วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Review: Serge Lutens – Miel de Bois

Serge Lutens – Miel de Bois

สำหรับคนที่ติดตาม Serge Lutens มักจะมีความรู้สึก อะไรก๊านนนนนเกิดขึ้นเสมอเวลาที่อยู่ดีๆ น้ำหอมบางรุ่นที่มีความเป็นสายศิลปะและมีความเป็นสาย Niche Perfumery ที่งดงาม โดนปิดตัวในการเป็นน้ำหอมในการวางขายตามปกติ กลายเป็นหนึ่งในตัว Exclusive กับขวดทรงระฆังคว่ำ Bell Jar ที่วางขายแค่เฉพาะบูติคที่ปารีสเท่านั้น ซึ่งทำให้ต้องรักษาสิ่งที่ตัวเองมีอย่างจงหนักไม่ให้มันหมดไปง่ายๆ หรือรีบขวนขวายหามาให้ได้ก่อนที่ราคามันจะถีบตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะมันจะหายากขึ้นในทุกๆ วัน และบางรุ่นก็หาแทบไม่ได้แล้ว ต้องพึ่งคนที่ไปที่ปารีสช่วยจัดมาให้แทนในราคาที่ไม่ใช่น้อยๆ แถมไม่ใช่หัวสเปรย์ด้วย เป็นขวดแต้มเน้นๆ

ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่ตอนนี้ไปเป็นขวด Bell Jar และหายากมากในลักษณะขวดปกติแล้ว กับการนำเสนอความเป็นกลิ่นอายน้ำผึ้งที่มีความลุ่มลึกและแตกต่างจากโทนกลิ่นน้ำผึ้งในท้องตลาดอย่างมาก แบบถอดความเป็นน้ำผึ้งแบบธรรมชาติไม่ได้จงใจประดิษฐ์ให้หวานเชื่อมสะบึมอารณ์แต่อย่างใดๆ อย่าง Miel de Bois ก็ทำเอาคนที่มีขวดนี้ต้องเก็บรักษากันให้แน่นเลย เช่นนั้น ในเมื่อมันหายากก็ต้องมาถ่ายทอดกลิ่นกันหน่อยว่าน้ำผึ้งกับไม้หอมขวดนี้จะให้โทนกลิ่นในลักษณะไหน

Miel de Bois จะเป็นหนึ่งในลักษณะของน้ำหอมที่เข้าข่ายไม่น่าจะอิงตามขั้นพีระมิดของน้ำหอมได้ซักเท่าไหร่ แต่จะมาในลักษณะของการเป็น Center Note ที่จะมีกลิ่นต่างๆ เข้ามาสร้างมิติของกลิ่นตามแต่ละเวลาที่ผ่านไป ซึ่งตัวเอกหลักในการดำเนินกลิ่นจะเป็นไปตามชื่อรุ่นเลย คือ น้ำผึ้ง ที่จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ แต่จะมีตัวรองลงมาอย่าง ไม้หอม ที่จะค่อยๆ มาตีคู่ล้อกันไปเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง โดยเริ่มต้นจะเปิดตัวกันด้วยความหวานหอมของน้ำผึ้งที่มีความหวานกันอย่างชัดเจน มาชัดและมาเต็ม ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ออกทางน้ำผึ้งที่หวานชุ่มนัก จะให้ความใสแบบได้กลิ่นห่างออกมาในระดับหนึ่ง แต่เพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องได้ ถึงกลิ่นอายออกทาง Beeswax หรือรังผึ้งที่จะให้อารมณ์แบบกลิ่นสีผึ้งหรือไขผึ้งที่ผสมเข้ามา ทำให้กลิ่นน้ำผึ้งจะออกทางติดไขผึ้งหน่อยๆ เริ่มมีความอุ่นปนสาป Animalic เข้ามาปะปน ซึ่งเมื่อ 2 โทนนี้มาเจอกัน มันจะได้กลิ่นที่ออกทางธรรมชาติของน้ำผึ้งที่คารังที่ทำให้เราจับต้องได้ และแน่นอนว่ากลิ่นอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามันคือน้ำผึ้งแบบที่เราๆ ได้กินเข้าไปแน่นอน มันจะแปร่งและดิบอยู่เพียงแต่ไม่ได้มากนัก จนกลายเป็นเหมือนเอาหน้าซุกรังผึ้งแต่ประการใด

