Succes de Paris - Fujiyama Private Number
จากชื่อแบรนด์เห็นครั้งแรกก็นึกว่าเป็นน้ำหอมแบรนด์ฝรั่งเศส แต่พอดูข้อมูลกันจริงๆ กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ลูกที่เน้นเรื่องน้ำหอม โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแบรนด์ใหญ่อย่าง Sue Devitt ที่มาจากออสเตรเลีย ที่ปัจจุบันไม่ได้มีแบรนด์นี้แล้ว เลยทำให้ Succes de Paris เองได้ย้ายมาอยู่ในการดูแลของแบรนด์ฝั่งฝรั่งเศสอย่าง Rêve Luxe et Parfums จึงทำให้น้ำหอมยังมีผลิตออกมาวางจำหน่ายมาอยู่เรื่อยๆ มาจนถึงช่วงต้นปี 2021 ก่อนที่จะปิดตัวลงไปแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าทุกกลิ่นในตอนนี้ของแบรนด์นั่นคือ Discontinued แล้วทั้งหมด
แต่ในเมื่อยังเก็บมาได้ทันก่อนที่แบรนด์นี้จะหายไปจากท้องตลาดกับการเป็นหนึ่งในความยาวนานฝั่งน้ำหอมชายตั้งแต่ช่วงยุค 90 ที่เอาแรงบันดาลใจการผสมผสานความเป็นน้ำหอมแนวฝรั่งเศส + กับความเป็นกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น โดยเอาฟูจิซังหรือฟูจิยาม่า (ภูเขาไฟฟูจิ) มาเป็นจุดตั้งต้นในการเป็นชื่อรุ่นแล้วต่อยอดด้วยการออกรุ่นอื่นๆ ที่ตามมาด้วยการเพิ่มคำต่างๆ เข้าไปห้อยท้าย ซึ่งเมื่อได้มาเจอกันครั้งแรกกับแบรนด์นี้ ก็ต้องมาเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าจะเป็นแบบใดและการฟิวชั่นใน 2 สไตล์แบบฝรั่งเศสและญี่ปุ่นจะสร้างกลิ่นอายแบบไหน มาว่ากันที่รุ่นที่ออกวางจำหน่ายในปี 1997 อย่างรุ่นนี้เลย Fujiyama Private Number
Citrus ที่ออกทางกึ่งมะนาว กึ่งมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่มีโทนออกทางติดสดชื่นเปรี้ยวหอมมะนาวตามด้วยขมปร่าเนียนๆ รองพื้น โดยที่แอบมีโทนกึ่งคล้ายๆ Aquatic นิดๆ ที่เสริมอยู่ด้วยจะเป็นตัวเปิดในช่วงต้นชัดเจน แต่ในความรู้สึกมันบอกได้ชัดเจนเลยว่าเนื้อกลิ่นไม่ได้ไปทางโทนสว่างแม้จะมีโทนสดชื่นก็ตาม แต่มันมีความดาร์กที่ค่อนไปทางกึ่งไม้หอมกึ่งเครื่องเทศที่ออกทางเม็ดจันทน์เทศสายเกลากลิ่นให้สมดุลย์กึ่งเม็ดกระวานให้รู้สึกอยู่ เพียงแต่ไม่ได้เด่นขึ้นมาอย่างเป็นกิจลักษณะ รวมถึงยังมีความกลมๆ ของกลิ่นที่ผ่านการเกลามาแล้วในการวางเลเยอร์ของกลิ่นที่ควรจะให้อะไรเด่น กลิ่นเลยค่อนข้างสมดุลย์เลยทีเดียวในการสื่อสารโทนสดชื่นที่แฝงความดาร์กเนียนๆ มากกว่าจะอัดแน่นความสดชื่นเข้าไปในสไตล์แบบช่วงยุค 90 เสียอีก
ในการเข้าสู่ช่วงกลางมิติทางกลิ่นจะมี 2 อย่างคือ กลิ่นแตะความเป็นโทนใกล้เคียงความเป็น Bad Boy ก็ได้ และก็ไพล่ไปแตะความสุขุมนุ่มลึกแต่มีเสน่ห์แบบโทนดาร์กก็ได้ด้วย ซึ่งสิ่งที่จับต้องได้เลยคือลาเวนเดอร์ที่มาแบบเบาๆ ซึ่งพอมาเจอโทน Citrus กับเม็ดกระวานหรือเครื่องเทศโปร่งๆ อย่างจันทน์เทศเลยทำให้กลิ่นมีอารมณ์แบบกลิ่นที่เย้ายวนสไตล์ Bad Boy แบบที่เรามักเจอในน้ำหอมสายท่องราตรีปล่อยเสน่ห์ แต่เพราะเม็ดจันทน์เทศนี่แหละกลิ่นเลยเกลาจนกลมๆ ที่ไม่ได้แตะสาย Bad Boy เท่าไหร่ และที่สำคัญอีกฝั่งที่สร้างโทนสุขุมอย่างกลิ่นไม้หอมที่ตอนนี้ชัดเจนมากว่าเป็นกลิ่นหญ้าแฝกที่ให้โทนไม้หอมแห้งๆ + กับกลิ่นหนังที่รองพื้นอยู่แบบไม่หนักหน่วงและติดปร่านวลพริกไทยหน่อยๆ มันสร้างความดาร์กแบบกำลังดีมีความลุ่มลึกกำลังงาม ที่สำคัญแบจับต้องได้ถึงความหวานเย้านิดๆ ในเนื้อกลิ่นที่เข้าทางแบบยาสูบหน่อยๆ ร่วมด้วย เลยทำให้กลิ่นมีเสน่ห์ดึงดูดอารมณ์แบบสุภาพบุรุษสายเย้านิ่งๆ ในชุดสีดำที่มีความ Bad Boy แฝงแบบที่ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่
