วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2563

Review: Tom Ford - Ombre Leather (2018)

Tom Ford - Ombre Leather (2018)

เมื่อปี 2016 การเปิดตัวหนึ่งใน Private Blend Collection ของ Tom Ford กับกลิ่นอายความเป็นหนังในรุ่น Ombre Leather 16 ถือว่าสร้างความน่าสนใจมากว่าจะฉีกตัวเองออกจากร่มโพธิ์ดังของแบรนด์อย่าง Tuscan Leather ได้ขนาดไหน ซึ่งก็ได้สร้างอัตลักษณ์ความเป็นโทนหนังที่แม้จะมีรากฐานกลิ่นที่เป็นแนวเดียวกับรุ่นดัง จนหลายๆ คนอาจจะเรียกว่า Tuscan Leather Ver.2 แต่ก็เดินฉีกไปทางกลิ่นอายสายหนังเท่ห์ๆ เด่นเสียมากกว่า (จากที่ได้เทสส่วนตัวแบบผ่านๆ)

แต่พอในปี 2018 การประกาศของแบรนด์ที่จะมีการ Re-Release ตัวเดิมแยกเอาความเป็น Ombre Leather ออกมาเป็นหนึ่งใน Signature Collection ปกติ โดยที่ Ombre Leather 16 เองก็ยังวางจำหน่ายอยู่เรื่อยๆ (อาจจะจำหน่ายจนกว่าจะหมด หรือไม่ก็ควบ 2 สายแบบนี้ไปเรื่อยๆ) และเมื่อได้มาใช้งานจนตกผลึกได้ที่ ก็ได้เวลาของการเล่ากลิ่นแล้วล่ะ

บอกก่อน - เนื่องจากเคยผ่านการลอง Ombre Leather 16 มาแบบผ่านๆ เลยจะไม่ได้มีการเปรียบเทียบความแตกต่าง เน้นการเล่ากลิ่นที่ Ombre Leather (2018) นี้เพียงอย่างเดียว

การเปิดตัวค่อนข้างจะบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า Center Note ที่จะอยู่กันตั้งแต่ต้นยันจบไม่หนีไปไหน โดยจะเปิดด้วยกลิ่นหนังที่มีลูกเล่นซ้อนจากโทนสดชื่นแบบประปรายกำลังดีซ้อนไปกับกลิ่นหวานเผ็ดเย้าของเม็ดกระวานสร้างความปร่า Spicy ให้จับต้องได้แบบที่มาเต็มกันก่อนในวูบแรกแล้วจะผ่อนลงมาสร้างความหวานเผ็ดเย้าเนียนๆ รวมถึงมีกลิ่นออกทางเขียวเจือเมทัลลิคหน่อยๆ ของใบไวโอเล็ตคลอไปกับกลิ่นโทน Citrus ติดขมที่สร้างความเป็นโทนบรรยากาศ คลอกับกลิ่นหนังได้เป็นอย่างดีร่วมด้วย ทำให้ความรู้สึกภาพรวมจะเหมือนอยู่ในร้านเครื่องหนังชั้นดีที่กลิ่นจะไม่ได้ออกทางสาบหนังจัดๆ แต่เป็นกลิ่นหนังที่ให้ความอวลกำลังดีเจืออากาศเย็นๆ บรรยากาศสดชื่นอ่อนๆ ได้น่าสนใจมาก ซึ่งเมื่อกลิ่นดำเนินไปซักครู่ จะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนดอกไม้ขาวอ่อนๆ เข้ามาสร้างความหอมนวลระเรื่อทีละนิดๆ ทำให้กลิ่นเริ่มมีมิติระเรื่อนวลเข้ามาร่วมด้วย

การปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่จะเริ่มที่โทนหนังจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น มีมิติกลิ่นให้จับต้องได้แบบเวลาที่เราได้กลิ่นแจ็คเกตหนังชั้นดีหลังจากสวมลงไป ผสมผสานกับกลิ่นหอมระเรื่ออ่อนๆ จากมะลิเบาๆ กลิ่นปร่าเย้ายวนของกระวานอ่อนๆ เคล้ากลิ่นอวลผิวกายเนียนๆ กลิ่นหนังจะมีความ Smoky กำลังดี มีความดิบแบบสาบปลุกเร้า Animalic ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ดิบห่ามจัดจ้าน เพราะต้องยกให้กลิ่นมะลิและกลิ่นที่ตามมาจากช่วงต้นที่เกลาให้กลิ่นมีความสมูธมีระดับและมีความ Cool ชัดเจน โดยที่คุมโทนการเป็นกลิ่นหนังที่มีระดับแบบไม่ต้องซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ให้ความเป็นกลิ่นหนังที่มีเสน่ห์และเท่ห์ โดยมีความเรียบหรูแทรกซึมให้จับต้องได้ตลอด ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปพอสมควรความอบอุ่นติดไม้หอมแห้งหน่อยๆ จะเริ่มเด่นชัดขึ้น และมีกลิ่นระเรื่อออกทางพิมเสนหน่อยๆ เข้ามาทำให้กลิ่นหนังมีมิติกลิ่นที่ลุ่มลึกมากขึ้น โดยที่กลิ่นหนังจะมีโทนออกทางไม้หอมแห้งๆ มาตีคู่แบบที่สมดุลย์กำลังดี แบ่งพาร์ทกันได้อย่างน่าสนใจ เพราะกลิ่นที่ได้รับจะได้ความเป็นหนังคลอกับไม้หอมแห้งๆ อบอุ่น มีความอวลรุมๆ ติดโทนแอมเบอร์หน่อยๆ และมีกลิ่นออกทางคล้ายหมึกกับความเขียวเข้มๆ ของ Oak Moss ให้รู้สึกได้อยู่ตลอด อารมณ์กลิ่นช่วงนี้แอบมีพื้นฐานที่คล้ายรุ่น Tuscan Leather อยู่พอประมาณ แต่ก็ไม่ได้มีลูกเล่นของกลิ่นราสเบอร์รี่ที่ทำให้มีลูกเล่น Fruity แต่อย่างใด ทำให้กลิ่นมีเส้นทางการเดินไปในอารมณ์แบบสวมแจ็คเกตหนังแล้วกลิ่นกายกับกลิ่นเสื้อแจ๊คเกตเบลนด์ไปด้วยกันอย่างลงตัว สร้างมิติกลิ่นหนังอุ่นอวลมีเสน่ห์ที่ทันสมัยเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ซึ่งกลิ่นหนังมีความกลางๆ ในการใช้งานไม่ว่าจะเพศไหนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเน้นกลิ่นหนังสายเท่ห์อันนี้บอกเลยว่าตอบโจทย์ ซึ่งกลิ่นนี้เข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะถ้ามากไปอาจจะเป็นร้านเครื่องหนังเดินได้เอาเสียเปล่าๆ ซึ่งใส่ได้ทั้งทางการและทั่วๆ ไป เน้นแบบเท่ห์ขรึมสมาร์ท หรือว่าจะไม่ทางการแต่ใส่เสื้อหนังเท่ห์ๆ พร้อมขี่ฮาร์เล่ย์อะไรประมาณนี้ก็ได้ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีที่สุด เพราะกลิ่นอาจจะตีขึ้นจนตึ้บได้ ส่วนยามค่ำคืน บอกเลยว่าจัดไป เพิ่มสเปรย์หน่อยสู้กับคนอื่นได้สบาย

ความทน - อันนี้ต้องบอกว่ายอดเยี่ยม เพราะว่า 15 ชม. กลิ่นยังอยู่ อาบน้ำไปแล้วยังติดผิวเบาๆ อยู่ เรียกว่าของเขาดีจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นและอยู่กันพอสมควร ก่อนจะลดลงมาเป็นปานกลางซักพักใหญ่ พอพ้นไปซัก 4 ชม. ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ จนเมื่ออยู่ไปถึง 12 ชม. ถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent

สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นหนังที่สร้างอารมณ์เท่ห์ๆ กับการสวมแจ็คเกตหนังมาดขรึมมีเสน่ห์ได้ดีมาก ฉีกออกจาก Tuscan Leather ได้อย่างดี และคุมโทนกลิ่นหนังที่มีระดับได้อย่างชัดเจนกันยาวๆ เรียกว่าเป็นเรื่องที่ดีที่การปรับมาสู่สายปกติทำให้การเข้าถึงใช้สอยถอยมาครองได้ง่ายมากขึ้น เพราะสาย Private Blend ราคาโหดไม่น้อยเลย

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ถือเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.artpartner.com/artists/film-print/anthony-cotsifas/archive/story/tom-ford-ombre-leather/


 

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 พฤษภาคม 2565 เวลา 22:11

    ชอบรีวิวมากๆ เลยครับ ไม่เฉพาะแค่น้ำหอมตัวนี้ แต่ชอบรีวิวของน้ำหอมทุกตัวใน blockpost นี้เลย ขอบคุณมากๆ ที่เขียนรีวิวดีๆ ออกมาให้ได้อ่านนะครับ ^^

    ตอบลบ