วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2564

Review: Mandarina Duck - Into the Jungle

Mandarina Duck - Into the Jungle

ต้องยอมรับเลยว่า Collection - The Duckers ของ Mandarina Duck ในแต่ละกลิ่นจาก 3 กลิ่นที่ปล่อยออกมาและได้ผ่านการใช้งานถือว่าสร้างสรรค์อิงตาม Concept ได้อย่างน่าสนใจ มากไม่ว่าจะการลั่นล้าเฮฮาตลอดคืน ณ เทศกาลดนตรีอย่าง Freedomland และการชิลล์ๆ นวดสปาที่รีสอร์ทหรูอย่าง Resort Lovers และคราวนี้ก็ได้เวลาของรุ่นที่ 3 ที่เป็นรุ่นสุดท้ายของไลน์นี้ในตอนนี้ (ในอนาคตถ้ามีเข้ามาเพิ่มไว้เจอกันต่อ) กับกลิ่นสายอาย Adventure กับการท่องป่ากันบ้าง ซึ่งนั่นก็คือรุ่น Into the Jungle

และกลิ่นที่ได้จะสื่อออกมาอย่างไร เช่นนั้นว่ากันเลยแบบนี้

เปิดตัวกันด้วยความเป็นโทน Citrus ที่จะมีโทนออกทางกึ่งผักกึ่งสมุนไพรเสริมอยู่ ซึ่งกลิ่นเด่นที่โดดออกมาให้รู้สึกก่อนเลยคือ เลมอน ซึ่งจะได้ความเปรี้ยวสว่างสดชื่นวูบขึ้นมา แล้วจะได้ความหวานอมเปรี้ยวแกมฉ่ำเล็กๆ ของส้มที่เสริมเข้ามาพร้อมกับกลิ่นปร่าสมุนไพรของโรสแมรี่ที่ให้โทนออกทางปร่ากึ่งการบูรกึ่งมินต์ตี้ แถมพอตามด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ให้โทนออกทางนวลกึ่งสมุนไพรติดผักแกมเขียวออกทางเปรี้ยวอ่อนๆ เสริมอยู่ เลยทำให้กลิ่นมีโทนลักษณะกลิ่นที่ให้โทนออกทางน้ำหอมสดชื่นที่เป็นลูกครึ่งระหว่างสมุนไพร ลาเวนเดอร์ และ Citrus แบบยอดฮิต ที่เข้าทางน้ำหอมผู้ชายค่อนข้างชัดเจนมากในช่วงนี้ ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นมาสายเข้าถึงได้ง่าย สดชื่น ให้โทนแบบสว่างแกมเขียวขึ้นมาในความรู้สึกไม่พอ ได้อารมณ์แบบเสื้อลายพรางเขียวแบบเสื้อเดินป่าอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งแปลกใจไม่น้อยที่กลิ่น Link ให้เห็นภาพในเนื้อกลิ่นแบบนี้ (ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ด้วยเพราะชื่อกลิ่นค่อนข้างชี้นำในระดับหนึ่งอยู่เดิม)

แน่นอนว่ากลิ่นเปิดจะให้ความเป็นมหาชนชอบในโทนน้ำหอมผู้ชาย แต่เกมจะพลิกตรงอยู่ดีๆ จะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนดอกไม้หอมหวานแกมโปร่งแกมนวลกึ่งใสปลายกลิ่นซึ่งกลิ่นที่เด่นขึ้นมาเลยคือดอกไวโอเล็ต ซึ่งเนื้อกลิ่นจะให้อารมณ์กึ่งโทนแป้งหวานโปร่ง ตามด้วยลูกคู่อย่างกลิ่นที่ออกทางโทนสีชมพูแบละมีความเป็นดอกไม้สูงมากอย่างกุหลาบอ่อนๆ ที่ให้ความนวลหวาน และมีกลิ่นออกทางโทนแบบดอกซากุระหน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วย อารมณ์แบบกลิ่นเชอร์รี่แกมดอกไม้ใสๆ ทำให้ช่วงนี้จะได้อารมณ์ที่ชัดเจนว่าเป็นโทนเข้าทางผู้หญิงมากขึ้น เพราะโทนดอกไม้หอมโปร่งหวานอ่อนๆ ที่เข้ามาสอดรับกับกลิ่นที่ตามมาจากช่วงต้นอย่าง Citrus แกมเขียวทำให้กลิ่นมีความระเรื่อหวานนวลรองพื้นและกลิ่นที่ตีขึ้นก็ให้ความโปร่งหวานเบาๆ ซึ่งกลิ่นจะให้ความรื่นรมย์ชัดเจนมาก และเป็นการเบลนด์กลิ่นที่แม้จะหักมุมจากช่วงแรกก็จริง แต่เป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีแม้จะชูโรงโทน Floral ก็ตาม เลยจะได้ความหอมระเรื่อรื่นรมย์ เจือความเขียวแกมสมุนไพรรองพื้นและมีโทนไม้หอมแห้งๆ หน่อยให้พอจับได้ รวมถึงล้อมกลิ่นอ่อนๆ โดยความสดชื่นที่เป็นปลายกลิ่น ทุกอย่างสมดุลย์และลงตัวเกินคาดมากกันการรวมเอาโทนกลิ่นแบบลุยสดชื่นในตอนแรกมาเป็นดอกไม้หอมระเรื่อปูทางเป็น Unisex ที่ชัดเจนเลย

