วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - La Fille de Berlin

Serge Lutens - La Fille de Berlin

เคยได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง Woman in Berlin มาเมื่อนานมาแล้วที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงนิรนามคนหนึ่ง ที่เล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองในการเอาตัวรอดท่ามกลางภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเยอรมันท่ามกลางวงล้อมของทหารรัสเซีย ซึ่งต้องอยู่ในภาวะที่ทั้งจำยอมและเอาตัวรอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกทาง ซึ่งภาพยนตร์ทำให้เราสะเทือนใจกับสิ่งที่เธอต้องพบเจอ แต่เธอก็ยังมีความสตรองมากพอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  

และเมื่อได้มีโอกาสอ่านข้อมูลต่างๆ น้ำหอมของ Serge Lutens อย่าง La Fille de Berlin (หญิงสาวจากเบอร์ลิน) ที่บอกเล่าเรื่องราวกลิ่นถึงความเป็นกุหลาบที่มีอารมณ์ในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะแข็งแกร่ง เย็นชา นิ่งสงบ สวยงาม และคาดไม่ถึง ซึ่งไม่ว่าจะแหล่งใดๆ ต่างก็เชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกันว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องที่ได้กล่าวไปตอนต้น คราวนี้ก็เลยได้เวลาที่จะพิสูจน์บ้างว่ากุหลาบงามขวดนี้จะเป็นในลักษณะใด ให้ความรู้สึกเดียวกับการเป็น Woman in Berlin หรือไม่

แรกสเปรย์เปิดตัวด้วยการเป็นกุหลาบที่ชัดเจนมาก แตะความเป็นกุหลาบไพล่ไปทางโทน Classic อยู่แบบกลางๆ ซึ่งไม่ได้มาแบบหนักหน่วงจัดๆ มากขนาดนั้น เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ออกทางกุหลาบแดงแห้งปล่อยพลังจัดเต็ม แต่มีความสดชื่นแซมอยู่ให้รู้สึกได้ถึงกุหลาบแดงแรกแย้มยามเช้าอากาศเย็นๆ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะที่ติดเขียวอยู่หน่อยๆ เลยได้ความเป็นธรรมชาติได้พอสมควรเลย นอกจากกุหลาบที่เป็นตัวหลักแล้ว ความเป็นโทน Fresh Spicy สไตล์พริกไทยที่เสริมเข้ามาทำให้กลิ่นมีความโปร่งสะอาดรองพื้่นสร้างความสมดุลย์ให้กลิ่นได้เป็นอย่างดีในการเปิดตัวความเป็นกุหลาบที่ได้ทั้งความคลาสสิคและความเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่สะกิดใจให้รู้สึกได้ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากอะไรคือ ความเยือกเย็นของกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเจนอ้อยอิ่งให้รับรู้ ซึ่งเป็นมิติกลิ่นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว 

จนเมื่อมีกลิ่นอายโทนติดแป้งโปร่งปนเขียวของไวโอเล็ตค่อยๆ เสริมขึ้นมาพร้อมกับความเยือกเย็นของกลิ่นที่ยังคงอยู่ และจับได้ชัดเจนว่าเป็นลักษณะของโทนเมทัลลิคหน่อยๆ แต่ไม่ได้ออกทางคมพุ่งหรือว่าปล่อยพลังนัก ซึ่งให้ความเป็นกุหลาบติดแป้งโปร่งเจอความเขียวปลายๆ กลิ่นให้รับรู้ได้ตลอด กลิ่นมีความสตรองแบบนิ่งๆ ไม่โฉ่งฉ่าง เพราะน่าจะโดนตัดทอนโดยโทนกลิ่นที่เริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้นเข้ามาแทรกซึมของโทนไม้หอมติดนวลอ่อนๆ ของไม้จันทน์หอม ที่พาเอากลิ่นอายของ Musk ที่ค่อนข้างมีความดิบสไตล์ Animalic Musk มาด้วย แต่ยังไม่มาก ทำให้กลิ่นช่วงนี้ได้ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปจากช่วงต้นอย่างมีนัยยะสำคัญพอสมควร จากความเยือกเย็นสู่ความสตรองในด้านอารมณ์กลิ่นของกุหลาบที่ไม่ได้ไปสายใสๆ หรือว่าสายดาร์กเกินไป มีความนวลปนอุ่นรองพื้นเอาไว้ และมีทิศทางเป็นของตัวเองที่ชัดเจนคุมโทนระหว่างความคลาสสิคและความเป็นโทนร่วมสมัยได้อยู่ แล้วกลิ่น Animalic Musk จะเริ่มมีบทบาทชัดขึ้นตามลำดับปูทางเข้าความเป็นกุหลาบที่มีความสตรองมากขึ้นในเลเยอร์ของกลิ่นช่วงถัดไป 