เพียงชั่วขณะโทนกลิ่นที่เสริมเข้ามาไวมากสร้างมิติในโทนติด Airy และมีความแห้งมากขึ้นในเนื้อกลิ่นคือ ไอริส ที่ทำให้ มีความแห้งติดจืดปนกลิ่นดอกไม้เข้ามาด้วย ซึ่งไม่ได้มีแค่ไอริส เพราะจะจับไก้ถึงกลิ่นของดอกฮาวโทรน ที่ให้ความหวานกำลังดีเสริมเข้ามาด้วย กลิ่นเลยจะได้ความหวานน้ำผึ้งปนกลิ่นดอกไม้เจือๆ ที่มีความหวานเรื่อยๆ กำลังดี กลิ่นจะค่อนทางแห้งๆ ไม่ได้ไปสายฉ่ำนัก เพราะอิทธิพลของกลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ ที่เป็นตัวเอกตัวที่ 2 ที่เริ่มแทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ จนเมื่อชัดเจนมากขึ้นก็จะตรงตามชื่อรุ่นที่ว่าด้วยการเป็นน้ำผึ้งและไม้หอมกันอย่างชัดเจน ซึ่งจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ ติดโทนออกทาง Smoky เจือ Incense อยู่พอสมควร ทำให้จะได้อารมณ์น้ำผึ้งหอมหวานดอกไม้อ่อนๆ เจือกลิ่นไม้หอมติดธูปที่กลิ่นจะสลับคลอกันไปมาอย่างน่าสนใจมาก เพราะบางครั้งจะได้โทนน้ำผึ้งติดแห้งเจือดอกไม้วูบขึ้นมา บางทีก็ได้กลิ่นออกทางคล้ายธูปไม้กลิ่นน้ำผึ้ง และบางทีได้กลิ่นติดรังผึ้งมีความ Animalic สาปบางๆ ปนหวานเจืออึนไขผึ้ง ซึ่งกลิ่นจะมีความน่าค้นหามากเลยทีเดียวกับโทนกลิ่นที่เหมือนจะไม่ได้อะไร สื่อตรงถึงน้ำผึ้งและไม้หอมก็จริง แต่มีความไม่ธรรมดาอยู่ในนั้นให้สัมผัสได้ตลอด ซึ่งกลิ่นจะเริ่มแห้งลงเรื่อยๆ ด้วยก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นน้ำผึ้งที่ติดสาปปนไม้แห้งติดธูปที่จะคลอผิวไปเรื่อยๆ ค่อนไปทางโทนแป้งหน่อยๆ ที่ให้ความกรุยกรายปนเย้ายวนน่าค้นหาติดปลุกเร้าอ่อนๆ แต่ไม่ได้ถึงกับเข้าโทน Dirty ชัดเจน เพราะกลิ่นยังคงคุมโทนสว่างมีระดับในเนื้อกลิ่นอยู่นั่นเอง

เหมาะสำหรับ กลิ่นลงเอาไว้ว่า Unisex แต่เนื้อกลิ่นโดยภาพรวมจะค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าราวๆ 70-75% ได้เลยเพราะโทนหวานน้ำผึ้ง แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้อยู่ เพราะกลิ่นไม่ได้ถึงกับหวานฉ่ำชุ่มจนดูสาวแต่ประการใด ออกทางน่าค้นหาแบบที่ไม่เหมือนใครเสียด้วย ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์หน่อย เพราะกลิ่นมีพลัง ไม่ได้ดูง่ายนักและมีความแตกต่าง ไม่ว่าจะใส่แบบทั่วๆ ไป หรือว่าจะค่อนไปยามทางการก็พอได้ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย เดี๋ยวหวานจุกเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นเหมาะกับการใส่เพื่อออกงานมาก เพราะมันมีคอารมณ์กรุยกรายมีระดับปนเย้ายวนแฝงพอสมควร หรือถ้าจะใส่ไปท่องราตรีแบบหรูๆ ก็ได้อยู่

ความทน อันนี้ดีงามเลย เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ไม่หนีไปไหน และมากกว่านั้นได้อีกด้วย 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าอาจจะอึ้งๆ กันหน่อย เพราะความหวานชัดเต็มและมีความดิบตามธรรมชาติ แล้วกลิ่นจะลดลงมาที่กระจายปานกลางไปเรื่อยๆ คงตัวเสถียรดีมาก พอพ้นไปซัก 6 ชม. ถึงค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป

สรุป หนึ่งในกลิ่นน้ำผึ้งที่ไม่ธรรมดาและนำเสนอออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกับการสร้างกลิ่นความดิบแบบกำลังดีตามธรรมชาติในความเป็นน้ำผึ้ง โดยมีกลิ่นไม้หอมแห้งๆ เจือโทนธูปที่อวลกำลังดีสร้างออร่าความน่าค้นหา เสียดายจริงที่กลายเป็น Exclusive ที่หาไม่ได้ง่ายไปเสียแล้ว



หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.sergelutens.com/us/miel-de-bois-75ml.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น