วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2565

Review: UNUM - But Not Today


UNUM - But Not Today 

ถ้าพูดถึงหนึ่งในภาพยนตร์จิตวิทยาระทึกขวัญที่ดีที่สุดตลอดกาล แน่นอนว่าคอหนังหลายๆ คนต้องนึกถึง The Silence of the Lambs ที่ทำให้ทุกคนรู้จัก Sir Anthony Hopkins กับการเป็น Hannibal Lecter ที่ตราตรึงใจมากๆ กับความน่ากลัวผ่านรังสีอำมหิตในการเป็นฆาตกรอัจริยะที่มาช่วยเหลือตัวเอกอย่าง Clarice Starling (Jodie Foster) ในการวิเคราะห์ฆาตกรโรคจิตรายหนึ่ง ซึ่งแน่นอนซึ่งแน่นอนภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรางวัล Big 5 Oscar ในปี 1992 ทันทีทั้ง Best Picture, Best Actor, Best Actress, Best Director และ Best Adapted Screenplay

ซึ่งหนึ่งในฉากที่สำคัญมากช่วงต้นเรื่องกับการพบกันครั้งแรกของ Hannibal และ Clarice ที่เป็นฉากที่ถ้าดูเผินๆ อารมณ์เป็นการพูดคุยกัน แต่รังสีความน่ากลัว ความนิ่ง และความฉลาดเฉลียวที่สื่อสารทางคำพูดที่มีจิตวิทยาและชั้นเชิงนั้นไม่ธรรมดาอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อ Hannibal สูดอากาศแล้วบอกถึงพฤติกรรมของ Clarice ว่า “You use Evian skin cream, and sometimes you wear L'Air du Temps*, but not today” (*น้ำหอมรุ่นดังมากของ Nina Ricci) ซึ่งอันนี้ไม่ธรรมดา บ่งบอกถึงจิตวิทยาการหยั่งรู้คู่สนทนาผ่านกลิ่นที่สร้างความน่าเกรงขามมาก และประโยคนี้และสถานการณ์ในฉากนี้แหละที่เป็นที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์น้ำหอมของ Filippo Sorcinelli ศิลปินสายศิลปะในส่วนของแบรนด์ UNUM ที่ดึงเอาความเป็น Hannibal และ Clarice มาผสมผสานกันสื่อสารถึงสถานการณ์ในฉากนั้น ซึ่งกลิ่นจะเล่าออกมาอย่างไร ก็ถอดออกมาได้ตามนี้เลย

But Not Today เปิดต้นกลิ่นมาก็ทำเอาอึ้งไปเลย เพราะมันเป็นกลิ่นโทนหนังติดเปียกตุ่นๆ กับกลิ่นออกทางคล้ายเลือดที่มีลูกโทนเมทัลลิคความเฝื่อน ซึ่งรวมๆ กันอารมณ์แบบหนังที่ชุ่มด้วยเลือด แบบที่สร้างความรู้สึกอึดอัดก็ได้ รู้สึกเอ๋อไปเลยก็ดี และรู้สึกแบบว่าอะไรกันเนี่ยก็ด้วย ซึ่งเมื่อกลับไปมองที่มาที่ไปของการสร้างสรรค์กลิ่น มันก็ใช่มันคือความรู้สึกของการมาเจอกันเพื่อขอคำปรึกษาระหว่าง 2 ตัวเอกเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องรายหนึ่ง ที่มันมีความแปลกแยก ความอึดอัด ความพยายามที่จะจูนเพื่อให้ได้ตามสิ่งที่ต้องการ ความอำมหิตแบบนิ่งที่ส่งออกมาแบบว่า Hannibal เป็นคนที่ไม่ธรรมดา เพราะมือเปื้อนเลือดมานักต่อนัก ซึ่งช่วงเปิดนี่แหละที่เรียกเอาความรู้สึกแบบ Triller ออกมาได้ชัดเจนมาก

การเข้าสู่ช่วงกลางเปรียบเสมือนเป็นการแบ่งภาคที่ชัดเจนมากระหว่างสาย Animalic กับสาย Floral โดยเนื้อกลิ่นจะตีคู่กันไป และใช่เลยเห็นภาพตามเนื้อเรื่องที่เป็นการนั่งคุยกันระหว่างคน 2 คน ที่มีกระจกคั่นกลางอยู่ ฝั่งนึงจะเป็นโทนสาบหนังกับสาบสัตว์ที่ไม่ได้ถึงกับอำมหิตปล่อยความดิบมาจากไหน แต่ออกแนวให้ความรู้สึกแบบเป็นโทนสาบที่มีการเกลาและกดทับไม่ได้แสดงอาการออกมาอย่างเต็มที่มากกว่า คือ มันก็มีโทนที่ดูข่มอยู่บ้างแต่ก็ไม่ดูกระโชกโฮกฮากเกินไป อารมณ์แบบซุ่มรอจังหวะแบบมีชั้นเชิงอะไรประมาณนี้ ส่วนฝั่ง Floral อันนี้จะเสมอโทน Animalic อยู่พอสมควรเพียงแต่จะไม่ได้ออกแนวตีคู่ ค่อนข้างจะแผ่วกว่าหน่อย สิ่งที่เด่นเลยจริงๆ คือ คาร์เนชั่นที่จะให้ความเป็นโทนปร่าแกมเขียวอ่อนๆ เข้าทางโทนแป้งเพราะมีไอริสมาเสริมนิดๆ แต่จะมีลูกเอื้อนเป็นโทนครีมมี่ดอกไม้ขาวหน่อยๆ ที่ได้วูบของมะลิที่หวานแว๊กซ์นิดๆ ซึ่งน่าจะเป็นลิลลี่ อารมณ์กลิ่นภาพรวมเลยจะแบ่งภาคชัดเจนของ 2 ฝั่ง แต่ฝั่ง Animalic หรือเทียบได้ง่ายๆ ว่า Hannibal จะเด่นกว่า เพราะมีลักษณะแบบคุมเกมพอสมควร แต่ก็ยังมีความปราณีอยู่แบบที่สัตว์ร้ายเห็นลูกแกะแบบใสๆ เลยจ้องดูแบบไม่วางตาและทำทีมีอารีด้วย เพื่อปล่อยให้ลูกแกะมีชีวิตไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังประมาณนั้น

