วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565

Review: Memo Paris - Lalibela

Memo Paris - Lalibela

Lalibela ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ในเขตที่ราบสูงของเอธิโอเปีย และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเป็นอันมาก ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแวะพักยอดนิยมเลยก็ว่าได้ เพราะมีสถานที่ที่เป็น Signature สำคัญอย่างโบสถ์ Bet Giyorgis ที่เป็นการสกัดหินภูเขาไฟลงไปราว 15 เมตร แล้วสลักเป็นโบสถ์ที่หลังคาจะเป็นรูปกากบาทไม้กางเขนอยู่ใจกลาง ซึ่งแน่นอนว่าไม่เหมือนวัฒนธรรมการสร้างโบสถ์แบบนี้จากที่ไหนในโลก จนได้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในทุกวันนี้ ที่สำคัญเมืองนี้ชาวคริสต์ในแถบนั้นถือเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์อีกด้วย

และเมื่อแบรนด์ Memo Paris ได้แรงบันดาลใจจากการไปท่องเที่ยวที่ Lalibela และเอามาสร้างสรรค์กลิ่นรวมเป็นหนึ่งใน Collection - Les Echappees ที่เป็นการเจาะจงสถานที่พิเศษเฉพาะที่เหมาะกับการไปเยือนเพื่อลบลี้หนีหายไปจากโลกปัจจุบัน (แต่ปัจจุบันโดนย้ายมาอยู่ใน Collection - Fleurs Bohèmes ที่เน้นชูโรงความเป็นดอกไม้กับสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว) แน่นอนว่าความน่าสนใจก็มีไม่น้อยเลยทีเดียวว่าจะสื่อสารออกมาอย่างไร และสิ่งที่ได้คือ

การปูทางที่เริ่มต้นก่อนใช้กลิ่นนี้คือคำโปรยที่มีความน่าสนใจมากอย่างคำว่า The Mystical Rose ทำให้รู้ในเบื้องต้นก่อนเลยว่าจะได้เจอกับความเป็นกุหลาบแน่แท้ และก็ใช่เลย กุหลาบเป็นผู้เล่นหลักที่จะมีกลิ่นอายให้จับต้องได้ตั้งแต่ต้นยันจบ โดยให้ความชัดเจนในมุมที่น่าค้นหาแบบไม่โฉ่งฉ่าง แต่อ้อยอิ่งอย่างมีเสน่ห์และลึกลับสมชื่อรุ่นมาก

เริ่มต้นที่จุดแรกของกลิ่นอายกึ่งมะพร้าวที่ไม่ได้ครีมมี่แต่ค่อนไปทางแป้งที่ให้ความจืดหอมแกมหวานอ่อนๆ แบบกล้วยไม้ที่ออกจะค่อนไปทางกึ่งทึบเล็กๆ โดยจะมีพิมเสนให้ความปร่าระเรื่อวูบขึ้นมาก่อนที่จะจับต้องได้ถึงกลิ่นกุหลาบที่เข้าทางโทนกุหลาบที่แตะกุหลาบแห้งนิดๆ ค่อนไปทางติดฝาดหน่อยๆ ซึ่งใช่เลยเนื้อกลิ่นให้ความลึกลับแบบกุหลาบพิมเสนที่เสริมด้วยโทนค่อนไปทางแป้งกึ่งมะพร้าวที่ไม่ได้ครีมมี่จ๋าแต่ค่อนไปทางน้ำมะพร้าวเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ลึกมากเกินไปเพราะว่าในเนื้อกลิ่นกุหลาบมีความสดชื่นอยู่ เลยทำให้บรรยากาศของกลิ่นโดยรวมได้ความเป็นกุหลาบน่าค้นหาและมีเสน่ห์ที่มีมิติทั้งสดชื่น ฝาดนวล และปร่าระเรื่อเป็นช่วงเปิดที่ลงตัวและดึงดูดความสนใจตั้งแต่เริ่มต้นจริงๆ

เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นถึงความเป็นกุหลาบที่เริ่มยืนหนึ่งแถวหน้า เสริมด้วยความปร่ามีเสน่ห์ของพิมเสน ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงกลางเต็มตัวโดยจะมีตัวเชื่อมกลิ่นคือโทนแป้งแกมดอกไม้เคล้ามะพร้าวจากช่วงต้น + ความนวลแกมอุ่นหน่อยๆ ที่เป็นวานิลลาที่เข้าโทนแป้งเบาๆ เลยทำให้กลิ่นจะมีเลเยอร์ที่น่าสนใจ 3 สเต็ป คือ กุหลาบติดฝาดปร่าระเรื่อมีเสน่ห์ที่ให้โทนสีแดงเข้มลึกกึ่งนวลกึ่งใส วานิลลาแกมกล้วยไม้ที่เข้าโทนแป้งติดหวานนวลดอกไม้ขาวเล็กๆ มีโทนมะพร้าวอ่อนๆ และกลิ่นอายอบอุ่นอ่อนๆ ที่มีโทนคล้ายหนังบางๆ กึ่งกลิ่นออกทางไม้หอมค่อนไปทางคล้ายยางไม้หน่อยๆ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ให้ความครบถ้วนสมชื่อรุ่นมาก เพราะกลิ่นมีโทนดึงดูดน่าค้นหาและมีเสน่ห์แบบกุหลาบที่มีสีแดงเข้มกึ่งโปร่งกึ่งนวลล้อมกายตลอด โดยที่ไม่ได้ไปทางเย้ายวนจัดจ้านแต่อย่างใด 

