วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2564

Review: Strangers Parfumerie - Comme un Carrousel

Strangers Parfumerie - Comme un Carrousel

เวลาเราดูภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ต่างประเทศที่มีเรื่องราวความรักของวัยรุ่นที่ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ตาม เวลาที่คู่พระ-นางเขาไปเดทกันในหลายๆ เรื่องช่วงฤดูร้อนไม่ว่าจะเป็นแบบตามยุคสมัยปัจจุบันหรือว่า Flashback นึกถึงอดีต เรามักจะเห็นเขาไปที่สวนสนุกกัน และมักจะจบที่โรแมนติคแกมน่ารักในการเดทที่เครื่อเล่นอย่างม้าหมุน ที่มักจะมีแค่คู่พระ-นางเล่นกัน 2 คน ซึ่งไม่มีเด็กมาเจี๊ยวจ๊าววิ่งพล่านให้เห็นเท่าไหร่ เหมือนเปิดโอกาสให้หวานกันให้เต็มที่จนกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำของตัวละครทั้ง 2 (โดยเฉพาะถ้าเป็นซีนย้อนอดีต จะยิ่งตอกย้ำความรักของพระ-นางในเนื้อเรื่องในช่วงเวลาหนึ่งได้เลย)

และแน่นอนความทรงจำฤดูร้อน ม้าหมุน และ 2 เรา ก็เลยเป็นเหมือนวัตถุดิบชั้นดีอย่างหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปะทางกลิ่นได้ด้วยเช่นกัน ดังเช่นแบรนด์ Strangers Parfumerie จึงได้นำเสนอความทรงจำยามฤดูร้อนอย่างงานรื่นเริงริมชายหาดทางตอนใต้ของฝรั่งเศส กับความสนุกสนานของการเดทแบบเต็มที่และจบด้วยความโรแมนติคบนม้าหมุน ที่เป็นเหมือนความประทับใจที่หมุนเวียนอยู่ในความนึกคิดดั่งม้าหมุนที่วนรอบไปเรื่อยๆ ผ่านกลิ่นอย่าง Comme un Carrousel ซึ่งเนื้อกลิ่นจะสื่อสารออกมาอย่างไรนั้น ว่ากันได้แบบนี้

กลิ่นเปิดจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ให้รู้สึกได้เลย นั่นคือ โซนกลิ่นหลักและกลิ่นพื้นหลัง ซึ่งต่างก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ซับซ้อนไม่น้อยทั้งคู่ที่มาสอดรับและสนับสนุนเข้าด้วยกัน ซึ่งในกลุ่มเมนหลักจะมีกลิ่นอายสายเครื่องดื่มต่างๆ ที่ซ้อนเลเยอร์กันอย่างสนุกสนานไม่น้อย เพราะจะได้กลิ่นซ่าๆ ของโคล่ามาก่อนพร้อมกับกลิ่นออกทางน้ำผึ้งที่ซ้อนอยู่ และแซมด้วยกลิ่นออกทางไวน์แดง เสริมให้กลิ่นมีความนัวเย้าดึงดูดของเหล้ารัม และไม่พอได้กลิ่นออกทางแอปเปิ้ลแดงแกมโทนหวานหน่อยๆ อารมณ์คือ สไตล์งานรื่นเริงที่จะมีเครื่องดื่มและแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลแบบที่เราเห็นในงานรื่นเริงหรือสวนสนุกแบบทางตะวันตก ซึ่งจะมีตัวเชื่อมโทนหวานของอบเชยที่สนับสนุนโทนแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล กลิ่นโทนเครื่องเทศปร่าๆ ของกานพลู ที่เชื่อมกับโทนพื้นหลังที่ออกทางกลิ่นยางไม้กึ่งธูป Incense ที่ยังไม่ได้ถึงกับเด่นแย่งซีนนัก และบอกถึง Signature ของสุคนธกรด้วย เลยทำให้ย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปของน้ำหอม ก็เลยอนุมานออกมาได้ไม่ยากว่า นี่คือกลิ่นอายที่ถ่ายทอดความทรงจำ เลยจะแบ่งความหวาน สนุก ซ่าบซ่าซ้อนกับ Incense ที่เป็นสัญลักษณ์แบบ Flashback หรือห้วงคิดคำนึง ซึงเป็นการแบ่งภาคที่ดีและเห็นภาพชัดเจน