เมื่อโทน Animalic เริ่มจะลดน้อยถอยลง และความเป็นโทน Floral ออกทางดอกไม้ขาวจะเริ่มมีความนวลแกมสะอาดมากขึ้นและมีโทน Musky มาเสริม + โทนเมทัลลิคในช่วงต้นก็ได้กลับมาแบบเบาๆ อีกครั้ง หลังจากโดนกลบไปพักนึง ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มตัว ซึ่งจะเริ่มมีโทนกลิ่นที่เป็นกลิ่นไม้หอมติดดาร์กหน่อยๆ ที่จับต้องได้ว่าน่าจะเป็นกลิ่นแนวไม้ซีดาร์หรือสารหอมอย่าง ISO E Super ติดโทนคล้ายหญ้าแฝกเล็กๆ ที่สอดรับพอดีกับ Oak Moss ที่เป็นตัวเสริมสร้างความดาร์กน่าค้นหาติดกรุยกรายเล็กๆ ในเนื้อกลิ่น ทำให้มีความแปลกใจสูงมากเพราะว่ากลิ่นไม่ได้โหดเลย มีความมินิมัลที่แฝงลูกเล่นติดโทนแป้งอ่อนๆ กึ่งไม้หอมที่มีความดาร์กเนียนรวมอยู่ ซึ่งถ้าเอาตามความเข้าใจกับเนื้อเรื่อง การคุยกันเป็นนิมิตรหมายที่ดีและเป็นการเข้ากันได้อย่างดีความอารีของ Hannibal เลยมีให้กับ Clarice มากขึ้นแบบไม่ใช่เชิงชู้สาว เนื้อกลิ่นเลยมีความผ่อนคลายลงมา โดยที่ยังมีความนิ่งในเนื้อกลิ่นที่ให้ความรู้สึกน่าค้นหาเนียนๆ อยู่บ้างแนวๆ นั้น ปิดท้ายการเป็น But Not Today บนผิวกันไปเรื่อยๆ นั่นเอง

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่พื้นฐานการใช้น้ำหอมต้องผ่านน้ำหอมกลิ่นแนว Niche Perfume หรือ Indie Art Perfume รวมถึงรับได้กับกลิ่นอายโทน Animalic ได้จะเรียนรู้กลิ่นนี้ได้ไวมากขึ้น ซึ่งแน่นอนไม่ได้ใช้งานได้ง่ายและไม่ได้ Nice นัก จึงเหมาะกับบางสถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป ที่เน้นความแปลก ความเก๋ และความไม่เหมือนใครเสียมากกว่าที่จะไพล่ไปทางการ รวมถึงตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนก็พอใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์​ เพราะเนื้อกลิ่นมีโทน Animalic ติดสาบอาจจะทำให้คนรอบข้างที่ได้รับกลิ่นเกิดความรู้สึกน่าค้นหา ซึ่งก็พอไปในทาง Sexy Dirty ได้บ้างถ้าไม่คิดอะไรหรือไพล่ไปเทียบกับภาพยนตร์เรื่องนี้

ความทน - อันนี้ยาวไปได้เลยที่ราวๆ 12 - 15 ชม. เพราะว่าความเข้มข้นสูงมากในการเป็น Pure Perfume แบบว่าติดทนกันยาวๆ ได้เลย

การกระจาย - ช่วงเปิดคือกระจายดีทำเอาสตันไปเลย อารมณ์โชกเลือดมาแบบชัดเจน แล้วจะผ่อนลงมากระจายแบบปานกลางไปเรื่อยๆ แบบที่เราจะได้กลิ่นสาบ Animalic ตีคู่กับกลิ่นโทน Floral แล้วจะแผ่วลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวเอาเมื่อผ่านไปซัก 4 - 6 ชม. พอเลย 8 ชม. ไปแล้วก็ Skin Scent กันยาวๆ ไป

สรุป - งานศิลปะที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจและไม่เหมือนใครในการดึงเอาสถานการณ์ที่ค่อนข้างมีความแปลกแยกและความตึงเครียดไม่น่าไว้วางใจมาเล่นได้ดี สื่อสารถึงความเป็น Triller ได้อย่างเหมาะสม ก่อนจะส่งต่อมาสู่กลิ่นอายที่มินิมัลเพราะจูนกันติด ถือว่าทำให้เรามีอารมณ์ร่วมกับฉากนี้ในภาพยนตร์ได้มากขึ้นนอกเหนือจากการดูและฟัง แต่ถ้าไม่ได้สนใจในเรื่องภาพยนตร์ กลิ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งที่มีความแปลกมาก อย่างน้อยตั้งรับช่วงต้นกับกลางได้ในครั้งแรกๆ ที่ใช้ ครั้งต่อๆ ไปคือความเก๋และไม่เหมือนใครแกมมีรังสีอำมหิตเนียนๆ สู่ความเมตตาแบบที่ก็ยังไม่ได้น่าไว้ใจได้เกินร้อยก็จะมาเป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ทางกลิ่นให้กับผู้ใช้ได้ไม่ยาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://noseparis.com/en/but-not-today

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น