วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2564

Review: Van Cleef & Arpels - Collection Extraordinaire: Moonlight Patchouli

Van Cleef & Arpels - Collection Extraordinaire: Moonlight Patchouli

การจะยอมรับว่าแบรนด์ Designer แบรนด์ไหนที่สร้างสรรค์กลิ่นอายออกมาได้มีความเป็น Niche Perfume ได้ไม่ใช่สวมหัวโขนแล้วก็จับลงได้เลย เพราะการทำกลิ่นอายหรือ Collection อะไรออกมามันต้องสื่อสารถึงกลิ่นอายที่แตกต่างจริงๆ โดยที่ยังคง Concept ความเป็นแบรนด์นั้นๆ ไว้ได้ด้วย ซึ่งหนึ่งในแบรนด์โซนนี้ที่สร้างสรรค์ Collection กลิ่นออกมาได้ถูกใจสาย Niche หนึ่งในนั้นก็ต้องมี Van Cleef & Arpels รวมอยู่กับเขาด้วย และจากที่ได้ลองหลายๆ กลิ่นก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าไม่ธรรมดาเลยกับ Collection - Extraoridinaire ที่เน้นการชูโรง Notes กลิ่นต่างๆ

และคราวนี้ก็ขอมาเจอหน่อยกับกลิ่นอายพิมเสนที่ Collection นี้นำมาสร้างสรรค์กลิ่น ซึ่งจะมีความแตกต่างหรือว่าชี้ชัดไปในทิศทางไหนกับการเอาพิมเสนเป็นตัวตั้ง ก็ว่ากันได้เลยที่รุ่นนี้ Moonlight Patchouli

ช่วงเปิดเล่นเอางงๆ กันนิดนึงว่า เอ๊ะ! มันทำไมได้กลิ่นออกทางแป้งๆ แนวไอริส แกมกลิ่นออกทางผงโกโก้ติดหวานอ่อนๆ ดาร์กทึบเล็กๆ มีโทนไม้หอมหน่อยๆ ทำให้ได้อารมณ์คล้ายแป้งเครื่องสำอางค์ ที่มีกลิ่นโทน Citrus ติดขมแกมเปรี้ยวสร้างบรรยากาศ พออีกวูบถัดมาความเป็นพิมเสนก็เริ่มปรากฎขึ้นมาทีละนิดๆ ที่ให้อารมณ์แบบติดปร่าปลายกลิ่นแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ เนียนๆ เข้ามาทีละหน่อย เลยทำให้ช่วงต้นอารมณ์กลิ่นจะเป็นลักษณะแบบโทนแป้งที่เป็นตัวเดินกลิ่นเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าไม่ธรรมดาคือ การทำให้กลิ่นพิมเสนมาแบบค่อยเป็นค่อยไปอารมณ์กึ่งฉากหลังกึ่งปลายกลิ่นที่ให้ความเย็นๆ หน่อยๆ ที่ให้ความระเรื่อๆ กำลังดี จนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อกลิ่นกุหลาบที่ให้ความแกมนวลแกมระเรื่อเสริมขึ้นมาเรื่อยๆ และกลายเป็นคู่หูในการเสริมโทนกันอย่างลงตัวระหว่างกุหลาบและพิมเสนแบบที่ไม่ใช่มาสายคุณนายสร้างความกรุยกรายเลย แต่ให้ความเป็นกุหลาบที่ลอยมาตามลมเคียงคู่โทนแป้งที่รองพื้นแกมกลิ่นปร่าวิบวับของพิมเสนอ่อนๆ เรียกว่าให้อารมณ์โรแมนติคที่กำลังดี ไม่ยัดเยียดและพยายามนำเสนอแบบเกินกว่าเหตุ เน้นความรื่นรมย์ชัดเจนตั้งแต่ช่วงต้นนี้เลย

ในช่วงกลางจะเป็นเสมือนช่วงพระ-นางเขาคลอเคลียไปด้วยกันค่อนข้างชัดเจนมาก เพราะกุหลาบจะเป็นตัวหลักที่ให้ความหอมระเรื่อๆ เรื่อยๆ ติดแป้งอ่อนๆ เบาๆ ซ่อนอยู่ เสริมด้วยความเป็นพิมเสนที่ไม่ได้มาแบบสาย Herbal หรือสายดาร์กจ๋าเลย ทุกอย่างคุมโทนความเป็นพิมเสนที่ให้ความปร่าระเรื่อกำลังดีก้ำกึ่งระหว่างความเป็นพิมเสนใสๆ กับพิมเสนติดปร่ากรุยกรายอ่อนๆ เลยจะได้ทั้งความหอมเย็นๆ แกมติดกรุยกรายเล็กๆ ซ้อนอยู่แบบเนียนๆ สร้างโทนกลิ่นที่หรูหราแบบนิ่งๆ เย็นๆ โรแมนติค และมีเสน่ห์แบบไม่ต้องพยายามกลิ่นก็ให้ความระเรื่อความมีชั้นเชิงมาก ซึ่งช่วงนี้แหละที่เริ่มเห็น Concept ในการนำเสนอกลิ่นอายแสงจันทร์ในรูปแบบของแบรนด์นี้แล้วว่าเอาความโรแมนติคในความเป็นกุหลาบที่แกมแป้งระเรื่อ มาคลอกับพิมเสนที่ให้ความรื่นจมูกกำลังดี สร้างอารมณ์เย็นๆ แบบกลางคืนที่โรแมนติคได้น่าสนใจมาก

การเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไปในการเข้าสู่ช่วงท้ายต้องยอมรับเลยว่ามีเริ่มมีความเย้ายวนในแนวของโทน Musky กึ่งหนังที่ให้อารมณ์ลูกผสมระหว่างหนังกลับกับหนังปกติที่ได้ทั้งความเย้าแกมน่าค้นหาในเวลาเดียวกันเสริมขึ้นมาซึ่งสอดรับพอดีกับกลิ่นกุหลาบ และที่สำคัญจับต้องเนื้อกลิ่นที่ติดดาร์กหน่อยๆ ของ Oak Moss ที่เข้ามาเนียนๆ รวมอยู่ด้วยพร้อมกับโทนอบอุ่นแกมไม้หอมอ่อนๆ ในสไตล์กึ่งโทนแอมเบอร์ที่มีความลึกกำลังดี สร้างมิติอารมณ์แบบเราได้กลิ่นผิวกายเย้าๆ ที่ดึงดูดแกมกลิ่นน่าค้นหาและโรแมนติคของกุหลาบ ซึ่งแน่นอนปลายกลิ่นจะมีพิมเสนให้รู้สึกได้อยู่ ทำให้กลิ่นได้ความหอมเย้ายวนแบบที่มีระดับ ไม่ได้จงใจปล่อยของจัดหนัก ในความเรื่อยๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปและรู้ตัวอีกทีคืออินไปกับกลิ่นหนังกลับแกมกุหลาบเจือพิมเสนอ่อนๆ ที่อยากดมต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ไปในที่สุด นี่ไง ธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ กลิ่นนี้

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อยไปทางผู้หญิงมากพอสมควรในการเป็นโทนกลิ่นออกทางกุหลาบ พิมเสน แป้ง และหนังกลับ แต่ไม่ใช่ว่าผู้ชายใส่ไม่ได้ เพราะกลิ่นนี้ไม่ได้มาสายปล่อยหลังหนักหน่วง ซึ่งถ้าผู้ชายใส่ก็จะได้อารมณ์โรแมนติคน่าคลุกวงในแบบไม่ Wannabe ได้เลย ซึ่งกลิ่นนี้เข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันที่เน้นสร้างเสน่ห์แกมเรียบหรู และไม่โฉ่งฉ่างมากๆ ซึ่งพอใส่กับยามทางการได้ รวมถึงใส่แบบทั่วๆ ไปแบบวางตัวหน่อยก็ได้อยู่ กลิ่นจะสร้างเสน่ห์ที่น่าค้นหาได้ดีมากเลย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ยามโรแมนติคหรือว่าออกงานจะเข้าทางสุดๆ แต่สถานการณ์ที่ควรหยุดไม่เข้าท่ากับน้ำหอมกลิ่นนี้ก็คือ การใส่เพื่อออกกำลังกายกับกิจกรรมลุยๆ มันไม่ใช่อย่างแรงจริงๆ

ความทน - ลงตัวที่พื้นฐานคือ 8 ชม. สบายมาก และไปต่อได้อีกจนถึงสูงสุดที่เจอคือ 12 ชม. กับการใช้ที่ 6 สเปรย์ ซึ่งเรื่องนี้บอกได้เลยว่าหายห่วง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วคงตัวไปซักพัก ก่อนจะลดลงมาเป็นปานกลางไปเรื่อยๆ แบบไม่หนักมากแต่คนใส่จะรับรู้กลิ่นได้ชัดเจนกันยาวพอสมควร แล้วถึงจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. ก่อนจะปิดท้ายที่ Skin Scent เมื่อพ้นซัก 8 ชม. ไปแล้วประมาณนี้

สรุป - พื้นฐานกลิ่นช่วงท้ายมีสไตล์แนวเดียวกับ Bottega Veneta for Women นั่นคือโทนหนังกลับและหนังที่มีเสน่ห์มาก แต่สิ่งที่เป็นตัวเดินเกมหลักจากกุหลาบและพิมเสนนี่สิ ที่ทำให้กลิ่นนี้มีเสน่ห์อย่างเป็นเอกเทศ ให้ความมีจริตเนียนๆ และมีความเย้ายวนแกมโรแมนติคแบบที่จับต้องได้เลยว่าคุมบาลานซ์ของกลิ่นได้ดี และยังไม่พอคุณภาพเนื้อกลิ่นไม่ธรรมดาอีกด้วย ยกให้เขาเลยล่ะกับ Moonlight Patchouli กลิ่นนี้

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.pinterest.com/pin/707065210234333408/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น