สิ่งที่เริ่มเด่นขึ้นมาในช่วงรอยต่อระหว่างกลางกับท้าย คงต้องยกให้ Frankincense ที่เป็นโทนยางไม้กึ่งธูปที่มาแบบอ้อยอิ่งและแฝงเข้ามาเรื่อยๆ จนทำให้เนื้อกลิ่นกลายเป็นโทนกุหลาบ Incense ในช่วงท้าย ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นไม้หอมติดขรึมๆ ที่มีความดาร์กน่าค้นหาหน่อยๆ ของโทน Oak Moss และมีความเป็นไม้แห้งๆ และมีลูกโทนไม้ซีดาร์ติดขรึมๆ เข้ามาร่วมด้วยทำให้ได้ความรู้สึกแบบกลิ่นโบสถ์คริสที่มีควัน Incense เจือกลิ่นกุหลาบลอยอ้อยอิงแบบมีความหนากำลังดี ไม่ได้หนักหน่วงหรือเข้มข้นจัดๆ ซึ่งในเนื้อกลิ่นมีตัวแปรสำคัญอีก 1 อย่างนั่นคือ ยาสูบ ที่มาให้ความหวานโปร่งอะโรม่ากึ่งสมุนไพรที่มีลูกโทนกึ่งหญ้าแห้งกึ่งวิสกี้อ่อนๆ เลยทำให้กลิ่นนี้แตะความน่าค้นหามากขึ้นอีก 1 สเต็ปในการสร้างออร่าลึกลับแต่ไม่ได้ดาร์กดำดิ่ง ทำให้การผสมผสานเป็นโทนกุหลาบพิมเสนกึ่งควันธูปที่มีความเป็นไม้หอมแกมหวานยาสูบแทรกในเนื้อกลิ่นอย่างมีชั้นเชิง ได้ลักษณะที่ขลัง นิ่งสุขุม อ้อยอิ่ง ลึกลับ แต่มีออร่าที่มีเสน่ห์น่าค้นหาปิดท้ายได้อย่างงามๆ เลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่อาจจะไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่านิดนึงเพราะความเป็นกุหลาบพิมเสนเด่น แต่เอาจริงๆ ผู้ชายใส่ได้สบายมาก ให้ความรู้สึกแบบผู้ชายสมาร์ทนิ่งลึกลับถือช่อดอกกุหลาบแดงก็ยังได้ ซึ่งเข้าทางกับการใช้งานในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการ ออกงาน หรือทั่วๆ ไป แบบที่ต้องวางตัวดี เน้นความสุขุมนิ่งน่าค้นหามากกว่าที่จะลั่นล้า เพราะกลิ่นมีความขรึมขลังเป็นที่ตั้งด้วย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานจะลงตัวที่สุด แต่ถ้าจะใส่แบบยามโรแมนติคก็พอได้ แต่มันจะมีความขลังเลยมันอาจจะไม่ได้แตะอารมณ์นี้มากเท่าไหร่ แต่ที่ให้ตัดออกไปได้เลยก็คือ ใส่ออกกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกาย นี่แหละควรอย่างยิ่งที่จะข้ามไป เพราะไม่เข้าทางทุกประการ

ความทน - จัดไปที่ยังไงก็เกิน 8 ชม. ได้สบายมาก เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. เป็นเรื่องปกติในการใช้งานที่ 6 สเปรย์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่เข้าทางความดีสิคงทนเต็มๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นแบบดึงความสนใจเนื้อกกลิ่นได้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มเลยแล้วจะลงมาปานกลางแบบยาวๆ ไปจนถึงชั่วโมงที่ 6 แบบคงตัว ก่อนที่จะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไปจนราวๆ 12 ชั่วโมงถึงเป็น Skin Scent

สรุป - เนื่องจากไม่เคยไปที่นี่เลยขอข้ามการเชื่อมโยงกลิ่นกับสถานที่ไป แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เต็มๆ เลยคือ นี่คืกลิ่นกุหลาบพิมเสนที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสมดุลย์มาก ทำให้เกิดความลึกลับได้แบบที่ไม่จำเป็นต้องดาร์กจ๋า หรือถ้าดาร์ก ก็ออกแนวดาร์กแบบบรรยากาศเสริมเสียมากกว่า ซึ่งถ้าอ้างอิงตามแรงบันดาลใจของกลิ่นที่มาจากการสร้าง Bet Giyorgis เสร็จในช่วงเวลาข้ามคืนจากเหล่าเทวดาลึกลับจนกลายเป็นสถานที่สำคัญที่ศักดิ์สิทธิ์ + กับหินที่ออกทางสีแดงชมพู อันนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยทีเดียว เพราะได้อารมณ์ยามค่ำคืนในเนื้อกลิ่นให้จับต้องได้ในความเป็นกุหลาบลึกลับ + ความเป็นกลิ่นออกแนวโบสถ์ผ่าน Incense ได้ชัดเจนและมีเสน่ห์มากจริงๆ สำหรับกลิ่นนี้จาก Memo Paris 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ถือเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.memoparis.com/products/lalibela-eau-de-parfum

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น