วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565

Review: Halston - Z-14

Halston - Z-14

ในการเปิดตัวน้ำหอมผู้ชายที่สร้างความกระฉ่อนกลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของน้ำหอมออกมาในทันทีของ Halston ในยุค 70 อย่างรุ่น 1-12 นั่นเป็นแค่ส่วนแรกเท่านั้นที่สร้างความนิยมในการเป็นน้ำหอมสายสุภาพบุรุษแนว Cologne ที่ทั้ง Cool & Smart ที่แตะความร่วมสมัยเคล้าสไตล์ Vintage มาจนถึงปัจจุบัน

แต่ยังมีอีกรุ่นที่ออกมาในปีเดียวกันกับการนำเสนออย่างต่อเนื่องเชื่อมต่อจากรุ่น 1-12 ที่เปรียบเสมือนเป็น Day Time มาสู่รุ่นที่เป็น Night Time ที่ให้ออร่ามีระดับพร้อมปล่อยเสน่ห์แบบไม่ต้องดูพยายามกับการไปท่องราตรีในยุคนั้น ซึ่งนั่นก็คือรุ่น Z-14 ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Masterpiece ของแบรนด์ที่ทุกวันนี้ยังคงความดีงามของกลิ่นผ่านกาลเวลามาเป็นอีกหนึ่งน้ำหอมสาย Classic ร่วมสมัยได้อย่างงดงามเสียด้วย เช่นนั้น ต้องมาเรียนรู้ความดีงามของกลิ่นกันหน่อยแล้วว่าจะออกมาเป็นเช่นไร

บอกก่อน - Z-14 ที่จะเล่ากลิ่นในครั้งนี้จะไม่ได้เป็น Vintage Version แต่จะเป็น Version ปัจจุบันที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ดังนั้นการเล่ากลิ่นจึงจะอิงตามรุ่นที่ผลิตขึ้นในช่วงปี 2000s เป็นสำคัญ

Z-14 จะเปิดตัวด้วยความเป็นโทน Citrus Herbal ที่มี่ความ Evergreen เขียวชะอุ่มติดไม้หอมสะอาดปร่าๆ ของสนไซเปรสนำเด่นก็จริง แต่แฝงไปด้วยโทนเย้ายวนเนียนๆ ของเครื่องเทศที่แฝงอยู่ด้วย ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นสไตล์ Cologne ที่สดชื่นกำลังดีมีสไตล์กลิ่นแนวยุค 70 แต่ไม่ได้ปล่อยพลังหนักหน่วง ซึ่งเมื่อจำแนกออกมาจะจับต้องได้อย่างแรกเลยคือ เลมอนที่เป็นตัวหลักในการให้กลิ่นเปรี้ยวหอมสดชื่นและมีความสแปลชแนว Cologne ชัดเจน และมีมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ให้ความสดชื่นเปรี้ยวเจือขมปร่าแกมเขียวเชื่อมโยงกับโทนเขียวสมุนไพร ที่มีโหระพาและโทนเขียวสดชื่นต่างๆ ที่ให้ความกำลังดี มาผสมผสานกับกลิ่นเขียวปร่าแบบไม้สนสะอาดๆ อย่างไซเปรสเป็นตัวหลักที่ให้ความเป็นไม้หอมสดชื่น แต่สิ่งที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทน Classic ก็ต้องยกให้ Oak Moss ที่ให้ความเขียวเข้มๆ รองพื้นกันตั้งแต่ตอนนี้ให้จับต้องได้ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ามาแค่นี้ก็จะกลายเป็นน้ำหอมทั่วๆ ไปในสาย Classic ที่ใช้ยามกลางวัน แต่สิ่งที่เสริมขึ้นมาเลยนั่นคือ อบเชย ที่จะมาเป็นผู้เล่นฝั่งเครื่องเทศที่ให้ความอบอุ่นดึงดูดแฝง + เครื่องเทศสายเผ็ดสดชื่นอย่างเม็กผักชีที่มาแบบเบาๆ ทำให้กลิ่นมีความฟุ้งเย้าที่สมดุลย์ เรียกว่าเป็นการเกลาสมดุลย์แบบที่เปิดตัวแบบให้ความสดชื่นสไตล์สุภาพบุรุษสายสมาร์ท แต่แฝงด้วยเนื้อกลิ่นที่ดึงความสนใจแบบเนียนๆ ได้เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา

การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงกลางจะยิ่งชัดเจนเลยว่าอบเชยจะเป็นตัวเด่น เพียงแต่จะไม่ได้อัดความอุ่นร้อนหวานเผ็ดแบบอบเชยตรงๆ แต่เอา Effect ของอบเชยที่ให้ความหวานเผ็ดเย้ามาแบบให้รับรู้ โดยตัดโทนหวานร้อนออกไป เมื่อพอมีกลิ่นสนไซเปรสกึ่งเปรี้ยวหอมสไตล์ Cologne ที่ตามมาจากช่วงต้นเป็นตัวช่วย เลยจะได้อารมณ์อบเชยติดไม้หอมสดชื่น เสริมด้วย Oak Moss ที่ให้ความเขียวเข้มแบบสไตล์น้ำหอม Classic แบบเป็นฉากหลังกับพรรคพวกอย่างพิมเสนที่ให้ความปร่าระเรื่อมาเสริมให้กลิ่นมีเสน่ห์เรียบหรู และมีหญ้าแฝกที่ติดออกทางกึ่งไม้แห้งกึ่งฉ่ำนิดๆ (ที่คิดว่าน่าจะมีไม้ซีดาร์รวมอยู่ด้วยเพราะมีกลิ่นไม้โปร่งๆ ขรึมรวมอยู่) มาเสริมฝั่งสนไซเปรส และมีกลิ่นโทนดอกไม้หน่อยๆ มาสร้างมิตินุ่มนวลด้วยแต่ไม่ได้เด่นนักมาแบบประปราย ทำให้ภาพรวมช่วงนี้คือกลิ่นแนวสุภาพบุรุษที่มีเสน่ห์ดึงดูดจากอบเชยแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ดูไม่โจ่งแจ้งในเรื่องการเย้ายวน แต่มีเสน่ห์ดึงดูดที่ชวนเข้าใกล้และพึงใจได้ไม่ยาก

เนื้อกลิ่นในการปูเข้าสู่ช่วงท้ายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเด่นโดยอบเชยและสนไซเปรสจะเบาลงไปกลายเป็นสายสนับสนุน แน่นอนกลิ่นช่วงต้นไม่มีแล้ว แต่ตัวเด่นขึ้นมาเลยคือ Oak Moss กับหนังที่จะเริ่มเสริมขึ้นมาและสอดรับกันเป็นอย่างดี โดยจะมีโทนนุ่มของ Musk เข้ามาทำให้มีโทนสะอาดรองพื้น และมีกลิ่นแนวกำยาน Benzoin ที่ให้ลูกเอื้อนแบบวานิลลากึ่งยางไม้เข้ามาสร้างอารมณ์อวลๆ + แอมเบอร์ที่มาให้ความอบอุ่นเบาๆ แถมตัดทอนด้วยโทนไม้หอมพร้อมอบเชยเลยทำให้กลิ่นจะได้เป็นกลิ่นโทน Musky แกมหนังที่มีความแมนแบบสุภาพและมีความอวลอุ่นสะอาดๆ ล้อมกรอบแต่ติดหวานปลายกลิ่น ที่นังมีพิมเสนปร่าระเรื่อตามมาด้วย ซึ่งกลิ่นช่วงนี้จะไม่หนัก ให้ความอวลๆ รุมๆ กับผิวที่จะตีขึ้นอ่อนๆ มีเสน่ห์ยามร่างกายขยับเนื้อตัว ซึ่งถือว่าให้ความสมาร์ทเรียบหรูในทีและคุมโทนการเป็น Cologne ได้ครบถ้วนจริงๆ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยตั้งแต่มหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ได้สบายมาก ซึ่งแม้จะมีโทน Classic ก็จริง แต่ก็ร่วมสมัยมากพอกับการให้โทนกลิ่นสุภาพบุรุษที่แฝงเสน่ห์ ซึ่งกลิ่นนี้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป เรียกว่ากวาดหมดเลยก็ว่าได้ เพราะพื้นฐานคือ โทนสดชื่น รวมถึงยุคสมัยเปลี่ยนทำให้กลิ่นนี้กลายเป็น Daily Scent ไปในที่สุดด้วย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบโรแมนติค ออกงาน หรือว่าสบายๆ ทั่วไปจะดีที่สุด เพราะกลิ่นมีเสน่ห์สไตล์ Daddy น่าเข้าใกล้รวมอยู่ด้วย แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี บอกเลยโดนกลบแน่นอน

ความทน - พื้นฐานเป็น Cologne แต่ยุคสมัยก่อน Cologne ก็ความเข้มข้นก็เทียบเท่า EDT เช่นนั้นความทนจะอยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวใช้งานที่ 6 สเปรย์ อยู่ยาวไปจนถึง 8 - 10 ชม. เป็นประจำ

การกระจาย - เรียกว่าให้ความพอดีๆ มีความเรียบหรูมีเสน่ห์น่าจะเข้าทางที่สุด เพราะช่วงต้นจะกระจายดีค่อนมาปานกลาง ก่อนจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ  จนเมื่อถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 5 - 6 ก็จะเริ่มเป็น Skin Scent อวลๆ รุมๆ แทนแล้ว

สรุป - Z-14 แม้จะมีความเป็นโทนสไตล์ Classic อยู่ก็จริง แต่ไม่ได้ฟุ้งพุ่งแบบน้ำหอมยุค 70 ค่อนข้างจะให้ความหรูหรามากกว่า เลยได้ลักษณะเนื้อกลิ่นแนว Timeless ในสายน้ำหอมผู้ชายชัดเจน อารมณ์ผู้ชายมีระดับยุค 70 เที่ยว Studio 54 แล้วเดินทางผ่านเวลาลามมาจิบบรั่นดีที่ Rooftop Bar ในยุค 2020s ได้แบบไม่เคอะเขิน ที่สำคัญนี่เป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์น้ำหอมอเมริกา เช่นนั้น ไม่แปลกใจที่ยังคงเป็นหนึ่งใน Masterpiece ของแบรนด์มาเสมอ และจะเหนือกาลเวลาต่อไปแน่นอน 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.neymad.top/products.aspx?cname=perfume+halston+z+14&cid=53

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น