Parfum Prissana - Tom Yum
ทุกคนเคยกินต้มยำ อันนี้เป็นเรื่องปกติของคนไทยอย่างมากที่อาหารประเภทนี้คือที่สุดของแจ้ ไปร้านอาหารไทยหรืออาหารทะเล 99% บนโต๊ะในร้านที่มีคนมารับประทานก็ต้องมีต้มยำจะหม้อไฟหรือเป็นชามวางอยู่แน่ๆ อารมณ์ไม่สั่งมันเหมือนขาดอะไรไป และที่สำคัญอาหารชนิดนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าตาของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักอาหารไทยที่ครบรสและแซ่บมากขนาดนี้
เพราะในต้มยำมีเครื่องเทศสาย Fresh Spicy เยอะแน่นอนว่าความอะโรม่าที่เรารับรู้ไม่ว่าจะกลิ่นผ่านจมูกหรือความอบอวลในปากไม่ว่าจะเป็นต้มยำน้ำใสที่เน้นความจัดจ้านของเครื่องเทศ หรือต้มยำน้ำข้นที่เน้นความครีมมี่มาเสริมให้มีความจัดจ้านสู่นุ่มนวล ซึ่งนี่แหละเป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์กลิ่นชั้นดีที่สามารถนำมาแปลงสารสู่การเป็นน้ำหอมได้ และแบรนด์นั้นก็คือ Parfum Prissana กับการสร้างสรรค์กลิ่นต้มยำออกมาสู่การเป็นน้ำหอมที่เป็นหนึ่งใน Collection - Thammachatr (ธรรมชาติ) โดยเน้นที่ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติทั้งหมดแบบ 100% ในการเป็น Natural Parfumerie แบบเต็มตัว เช่นนั้น มาสัมผัสกันหน่อยว่าต้มยำขวดนี้จะให้กลิ่นอายออกมาในรูปแบบใด
วูบแรกคือกลิ่นอายเขียวๆ ที่มีความเปรี้ยวแกมขมเจือให้สัมผัสได้จะมาทักทายก่อน โดยเนื้อกลิ่นจะมีความหอมแบบเป็นธรรมชาติไม่ได้ตะบี้ตะบันยัดเยียดความเขียวจ๋าๆ ความเปรี้ยวจัดๆ มาทำให้รู้สึกดูพยายามแต่อย่างใด ซึ่งกลิ่นแรกที่มาก่อนเลยคือมะนาว ที่ฟุ้งเปรี้ยววาบขึ้นมาแบบอารมณ์แบบเราบีบมะนาวแล้วกลิ่นฟุ้งให้เรารับรู้จนสดชื่น ตามด้วยกลิ่นตะไคร้ที่ให้ความปร่าหอมแกมเปรี้ยวสะอาด กับกลิ่นเขียวที่มีมิติ 3 ส่วนคือ เขียวติดเปรี้ยวแกมขมมีความเข้มติดปร่า Spicy ของใบมะกรูด เขียวเปรี้ยวกึ่งใบไม้หน่อยๆ ของกิ่งก้านส้ม และเขียวค่อนไปทางฉุนบางๆ ของผักชีลาวแต่ไม่หนักมากที่จะแทรกขึ้นมาจนกลายเป็นตัวเด่นแทนที่มะนาวที่ลดทอนบทบาทลงเป็นตัวเสริม แล้วจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นข่าที่ให้ความปร่าฟุ้งหอมกำลังดี มีกลิ่นใบกระเพราปร่าหอมแทรก และแอบมีกลิ่นออกทางพริกที่เป็นตัวช่วยทำให้เกิดอารมณ์เผ็ดๆ เข้ามาด้วย เลยทำให้ช่วงต้นคือการเตรียมเครื่องต้มยำแบบที่ให้กลิ่นอายตามธรรมชาติเต็มๆ และมีความ Airy แบบไม่หนักหน่วง และได้อารมณ์แบบกลิ่นไอสมุนไพรต่างๆ ที่ระเหยออกมาในเวลาต้มได้กำลังดี
ในช่วงกลางเนื้อกลิ่นจะเริ่มจะค่อยๆ มีความชัดเจนมากขึ้นว่านี่ไม่ได้กลิ่นอายแนว Foodie หรือจะทำให้คนใส่เป็นต้มยำเดินได้ แต่จะเริ่มมีความเป็น Perfume ที่มีสไตล์กลิ่นแบบ Cologne แนวสมุนไพรที่ให้ความสดชื่นเข้ามาเป็นตัวสนับสนุนแกมเป็น Background ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนที่เป็นผู้เล่นหลักๆ คือ กลิ่นอายแบบเครื่องต้มยำที่เป็นเลเยอร์แรกสุดให้ความสดชื่นแบบเครื่องเทศที่ฟุ้งให้เรารับกลิ่น และกลิ่นที่ออกทางกึ่งสบู่ข่าที่มีความฟุ้งของเม็ดผัดชีทำให้เกิดความปร่าซ่า เคล้าความเขียวของกลิ่นใบมะกรูด + กิ่งก้านส้มที่ทำให้เกิดความรู้สึกแบบ Green Herbal Cologne ที่น่าสนใจมาก ซึ่งไม่ได้จบแค่นี้เพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทางไม้หอมกึ่ง Smoky อ่อนๆ เจือมะลิหน่อยๆ ด้วย เลยถือว่าช่วงนี้เป็นโทนกลิ่นที่มีมิติในการจับต้องที่ได้ทั้งความเป็นเครื่องต้มยำ + ไอกลิ่นแบบต้มยำน้ำใสหน่อยๆ และกลิ่นอายแบบ Cologne สมุนไพรร่วมสมัย ถือว่าเป็นการค่อยๆ เสริมการเป็นน้ำหอมที่ทำให้เนื้อกลิ่นไม่ได้เป็นกลิ่นอาหารได้น่าสนใจมาก