ช่วงท้ายกลิ่นอายของ Musk จะรวมตัวกับกลิ่นโทนอบอุ่นแนวไม้หอมสไตล์คล้ายโทนแอมเบอร์ที่ติดดิบหน่อยๆ ซึ่งทำให้ช่วงนี้มีความชัดเจนมากพอสมควรเลยทีเดียวกับการปลดปล่อยโทน Animalic ออกมาเป็นตัวรองพื้น กลิ่นค่อนข้างจะมีลักษณะที่สตรองเป็นออร่าออกมาให้ความห่ามติดสาปปลุกเร้า โดยที่มีกุหลาบปนเขียวปลายเจือแป้งนวลบางๆ เคล้ากลิ่นอายแบบคล้ายพิมเสนให้ความรู้สึกหวานปลายกลิ่นฉาบซ้อนเอาไว้ ผสมผสานกันทำให้ได้ลักษณะที่มีหลากหลายอารมณ์ไม่ว่าจะอัดอั้นเก็บกด มีพลังทางเพศ ปลุกเร้า สตรอง กร้าว เคร่งขรึม โดยที่ยังมีความนิ่งของกลิ่นที่คุมโทนเอาไว้อยู่อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นเริ่มแตะความเป็นลักษณะเรโทรมากกว่าร่วมสมัย โดยที่ไม่ได้กรุยกรายหรือหรูหราแบบคุณหญิงคุณนายจัดๆ แต่มีความเป็นกุหลาบที่มาสายจริงจังและแข็งกร้าวเสียมาก ซึ่งเมื่อมาถึงกลิ่นในช่วงนี้ ภาพที่เห็นจากกลิ่นจึงเริ่มไปในทิศทางเดียวกันกับภาพยนตร์ที่เคยได้ชมตามที่กล่าวไปข้างต้น คือ

ผู้หญิงคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนเป็นกุหลาบที่แบ่งบานในช่วงเวลาที่เลวร้าย แต่ต้องยืนหยัดเพื่อเอาตัวรอดแม้ว่าต้องสูญเสียอะไรไปพอสมควรในชีวิต แต่เธอก็สตรองผ่านมันไปได้และทิ้งรอยทางความงามในทิศทางที่เธอเป็นให้เราได้จดจำ

นี่แหละหญิงสาวจากเบอร์ลินที่สื่อสารออกมาเป็นน้ำหอมขวดนี้       

เหมาะสำหรับ - แม้ว่ากุหลาบจะบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิง แต่กลิ่นนี้ก็มีความเป็น Unisex อยู่พอสมควรที่ผู้ชายสามารถใส่ได้ เพราะกลิ่นไม่ได้ชี้ทิศทางไปทางกรุยกรายแต่อย่างใด ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพื่อให้กลิ่นพอเหมาะกำลังดีกับอากาศบ้านเรา ไม่ว่าจะใส่แบบทางการหรือทั่วๆ ไป ยิ่งถ้าอากาศเย็นๆ สบายๆ ไม่ร้อนจัดจะลงตัวมาก แต่ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือออกแดดจะดีที่สุดกลิ่นไม่เข้าทางทุกกรณี ส่วนการใส่ยามค่ำคืนอันนี้ถือว่าลงตัว มีเสน่ห์แบบเย็นชาแต่น่าค้นหาได้อยู่ เพียงแต่ว่ากลิ่นจะไม่ได้เข้าทางกับการใส่ไปท่องราตรีเต้นโยกหน้าเด้งหลังหรือเมารั่วก็เท่านั้นเอง

ความทน - อันนี้ยกนิ้วให้ กลิ่นทนดีงามจริงๆ กับราวๆ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ กับการใช้ 5 สเปรย์มาตลอด ซึ่งถ้ามองที่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็นก็ราวๆ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่เป็นออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้อิงเคมีผิวกายของผู้ใช้เลย เพราะอาจจะได้รับกลิ่นที่แตกต่างกันไปในพื้นฐานของการเป็นกุหลาบและ Animalic Musk โดยที่ไม่มีโทนตะวันออกกลางหรือ Oud ใดๆ มาเกี่ยวข้อง (เพราะถ้าเกี่ยวเมื่อไหร่มีหรือที่แบรนด์จะไม่เอาลงเพื่อให้ได้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากแถบนั้น) ซึ่งจากการใช้งานกลิ่นนี้มาไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง เพื่อซึมซับทุกสิ่งอย่างที่กลิ่นจะบอกความรู้สึกออกมา ก็ขอบอกได้เลยว่า

นี่แหละหนึ่งในงานศิลปะอันยอดเยี่ยมผ่านกลิ่นที่สามารถสร้างความแตกต่างจากการรับรู้ตามประสบการณ์ของแต่ละบุคคลจาก Serge Lutens”

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางาหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น