วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Review: Roja Parfums - Elysium Parfum Cologne

Roja Parfums - Elysium Parfum Cologne

ความดังของ Elysium ที่ทะลุแป้งอย่างมาก พร้อมกับคุณภาพกลิ่นและส่วนผสมที่มาสาย Top ตามด้วยราคาที่เรียกว่ามาสาย Luxury กันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย (เห็นแล้วอาจจะขนลุกเอาได้) รวมถึงการเอาไปเปรียบเทียบกับกลิ่นอื่นๆ ที่อยู่ในเทรนด์กลิ่นเดียวกันอีกมากมายแบบกวาดมาหมดทั้ง Team Aventus เลย ยังลามไปถึงสาย Designer อย่าง Dior Sauvage หรือ Bleu de Chanel เสียด้วย

แต่สำหรับ Roja Parfums ส่วนตัวเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เพราะไม่งั้นรุ่นนี้คงไม่ได้ดังมาก และเป็นอีกตัวที่ได้รับความนิยมสูงมากของแบรนด์ เช่นนั้นขอมาพินิจพิเคราะห์กันหน่อยว่าเนื้อกลิ่นจะเป็นยังไง

ต้องยอมรับเลยว่ากลิ่นเปิดทำกลิ่นสาย Citrus ฉาบไม้หอมเจือผลไม้เปรี้ยวหน่อยๆ ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากเกินคาด ซึ่งเรียกว่าสนุกมากในการแยกกลิ่นเด่นกลิ่นรอง ซึ่งแน่นอนสิ่งที่จับต้องได้เป็นตัวรองพื้นกันให้รู้สึกได้ตลอดและยาวไปจนถึงช่วยท้ายของน้ำหอมเลยนั่นคือ โทนไม้หอม ที่เป็นลูกผสมระหว่างหญ้าแฝกและไม้ซีดาร์ที่แท็คทีมกันได้อย่างสมูธและลงตัว เสริมให้กลิ่นเด่นของ Citrus ที่เด่นชัดกับความเปรี้ยวหอมของมะนาวที่วูบขึ้นมาทักจมูก ให้รู้สึกสดชื่นก่อนจะซ้อนต่อเนื่องด้วยเกรปฟรุตที่ให้ความเปรี้ยวติดแปร่งสว่าง โดยมีมิติติดเปรี้ยวเจือหวานปลายกลิ่นค่อนไปทางสไตล์ Cologne ของเลมอน ปิดท้ายด้วยกลิ่นติดเปรี้ยวขมสร้างบรรยากาศติดเขียวปร่าหน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เรียกว่ากลิ่นเปิดขนเอาสาย Citrus มาครบไม่พอ ยังเสริมมิติกันได้ดี โดนดันให้เกรปฟรุตเป็นหลักในการสร้างโทนสดชื่นสว่างและรื่นรมย์เรียกแขก ซึ่งมิติของกลิ่นจะมีโทนผลไม้ที่ติดเปรี้ยวสดชื่นของแอปเปิ้ลเขียวและมีกลิ่นติดเปรี้ยวหอมติดเบอร์รี่สีเข้มอย่างแบล็คเคอแรนท์เคล้าเขียวๆ ติดขมๆ อยู่ด้วยประปราย แต่เป็นตัวเสริมที่ดีที่ทำให้กลิ่นเป็นธรรมชาติมากขึ้นและมีลูกผสมต่างๆ ที่ทำให้กลิ่นมีมิติในโทนสดชื่นสว่างได้พอเหมาะมาก

เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มมีตัวแชร์อย่างโทนเขียวติดปร่าของจูนิเปอร์เบอร์รี่ ที่ให้อารมณ์กึ่งเหล้าจินหน่อยๆ เสริมเข้ามาและโทนไม้หอมต่างๆ เริ่มเทคโอเวอร์ตามลำดับ ก็เป็นการปรับตัวเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่จะเป็นการตีคู่ที่ลงตัวมาก จากการเป็น Citrus ฉาบฉากหลังที่เป็นไม้หอม ก็จะเป็นไม้หอม + Citrus ที่ตีคู่ขนานคลอเคลียเสมอไปด้วยกันสร้างโทนสดชื่นที่จับมิติไม้หอมสว่างๆ ที่เป็นการผสมผสาน Rich Tone ของหญ้าแฝกและไม้ซีดาร์ กับโทนเปรี้ยวสดชื่นได้ดี แน่นอนว่าโทนผลไม้สายเปรี้ยวจะยังไม่หนีไปไหน ยังคงจับแอปเปิ้ลเขียวและแบล็คเคอแรนท์ได้ชัดมาก ซึ่งไม่มีโทนหวานมาให้รู้สึกได้เลย แต่เป็นโทนรื่นรมย์ที่มาสร้างความอะโรม่าปรับให้โทนสดชื่นมีความสมดุลย์ไม่โดดที่เกรปฟรุตจ๋าเกินไป แต่จะมีกลิ่นโทนเขียวปร่าจูนิเปอร์ที่ให้ความเขียว มีความติดฝาดกึ่งปร่านวลของพริกไทยสีชมพูที่มาสร้างความ Aromatic เกลาให้กลิ่นมีความสดชื่นติดโทนสมุนไพรเข้ามาร่วมด้วย โดยมีกลิ่นออกทางดอกไม้อ่อนๆ ประปราย ซึ่งแน่นอนเมื่อดมเข้าใกล้ผิวกายก็ยังจะได้กลิ่นติดเค็มอ่อนๆ แบบผิวกายตามธรรมชาติอยู่ และจะเริ่มจับต้องถึงกลิ่นออกทางหนังที่ค่อยๆ เนียนแทรกตัวขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นติดนวลๆ ปนอบอุ่นอ่อนๆ ที่ค่อยๆ เปิดตัวออกมาทีละหน่อยๆ ให้จับต้องได้ยาวพอสมควร ก็จะเริ่มเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ช่วงต่อไปในที่สุด

