Memo Paris - Winter Palace
เมื่อได้เห็นขวดของรุ่น Winter Palace ของแบรนด์ Memo Paris ที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2019 กับมังกรผงาด (ปัจจุบันเปลี่ยนสีขวดจากดำเป็นขาวไปเรียบร้อยแล้ว) เรียกว่าแทบไม่ต้องเดาอะไรเลย เพราะน่าจะเป็นการ Tribute กลิ่นอายแบบจีน + กับเมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งใน Collection - Art Land ด้วยเนี่ย ยิ่งชัดเจนมากในการอ้างอิงถึงสิ่งปลูกสร้างที่ก่อให้เกิดความงดงามบนผืนแผ่นดิน เช่นนั้นก็ต้องเสาะหาข้อมูลกันหน่อยว่าอ้างอิงถึงสิ่งใด และสิ่งที่แบรนด์กล่าวถึงไว้ โดยเอามาสรุปคร่าวๆ นั่นก็คือ
“มนต์สะกดของความเป็นประเทศจีน พระราชวังต้องห้าม และกำแพงเมืองจีน” เรียกว่าเอาของดีมานำเสนอและครอบคลุมถึงภาพรวมแทบทั้งหมดในการไปที่เดียวเที่ยวครบถ้วนกันได้เลย เช่นนั้นอยากรู้แล้วว่า Memo จะพาเราไปท่องเที่ยวและดึงจิดตวิญญาณของความเป็นจีนออกมาให้เรารับรู้ได้อย่างไรบ้าง เช่นนั้น ป่ะ ไปเที่ยวผ่านกลิ่นกัน
Winter Palace ถือเป็นการสร้างสรรค์กลิ่นโดยสื่อสารถึงสีมงคลของจีนมารวมเข้าด้วยกันอย่างมีชั้นเชิง โดยเริ่มที่ “สีส้ม” (เหลือง +แดง) เพราะกลิ่นเปิดมันคืออารมณ์ของกลิ่นส้มที่ฟุ้งออกมาออกแนวกลิ่นส้มหวานที่ได้อารมณ์แบบน้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มหวาน แต่จะมีลูกโทนติดเปรี้ยวหอมที่ให้โทนสว่างแกมสดชื่นหน่อยๆ เสริมอยู่จากเลมอนและมีความแปร่งเล็กๆ ของเกรปฟรุตเนียนๆ และมีโทนติดขมปนปร่า Spicy ของมะกรูดฝรั่งแฝงอยู่ด้วย ซึ่งยังไงก็ตามก็ต้องยกให้ตัวเด่นจริงๆ อย่างส้มที่ให้อารมณ์ส้มหอมหวานที่ชัดมาเลย แต่วูบถัดมาจะได้กลิ่นโทนออกทางชาสมุนไพรเขียวแห้งที่มีโทนคล้ายชอคโกแลตอ่อนๆ เสริมอยู่ เลยทำให้เนื้อกลิ่นมีหนาขึ้นมาอีกสเต็ป แต่ก็ยังคงความหวานหอมสไตล์น้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มที่มีความสดชื่นก็ได้ ความผ่อนคลายก็ดี และมีความอะโรม่าจากโทนชาเข้ามาอีกเรียกว่าได้ความเป็นจีนที่ค่อนข้างครบถ้วนพอตัวเลยทีเดียวตั้งแต่ช่วงเปิด แต่ไม่ได้มีแค่นี้
เพราะรอยต่อระหว่างช่วงต้นกับช่วงกลางจะมีกลิ่นชาแดงที่เป็นชาหอมสไตล์ชาจีนที่แทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ
แล้วพอเข้าช่วงกลางเต็มตัวก็ชัดเจนเลยกลิ่นชาจะโดดเด่นมากซึ่งจะมีมิติของ 2
โทนให้รู้สึกแบบภาพรวมเลยคือ
1. จะได้อารมณ์กลิ่นชาแดงที่หอมลุ่มลึก
คือจะได้เป็นกลิ่นชาอวลๆ แผ่ออกมาจากตัวโดยที่มีโทนติดส้มหน่อยๆ
แบบที่ตามมาจากช่วงต้น แต่จะมีความอวลติดหวานแกมครีมมี่ติดวานิลลา
เลยทำให้บางช่วงจะได้อารมณ์แบบกึ่งชานมไข่มุกแบบชาแดงที่เป็นสไตล์แบบชาจีนอยู่บ้างแต่มาแบบอุ่นนะ
เพราะว่ากลิ่นโทนออกทางยางไม้เจือไม้หอมต่างๆ
ค่อนทางแนวแอมเบอร์ที่ซ้อนเป็นฉากหลังค่อนข้างทำให้กลิ่นมีความขลังอยู่พอสมควร
2. กลิ่นของส้มและโทน Citrus ที่ตามมาจากช่วงแรกแม้จะเป็นปลายกลิ่นแต่จับต้องได้ตลอด รวมถึงจะมีกลิ่นออกทางคล้ายดอกส้มที่สกัดด้วยตัวทำละลาย (Orange Blossom) ที่จะเสริมเข้ามาทำให้กลิ่นมีมิติที่เป็นโทนหวานอมเปรี้ยวเจือพื้นฐานกลิ่นแบบนวลสะอาด
ซึ่งต้องบอกเลยว่าทั้งหมดจะผสมผสานกันสร้างโทน “สีแดง” ที่มีความชัดและลุ่มลึกและมีความนุ่มนวลอบอุ่นมีไล่เฉดจากแดงเข้มมานวลแกมส้มได้อย่างน่าสนใจมาก ที่สำคัญกลิ่นชาแดงคือต้องยอมเขาเลยว่าดีจริงๆ
การเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงท้ายมันคือการสร้างโทน “สีทอง” ซึ่งเนื้อกลิ่นหลักเลย คือ โทนวานิลลาและแอมเบอร์ที่สร้างโทนกลิ่นแบบ Oriental ที่ให้ความอบอุ่นนุ่มนวลเสริมด้วยกลิ่นออกทางไม้หอมที่อบอวลชัดเจนมาก และแน่นอนว่าช่วงนี้จะจับกลิ่นโทนถั่วตองก้าที่นอกจากเสริมวานิลลาให้ความครีมมี่แล้ว ยังมีโทนกลิ่นแบบกึ่งยาสูบกึ่งหญ้าแห้งติดหวานของ Coumarin ที่เป็นตัวซ้อนอยู่ในความเป็นถั่วตองก้าเด่นขึ้นมาร่วมด้วย เลยทำให้เนื้อกลิ่นมีความหนาและแน่นอยู่พอสมควรแต่ไม่หนักเกินไป รวมถึงโทนหวานต่างๆ ก็มาเสริมชัดเจนไม่ว่าจะเป็นโทนยางไม้ต่างๆ ที่มีความหวาน เช่น Balsam ที่ติดหวานลึกและ Benzoin ที่มีลูกยางไม้กึ่งวานิลลาหวานที่โดนเหลากลิ่นให้หวานแกมไม้กำลังดีพอเหมาะ รวมถึงกลิ่นในช่วงกลางก็ยังตามมาด้วยทำให้ได้อารมณ์ชาแดงคลอเบาๆ อยู่ตลอด มีโทนส้มปลายกลิ่นนิดๆ ให้พอจับได้บางๆ เลยถือเป็นช่วงที่จะได้ความรู้สึกเต็มๆ ถึงความอบอุ่น มั่นคง หรูหรา และแน่นแต่ไม่หนักหน่วงจัดจ้านเกินไป เป็นการปิดท้ายความเป็นจีนผ่านเฉดสีต่างๆ แกมความเป็นโทน Oriental แนวตะวันออกที่มีความนุ่มนวลแฝงอยู่ตลอดได้อย่างลงตัว
เหมาะสำหรับ - Unisex ที่แตะได้ทุกเพศ แม้ว่ากลิ่นจะมีความหวาน แต่ก็ไม่ได้เลี่ยนแต่อย่างใด คุมสมดุลย์ทางกลิ่นได้ดี มีความลุ่มลึก และสื่อสารได้ในความเป็นโทนแบบตะวันออกได้ดี ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ลงจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้เป็นโทนที่สดชื่นนัก เดี๋ยวจะแน่นไปจนอึดอัดเอาได้แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้มาสายปล่อยพลังหมื่นลี้มากก็ตาม ซึ่งถ้าใส่แล้วอยู่ในห้องแอร์คือจะลงตัวเลยล่ะ แต่ให้ตัดการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายออกไปได้เลย เดี๋ยวกลิ่นตีขึ้นหนักจนตึ้บเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนไม่ว่าจะออกงานหรือโรแมนติค จัดไปกลิ่นเข้ากันอย่างลงตัว แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีมันจะไม่ได้เย้ายวนชัดเจนมากนัก อาจจะนึกว่าจะชวนไปจิบชาเอาได้ ข้ามไปน่าจะดีกว่า
ความทน - อันนี้สิจัดจ้าน เพราะว่า 12 ชม. กลิ่นยังอยู่ เรียกว่าไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้เลยเพราะยังไงก็ตลอดวันได้ไม่ยาก ส่วนตัวที่เจอสูงสุดคือ ข้ามคืน (แม้อาบน้ำไปแล้วแต่ยังติดทนยาวถึงเช้าถัดไป)
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น แล้วจะผ่อนลงมากระจายดีคงตัวกันยาวไปถึง 4 ชม. ถึงค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยมาเป็นปานกลางยาวไปถึง 8 ชม. แล้วจึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปตจนกว่าน้ำหอมจะพอใจ
สรุป - ส่วนตัวไม่ได้จินตนาการถึงพระราชวังต้องห้ามหรือกำแพงเมืองจีนเลย แต่เห็นความเป็นจีนที่ส่งออกมาเป็นลักษณะที่เป็นโทนกลิ่นที่สื่อถึงสีมงคลต่างๆ ที่สะท้อนในเชิงวัฒนธรรม รวมถึงพอจะอนุมานถึงคำว่า Winter Palace ที่มีความอบอุ่น หรูหรา และลุ่มลึกอยู่ภายในท่ามกลางความมั่นคงหนักแน่นในความเป็นจีนอยู่ได้ด้วยเช่นกัน ถือว่ากลิ่นนี้ Memo Paris สร้างสรรค์กลิ่นออกมาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.memoparis.com/products/winter-palace-eau-de-parfum
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น