สิ่งที่เริ่มมาให้จับต้องได้ในรอบต่อก่อนเข้าช่วงท้าย คือ ความอบอุ่นของเนื้อกลิ่นที่มาแบบอวลๆ กำลังดี ที่เข้ามาสมทบกับหญ้าแฝกและหนังอ่อนๆ ในช่วงกลาง แต่ก็จะมีความนุ่มออกทางสะอาดนวลของ Musk เคล้ากับกลิ่นออกทางเขียวเข้มติด Earthy ของ Oak Moss แบบกำลังดีที่เข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเด่นในช่วงท้ายด้วย ซึ่งมิติของกลิ่นจะมีความชัดเจนแบบเริ่มจากกลิ่นไม้หอมดาร์กๆ แต่มีความโปร่งที่มีกลิ่นติดโทนเย้า Bad Boy อ่อนๆ ซ้อนด้วยโทนกึ่ง Musky แกมหนังที่มีลูกคู่แบบโทนเขียวที่ค่อนไปทางดาร์ก เลยทำให้ช่วงนี้ส่งต่ออารมณ์กลิ่นแบบสุภาพบุรุษในชุดสีดำที่มีกลิ่นเย้ายวนมีเสน่ห์และดึงดูดแบบไม่โฉ่งฉ่างหรือดูพยายาม เข้าทางกระทำความ Mass ก็ได้ และมีระดับในตัวก็ดีในเวลาเดียวกัน
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก เนื้อกลิ่นมีความทันสมัยและร่วมสมัยในการใช้งานที่สื่อสารถึงความเป็นผู้ชายมีเสน่ห์แบบนิ่งๆ ที่ไม่ต้องดูพยายามหรือจงใจ ซึ่งเข้ากับได้หลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นใส่ทั่วๆ ไป หรือใส่ทำงานก็ได้ รวมถึงใส่ยามทางการก็ได้ด้วยเพราะเนื้อกลิ่นมีความสุขุมติดขรึมเนียนๆ อยู่ ตลอดจนพอใส่กับการออกกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายก็ได้ถ้ารอช่วงท้ายๆ แต่สำหรับยามค่ำคืนจัดไปใส่ได้สบายมาก แต่อาจจะไม่ได้มาสายปล่อยพลัง เพราะเน้นแบบจิบเท่ห์ๆ คูลๆ มีเสน่ห์ดึงดูดทางกลิ่นเวลาเข้ามาอยู่ใกล้ๆ อารมณ์มาคลุกวงในประมาณนั้น
ความทน - กลิ่นทนราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะไปต่อได้อีกขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเจอที่ 8 - 10 ชม. เป็นประจำในการใช้งานที่ 6 สเปรย์
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางกันซักราว 4 ชม. ก่อนจะลดลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวแล้วเริ่มติดผิวเผื่อผ่านไปราว 7 ชม. ไปแล้ว
สรุป - เพราะกลิ่นนี้ออกมาในปี 1997 ก็เลยขอยกให้ว่าเป็นตัวตั้งต้นให้กลิ่นแนวๆ L’Eau d’Issey pour Homme Intense หรือ Nuit d’Issey ในอีก 10 ปีต่อมาเลยก็ย่อมได้ เพียงแต่มีลูกผสมของกลิ่นแนวสดชื่นสไตล์น้ำหอมผู้ชายยุค 90 ปลายๆ เลยทำให้กลิ่นมีความโปร่งและดาร์กสไตล์ซีทรูที่สมดุลย์ไม่หนักหน่วงและลงตัวมากๆ ถือว่าตรงตาม Concept ของแบรนด์ที่เอาการทำน้ำหอมแบบฝรั่งเศสมาเจอกับกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นได้ดีและสร้างเสน่ห์กับผู้ใช้ได้ดีเลยทีเดียว เสียดายไม่น้อยที่อีกไม่นานแบรนด์นี้คงจะค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียนไว้
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Succes_de_Paris/Fujiyama_Private_Number
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น