การเปลี่ยนแปลงก่อนจะเข้าสู่ช่วงท้ายจะมีโทนกลิ่นไม้หอมนี่แหละที่จะกลายเป็นตัวหลัก ซึ่งเนื้อกลิ่นจะให้ความเป็นไม้หอมติดแห้งๆ มากขึ้นตามลำดับ รวมถึงเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นออกทางเขียวเข้มแกมหมึกเล็กๆ ที่ให้โทนออกทาง Earthy หน่อยๆ ทำให้เนื้อกลิ่นเปบี่ยนทิศทางชัดเจนมากขึ้นมาเป็นโทนออกทาง Mossy & Woody ที่ให้อารมณ์กลิ่นไม้หอมติดโทนดินๆ ที่มีความสะอาดนวลอ่อนๆ ของ Musk และมีความอบอุ่นเบาๆ ซึ่งน่าจะม่จากโทนแนวแอมเบอร์ เลยทำให้กลิ่นมีพื้นฐานอารมณ์แบบกลิ่นโทนติดดินสะอาดๆ มีความเรื่อยๆ มาเรียงๆ และที่สำคัญต้องยอมให้เขาอย่างหนึ่งเลยคือ โทน Citrus ติดดอกไม้เรื่อๆ จะยังมีอยู่ปลายกลิ่น ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นแกมหอมนวลประปรายบางๆ ซึ่งทำให้ภาพรวมเป็นโทนกลิ่นที่เข้าทางยังไงก็รอดและเข้าถึงง่าย รวมถึงปิดท้ายได้ Unisex แบบสายลุยก็จริง แต่ก็ไม่ได้ลืมว่ากลิ่นที่ล้อมตัวก็ต้องดีและสอดรับไปกับ Concept ด้วยประมาณนั้นเลย

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะเปิดแมน กลางสาว ปิด Unisex เลยทำให้ใช้ไปเถอะ มัน Unisex สายลุยที่เข้าทางวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็จัดได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าทางกับสายลุยเพียงอย่างเดียว เพราะเนื้อกลิ่นก็มีระดับในการสร้างความสดชื่นและรื่นรมย์ได้ด้วย เลยแตะได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป ครอบจักรวาลเลย เพราะเนื้อกลิ่นเข้าถึงง่ายมาก ส่วนยามค่ำคืนอันนี้ถ้าใส่ทั่วไปน่ะ พอได้ แต่ถ้าไปท่องราตรี โดนกลบจ้า

ความทน - อันนี้เป็นอีกเรื่องที่เกินคาด เพราะคากการณ์ไว้ว่าจะเจอที่ราวๆ 6 ชม. ก็น่าจะจอด แต่ “ไม่ใช่” เพราะว่ากลิ่นทนยาวไปถึง 15 ชม. เลยกับการใช้ที่ 6 สเปรย์ เช่นนั้นอันนี้ยังไงก็เฉลี่ยที่ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางซักราวๆ 4 ชม. ถึงผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 10 ชม. ถึงเริ่มเป็น Skin Scent 

สรุป - ถ้าบอกว่ากลิ่นเป็นการเดินป่า ท่องป่า หรือให้สภาพแวดล้อมในการเป็นกลิ่นแนวป่าไหม ตอบเลยว่าไม่น่าจะใช่ กลิ่นนี้ไม่ได้ Niche แน่ๆ แต่ถ้าบอกว่าเป็นกลิ่นที่เหมาะกับการเป็นท่องป่าชิลล์ๆ ลุยๆ แบบที่ไม่ได้สมบุกสมบันเน้นศึกษาธรรมชาติแบบมีสไตล์ อันนี้ได้ และที่สำคัญกลิ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ง่ายมาก โดยที่ไม่ได้ดูซ้ำหรือไก่กาแต่อย่างใด ให้เสน่ห์ที่ครบถ้วนในการเป็นน้ำหอมที่มีโทนกลิ่นที่หลากหลายสอดรับกันเป็นอย่างดีโดยคุมโทนความสดชื่นได้ตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งแน่นอน #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ชัดเจน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/news/Mandarina-Duck-The-Duckers-Into-The-Jungle-Resort-Lovers-and-Freedomland-13704.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น