ช่วงท้ายของน้ำหอมจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโทนสดชื่นมาเป็นตัวสนับสนุนที่ยังจับต้องได้อยู่ แต่เป็นการให้ Effect ความสดชื่นสว่างๆ อยู่เช่นเดิม แบบเป็นความรู้สึกแรกที่เราจะจับรู้ตอนจับต้องกลิ่น แล้วจะเป็นกลิ่นไม้หอมของหญ้าแฝกที่มาสายไม้แห้งแต่ไม่อวลหนักกับไม้ซีดาร์ที่ให้ความโปร่งของกลิ่นกำลังดีเป็นตัวหลักที่จับต้องได้ชัดเจน รองพื้นด้วยกลิ่นออกทางเค็มนวลอ่อนๆ ที่ให้ความ Animalic ที่ไม่ได้ถึงกับสาบปลุกเร้า แต่ให้อารมณ์ผิวกายนวลเค็มซึ่งลักษณะนี้ชัดเจนที่เป็นกลิ่นสาย Rich Tone ของ Ambergris แถมยังเสริมด้วยวานิลลาอ่อนๆ ที่สร้างความหรูหรานุ่มนวลให้กลิ่นได้ดีมาก ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นหนังที่เสริมสร้างความเท่ห์ร่วมด้วยอยู่ประปรายให้รู้สึกได้ โดยที่กลิ่นจะมีความอบอุ่นกำลังดี โดยที่ต้องชมเลยว่าไม่มีลูกกลิ่นที่มีโทนหวานมาแย่งซีนแต่อย่างใด แต่ให้ความเป็นกลิ่นอายนวลๆ เจือไม้หอมแห้งๆ กึ่งสมุนไพร ปะหน้าด้วยกลิ่นสดชื่นที่เหลือเบาๆ ให้โทนสว่างได้ดีอยู่ ปิดท้ายการเป็น Elysium ยาวๆ ไปได้ลงตัว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปใช้งานได้สบายมาก เพราะเนื้อกลิ่นมีความ Trendy ที่ความนิยมไม่ตกง่ายๆ และเอาความดีงามของฝั่งหรูหรา สมาร์ท มีระดับ มาเจอกับสายเท่ห์ เย้ายวน เรียกร้องความสนใจได้ตรงกลางพอดี เลยเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย แต่ถ้าใส่ออกกำลังกายแอบเปลืองไปหน่อยนะ ส่วนยามค่ำคืนเอาจริงๆ ก็ครอบจักรวาลอยู่ แต่ถ้าไปเจอกับพวกสายแน่นอวลยามท่องราตรี ก็โดนกลบได้ เช่นนั้นไว้ใส่แบบโรแมนติค ทั่วๆ ออกงาน หรือแบบไปจิบชิลล์ๆ จะดีกว่า 

ความทน - อยู่ที่ 8 - 10 ชม. เป็นสำคัญ เรียกว่าเรื่องนี้มีความดีงามครบถ้วน โดยส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. เลยทีเดียวกับการใช้ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และคงตัวเรื่องการกระจายที่ดีกันยาวๆ ไปซัก 3 ชม. ได้เลย ถึงค่อยลดลงมาปานกลางไปพอสมควร พอราวๆ ซัก 8 ชม. แล้ว ถึงลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแล้วผ่อนลงไปเรื่อยๆ ตามลำดับตามแต่ละสภาพผิว

สรุป - แน่นอนมันหนีไม่พ้นการเอาไปเปรียบเทียบ เพราะกลิ่นนี้มีลักษณะโทนกลิ่นที่เป้นแนวเดียวกับโทนฮิตอย่าง Aventus ซึ่งจะมีคนจับไปเทียบก็ไม่แปลก (ซึ่งถ้ามีกลิ่นสับปะรดมาด้วยก็ใช่ Aventus เลยล่ะ) แต่ถ้ามองลักษณะเนื้อกลิ่นแล้ว โทนจะมีความกึ่งกลางระหว่างการเป็น Aventus กับ Dior Sauvage เสียมากกว่า เหมือนเอาความดีงามของ 2 รุ่นนี้ มาสร้างเป็นกลิ่นอายที่เฉพาะขึ้นมา แนว R&D แบบที่แม้จะอยู่ใน Mainstream แต่ก็พัฒนาเป็นโทนของตัวเองที่แน่นอนว่ามีความหรูหรา มีระดับ และมีความเท่ห์ Cool มาครบเลย แถมจะบอกว่าก็อบปี้มาก็ไม่ได้ด้วยเพราะมันไม่ได้เหมือนทั้งหมด แถมด้วยผลพลอยได้อย่างคุณภาพกลิ่นที่มาจากส่วนผสมคุณภาพสูงทั้งหมด เรียกว่าต้องยอมให้เขาเลยล่ะว่าทำกลิ่นออกมาได้ดีจริงๆ

หมายเหตุ

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://rojaparfums.com/fragrance/elysium-pour-homme-parfum-cologne

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น