วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Review: Guerlain - Samsara Eau de Parfum (Red Bottle)

Guerlain - Samsara Eau de Parfum (Red Bottle)

จากรุ่น EDP Vintage แน่นอนว่าความอยากรู้อยากเห็นก็ต้องต่อเนื่อง เพราะว่า Samsara EDP เองก็มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะ อย่างรุ่น Vintage เองก็เป็นขวดใส ก่อนจะมาเป็นช่วงขวดสีแดงแรงฤทธิ์และงดงาม ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นรุ่น Bee Bottle ในปัจจุบัน ซึ่งก็ไม่รู้จะมีเวฟไหนอีกไหม แต่ที่แน่ๆ เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ารุ่นขวดแดงเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งความงดงามทางกลิ่นที่ Guerlain เองก็คงคุณภาพของตัวเองมาเป็นอย่างดี เช่นนั้นจะไปไหนเสีย ก็ต้องมาลองให้รู้ จะได้เข้าใจได้ว่าทำไม Samsara ถึงได้มีดีอย่างต่อเนื่องมากขนาดนี้

กลิ่นเปิดค่อนข้างมีความชัดเจนมากถึงโทนที่สมดุลย์กันพอดีระหว่างความเป็น Citrus ติดเขียวปร่า Spicy หน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) และความเป็นพีชที่ไม่ได้หวานมากแต่ให้ความหวานนวลกึ่งแห้งที่ค่อนไปทางหวานเจือจืดติดเขียวชื้นเล็กๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีกลิ่นของกระดังงาผสมผสานอยู่ด้วยเพียงแต่จะไม่ได้เด่นนำออกมานัก แบบที่ไม่ได้มีโทน Indolic ออกมาชัดมาก แต่ให้ความสดชื่นเป็นการเปิดตัวในการเป็นลักษณะกลิ่นแบบ Fruity Yellow Floral เสียมากกว่า เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้ใสนัก เพราะมีความหนาอวลประมาณหนึ่งเพราะผ่านไปซักวูบนึงจะรู้สึกได้ว่ามีโทนแป้งรองพื้นอยู่ด้านหลัง ซึ่งทุกอย่างมีความพอดีเป็นลูกผสมโทนที่ลงตัวจับต้องได้หมดทุกโทน และกลิ่นชัดเจนได้อย่างน่าสนใจมาก

การเข้าสู่ช่วงกลางจะมีโทนแป้งสอดรับขึ้นมาแทนที่โทนสดชื่นที่ลดทอนลงไปเหลือเพียงประปรายซึ่งเนื้อกลิ่นจะค่อนข้างมีควาามสมดุลย์พอสมควรเพราะโทนแป้งที่มีมิติทั้งได้ความโปร่งเจือหวานติดปลายเขียวของไวโอเล็ต ความเป็นแป้งฝุ่นเบาๆ แบบไอริสเคล้ากับความหอมดอกไม้ของกระดังงาที่ยังตาามาในช่วงนี้และมีดอกมะลิที่ให้ความนวลติดตุ่ยๆ Indolic เบาๆ ไม่ได้หนักหน่วงมากนัก แต่ที่สำคัญคือ เนื้อกลิ่นติดโทนแป้งกึ่งอับเจือเนื้อ Buttery แบบหัวเหง้าใต้ดินของเหง้าออริสที่จะสร้างอารมณ์กลิ่นที่จับต้องได้ชัดพอสมควร แถมกลิ่นไม้จันทน์หอมยังเปิดตัวออกมาเป็นตัวเสริมให้กลิ่นมีความจิดนวลหอมซ้อนลงมาอีก เลยทำให้กลิ่นในช่วงกลางจะมีความน่าค้นหากึ่งมั่นใจและมีความทันสมัยมากขึ้น เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนสไตล์ Floral Classic อยู่ก็จริง แต่เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สร้างความเชื่อมโยงสู่โทนที่ร่วมสมัยแบบมีมิติเป็นสายสนับสนุนกลิ่นโทนแป้งที่มีความเย้ายวนและดึงดูดแบบที่ให้ความมีระดับ รวมถึงจับต้องผู้ใช้งานได้ในหลายๆ ช่วงวัยเสียมากกว่า เลยทำให้ช่วงกลางเด่นที่โทนแป้งเจือดอกไม้และไม้หอมที่มีเสน่ห์แบบสมดุลย์กำลังดี

