/news/Maison-Francis-Kurkdjian-Presents-Aqua-Celestia-Forte-10685.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น