การเปลี่ยนเพื่อเข้าสู่ช่วงกลางจะลดทอนโทนออกทางเครื่องดื่มต่างๆ ลง แต่ยังมีโทนโคล่าประปราย รวมถึงน้ำผึ้งที่ยังเสริมอยู่ให้รู้สึกได้ แต่สิ่งที่เด่นเลยคือโทนยาสูบที่จะมีกลิ่นแนว Incense หรือยางไม้เสริมให้อารมณ์กึ่ง Smoky ประปรายให้จับต้องได้ เคล้ากับเครื่องเทศต่างๆ เสริมอยู่โดยเฉพาะอบเชยที่ให้ความหวานอุ่น มีกานพลูที่ให้ความปร่าซ่า และมีขิงที่ให้ความอวลกำลังดี สร้างโทนกลิ่นที่ให้อารมณ์แบบดึงดูดและเย้ายวน + อบอวลที่ยังคงให้ความรู้สึกแบบ Flashback อยู่ ซึ่งเมื่อพินิจพิเคราะห์เนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงกลิ่นออกทางกุหลาบที่แทรกอยู่ประปรายแกมความปร่านวลเขียวอึนเล็กๆ ของโหระพา เลยทำให้แยกกลิ่นออกมาเป็น 3 เลเยอร์หลักๆ อย่างโทนเครื่องดื่มที่ตามมาจากช่วงต้นที่คงความซาบซ่าติดหวาน กลิ่นโทนเย้าของสไตล์ยาสูบแบบสูบบุหรี่ที่มีความปร่าความซ่าความดึงดูดและการเรียกร้องความสนใจเสริม และปิดท้ายที่กลิ่นโทนยางไม้ Incense ที่คุมโทนกลิ่นแนวห้วงรำลึก ภาพเลยต่อเนื่องจากช่วงต้นที่ให้ความรู้สึกแบบเย้าแกมเร้าใจแนวความหลังครั้งเก่าได้อยู่พอสมควร

จนเมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มมีโทนอบอุ่นมากขึ้น และกลิ่นเริ่มผ่อนลงมาให้จับต้องได้ถึงความเป็นสไตล์ยางไม้กึ่ง Incense ที่มีโทนออกทางแอมเบอร์ให้ความเป็นยางไม้ติดอวลอุ่นแกมแปร่งที่ได้อารมณ์แนวติด Dirty หน่อยๆ ซ้อนด้วยโทนวานิลลาที่ไม่ได้มาเข้ม แต่มาแบบให้โทนอบอุ่นอวลๆ ที่ติดแห้งๆ ที่ไม่ได้ฟุ้งมาก กลิ่นเลยจะให้อารมณ์ไพล่ไปทางสายอบอุ่นแกมติดหวานที่ไม่ได้หนักหน่วงนัก และยังรู้สึกได้ถึงน้ำผึ้งอยู่บ้างอ่อนๆ ซึ่งให้ความรู้สึกอวลๆ แบบกำลังดีมากกว่าจะสื่อสารทางกลิ่นแบบวัยรุ่นวุ่นเย้าในความทรงจำแบบช่วงกลาง แต่ให้ความอบอุ่นเรื่อยๆ มีความเร้าอ่อนๆ หน่อยๆ ที่คลอผิว ซึ่งถ้าอนุมานต่อเนื่องจากช่วงกลางก็เหมือนกลับมาสู่ภาวะปกติที่ไม่ใช่ความทรงจำแล้ว ที่มีความาอบอุ่นยามที่นึกถึง แต่ยังมีรอยทางของอดีตที่มีความหวาน สนุก เร้าเย้ายวนติดปลายๆ กลิ่น ปิดท้ายความทรงจำที่วิ่งวนไปราวกับม้าหมุนแบบยาวๆ ไปบนผิว

เหมาะสำหรับ - Unisex เนื้อกลิ่นมีความกลางๆ ที่แตะได้ทั้ง 2 เพศในการใช้งาน แต่ต้องทำความเข้าใจกับเนื้อกลิ่นหน่อย ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ไม่ว่าจะใส่แบบทั่วๆ ไป หรือใส่ทำงาน แต่ถ้าเอาไปใส่กับยามทางการอาจจะไม่ค่อยเข้าทางเท่าไหร่ รวมถึงออกกำลังกายที่ข้ามไปจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน จะใส่ชิลล์ ใส่ทั่วไป ใส่ปาร์ตี้ หรือใส่ลั่นล้า ถือว่าได้หมด แม้ว่าจะไม่ได้เป็นกลิ่นแนวตรงๆ โต้งๆ เน้นความซับซ้อน แต่มีโทนเย้ายวนที่สร้างเสน่ห์ได้ไม่น้อย

ความทน - พื้นฐาน 8 ชม. สบายมาก และไปต่อได้อีกขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. ในทุกครั้งที่ใช้งาน เรื่องนี้เลยถือว่ายังไงก็หายห่วง

การกระจาย - กลิ่นกระจายค่อนไปทางดีมากในช่วงต้น แล้วจะผ่อนลงมาสุดที่ปานกลางก่อนราวๆ 4 ชม. ถึงจะลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ พอผ่านซัก 8 ชม. ก็จะเริ่มติดผิว

สรุป - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ต้องเรียนรู้กลิ่นกันหน่อย และไม่สามารถตัดสินได้ในการใช้แค่ 1 - 2 ครั้ง เพราะการใช้ในแต่ละครั้งความโดดเด่นของกลิ่นในแต่ละ Note จะแสดงออกมาต่างกัน โดยยังมีพื้นฐานที่ให้อารมณ์แบบห้วงคำนึง ซึ่งถ้าจะเรียนรู้อารมณ์กลิ่นต้องเก็บแต้มในการใช้งานในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถ้าไม่สนใจเรื่องนี้นี่เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ให้อารมณ์แบบงานรื่นเริงที่มีเครื่องดื่มหลากประเภทเด่นที่ความหอมซ่าของโคล่ากับแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล ก่อนจะเป็นกลิ่นโทนเร้าใจแบบย้อนระลึกแกมอบอุ่นติดยางไม้ปิดท้าย ซึ่งไม่เหมือนใครแน่นอน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น