เมื่อไม้จันทน์หอมค่อยๆ เทคโอเวอร์กลิ่นมาขึ้นตามลำดับ จนโทนสดชื่นในตอนแรกไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะให้โทนลักษณะที่มีความ Unisex มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าความร่วมสมัยมาเต็ม โดดเด่นที่โทนไม้หอมอย่างจันทน์หอมที่เป็นตัวเดินกลิ่นสำคัญ ซึ่งจะมีโทนวานิลลาแบบไลท์เวอร์ชั่นไม่ได้ข้นไป ขนมไป แต่ให้ลักษณะที่เป็นแป้งหอมติดหวานอบอุ่นอ่อนๆ และมีความครีมมี่นวลๆ นุ่มนมเล็กๆ ของถั่วตองก้ามาสนับสนุน ได้อารมณ์กลิ่นอายสไตล์วานิลลาที่เป็น Signature ของแบรนด์อยู่ครบถ้วน แถมสอดรับพอดีกับโทน Soft Musk ที่ให้ความนวลสะอาดอ่อนๆ ซึ่งกลิ่นช่วงนี้นอกจากที่จะเป็นโทน Unisex แล้ว ยังมีลักษณะที่เข้าถึงได้ง่ายมีโทนสว่างนวลละมุนมากขึ้น โดยยังคุมโทนการเป็นกลิ่นโทนร่วมสมัยที่กำลังดีและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยยังคงความมีคลาสมีระดับไว้ได้ดีเหมือนเดิม

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ตัว EDP ขวดแดงนี่ค่อนข้างที่จะเป็นกลิ่นที่มีความทันสมัยและร่วมสมัย โดยเข้าถึงการใช้งานที่ตอบโจทย์ช่วงวัยสาวๆ มากขึ้นเสียด้วย แถมเสริมความมีเสน่ห์ มีลูกเล่นเย้ายวน มีระดับและมีคลาสในเนื้อกลิ่นที่ไม่ธรรมดา ไม่ได้กิงก่องแก้วหรือเอะอะก็ดูอ่อนหวานจากไหน ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่การใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ หรือออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางเท่าไหร่แค่นั้นเอง ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือว่าใส่แนวโรแมนติคจะดีกว่า เพราะกลิ่นสไตล์นี้ไปสู้กับการแน่นอวลแข่งกันแย่งซีนในการท่องราตรีไม่น่าไหว ส่วนผู้ชายถ้าจะใช้รุ่นขวดแดงขวดนี้ บอกเลยใช้ได้สบายมาก เพราะกลิ่นมีความ Unisex เป็นพื้นฐานจากโทนไม้หอมสูงเลยทีเดียว และกลิ่นไม่ได้สาวจ๋าจนดู Grand Opening แต่อย่างใดด้วย

ความทน - กลิ่นทนดีงามที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ และไปต่อได้อีกราวๆ 2 ชม. ถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัวและเหมาะสม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางไปราวๆ 2 - 3 ชม. ที่เหลือจะเป็นออร่ารอบๆ ไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 6 - 7 ชม. ถึงเริ่มเป็น Skin Scent

สรุป - จากที่ผ่านการใช้รุ่น Vintage มาถึง EDP ขวดแดง ต้องบอกว่ามีดีคนละอย่าง ซึ่งนอกจากจะมาต่างช่วงเวลากันแล้ว ความเป็น Vintage จะมีความ Classic ที่ค่อนข้างชัดสู่โทน Modern ที่เนียนๆ จนเป็นลักษณะกลิ่น Timeless ที่มีเสน่ห์ แต่ EDP ขวดแดงจะเป็นการบาลานซ์กลิ่นที่ดีผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จั่วหัวที่มีความร่วมสมัยที่ชัดเจนและมีโทน Classic หน่อยๆ เป็นตัวเสริมให้กลิ่นคงสไตล์ Timeless ได้ดีอยู่ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นต่างมีความดีงามในตัวเองสูงมากในพื้นฐานกลิ่นเดียวกัน ซึ่งก็เข้าใจเลยว่าทำไมรุ่นขวดแดงก็เป็นตัวพีคของการเป็น Samsara มาอย่างยาวนาน สุดท้ายเหลือรุ่นขวด Bee Bottle ที่เป็นโซนปัจจุบัน (ปรับสูตรแน่นอน) ที่ยังไม่ได้ลอง ถ้ามีโอกาสค่อยมาว่ากันภายหลัง 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://fehilys.ie/product/guerlain-samsara-edp-30ml/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น