เมื่อกลิ่นโทนเครื่องต้มยำต่างๆ เริ่มจางไป แต่ยังมีตัวหลักที่พอจับต้องได้ นั่นคือ ตะไคร้ที่ให้ความสะอาดสดชื่นเบาๆ > ข่าที่ให้ความปร่าซ่าอ่อนๆ > ใบมะกรูดที่ให้ความเขียวติดขม ซึ่งกลุ่มนี้จะมาเป็นตัวสนับสนุนกลิ่นอายสไตล์ Herbal Cologne ในช่วงท้ายที่ให้อารมณ์แบบมีกลิ่นอายของไม้หอมที่มีความ Smoky นิดๆ คล้ายโทนหญ้าแฝก แกมหอมไม้เย็นๆ ที่เป็นกลิ่นของเปลือกชะลูดเข้ามา และเหมือนพื้นกลิ่นจะมีโทนคล้าย Oak Moss กับพิมเสนหน่อยๆ ที่ทำให้กลิ่นช่วงท้ายค่อนไปทางสไตล์ Chypre ที่ให้ความน่าค้นหา ความนิ่งแบบวางตัวดีแกมเรียบหรูที่ร่วมสมัย ที่คุมสมดุลย์ในการเป็นพื้นกลิ่นได้อย่างมีเสน่ห์ ซึ่งถือว่าเป็นการปิดท้ายที่เป็นสไตล์เข้าทาง Chypre Cologne โดยให้กลิ่นเครื่องต้มยำสมุนไพรจะเป็นตัวสะกิดจมูกให้รับรู้สไตล์ปลายกลิ่นก่อนมาสู่ความเรียบหรูมีเสน่ห์สไตล์ร่วมสมัยนั่นเอง
เหมาะสำหรับ - Unisex ตรงตัว แต่อาจจะมีความรู้สึกแบบน้ำหอมผู้ชายสาย Classic ร่วมสมัยจากโทนเขียวใบไม้หรือใบมะกรูดบ้าง แต่ไม่ได้ถึงกับแมนจ๋าขนาดนั้น ซึ่งยังไงผู้หญิงก็สามารถใช้งานได้สบายมาก โดยสามารถใส่ได้แบบกวาดทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปได้หมด ซึ่งถ้ามีคนทักว่า “ได้กลิ่นต้มยำน้ำใสไหม” อันนี้บอกเลยว่าประสบความสำเร็จมาก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ทั่วๆ ไป หรือออกงานจะดีกว่าเพราะเนื้อกลิ่นปิดท้ายด้วยสไตล์ที่หรูหราแบบนิ่งๆ มีเสน่ห์ แต่ถ้าไปใส่ท่องราตรี บอกเลยว่าโดนกลบ เพราะกลิ่นนี้ไม่ได้เป็นกลุ่มน้ำหอมกลางคืนแต่อย่างใดเลย
ความทน - กลิ่นทนราวๆ 6 ชม. เป็นหลัก แต่สามารถไปต่อได้อีกซึ่งตรงนี้ต้องว่ากันที่สภาพผิวเป็นสำคัญแล้วว่าจะกักเก็บน้ำหอมต่อได้ขนาดไหน ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. ทุกครั้งในการใช้งาน ซึ่งเอาจริงๆ ก็เกินคาดมากๆ กับการเป็นน้ำหอมที่เป็น Natural Perfumerie ที่ส่วนใหญ่กลิ่นให้ความเป็นธรรมชาติมากๆ แต่ความทนอาจจะไม่ได้เด่นนัก
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แต่พอผ่านไปซัก 5 นาที ก็จะลดลงมาเป็นปานกลางราว 30 นาที - 1 ชม. แล้วที่เหลือคือคงตัวกับการเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ดีเพราะจะไม่ได้ทำให้คนใส่เป็นอาหารเดินได้ แต่จะทำให้เรามุ้งมิ้งกับกลิ่นรื่นรมย์ของเครื่องต้มยำและกลิ่นอายสไตล์เรียบหรูร่วมสมัยคาบเกี่ยวทั้งความ Classic ก็ได้ Modern ก็ดี กับตัวเราเองได้อย่างเต็มๆ
สรุป - ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ไม่มีกลิ่นอายออกทางครีมมี่แบบใส่กะทิหรือว่านมจืดเข้ามา เพราะไม่เช่นนั้นเนื้อกลิ่นจะกลายเป็นโทน Foodie อาหารมากไป ซึ่งคงไม่น่ามีใครที่อยากเป็นต้มยำน้ำข้นเดินได้เท่าไหร่ แต่สิ่งที่ดีมากๆ เลยคือ การเป็นเครื่องต้มยำที่มาหมดทั้งมะนาว ใบมะกรูด ตะไคร้ ข่า และใบกระเพรา ในสไตล์เตรียมการทำซุปต้มยำน้ำใสที่เน้นความอะโรม่าของเครื่องเทศและความเปรี้ยวหอม เผ็ดปร่า โดยจะเป็นการดึงเอาอะโรม่าที่ให้อารมณ์กลิ่นหอมสมุนไพรปร่าสดชื่นติดเขียวเปรี้ยวหอมที่เป็นธรรมชาติมาก นี่แหละที่ให้ความรู้สึกแบบต้มยำที่มีเสน่ห์และเป็นน้ำหอมได้อย่างงดงาม
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.facebook.com/parfumprissana
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น