วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Review: Juliette Has a Gun - Sunny Side Up

Juliette Has a Gun - Sunny Side Up

เจอคำว่า Sunny Side Up ในการเป็นชื่อรุ่นน้ำหอมแล้วถึงกับงงๆ ในตอนแรก “อะไรหว่า Juliette Has a Gun ทำน้ำหอมกลิ่นไข่ดาวเหรอ จะหิวไหมเวลาใช้ หรือจะเหม็นคาวไข่หรือเปล่าวะนั่น” เพราะคำว่า Sunny Side up เป็นการเรียกประเภทไข่ดาวที่ทอดเพียงด้านเดียว แล้วไข่แดงยังเงาวับเหมือนพระอาทิตย์ และเมื่อเจาะไข่แดงโจ๊ะเข้าไปแล้ว ยังเยิ้มเป็นลาวาทะลักออกมา ซึ่งไข่ขาวจะมีขอบกรอบๆ หรือเป็นขอบขาวนุ่มก็ได้ตามแต่ความชอบ เลยทำให้มีความก่งก๊งกันไปเลยว่าตกลงแบรนด์นี้จะสื่อสารกลิ่นออกมาอย่างไร หรือจริงๆ เป็นการเล่นคำที่เป็น Idioms เฉพาะ หรือว่าเปรียบเปรยอารมณ์เปรมปรีเวลาเห็นอาหารเช้าที่มีไข่ดาวสไตล์ Sunny Side up กันแน่

แต่เอาจริงๆ น่าจะลงเอยที่การเล่นคำและอารมณ์มีความสุขและความร่าเริงตามความหมายของ Idioms เสียมากกว่า โดยที่เอาความเป็นสีขวดขาวและฝาสีเหลืองไข่แดงมาเป็นตัวเรียกความสนใจแบบเดียวกับเวลาเราเห็นไข่ดาว เช่นนั้นเนื้อกลิ่นจะมีไข่ด้วยหรือไม่ หรือเป็นอย่างไรมาตามกันต่อได้เลย

Sunny Side Up เรียกว่ามาสายครีมมี่แบบเบาๆ กำลังดีที่ยืนพื้นกลิ่นชัดเจนด้วยโทนไม้จันทน์หอมและ Musk ที่จะเป็นตัวหลักแบบ Center Note ที่อยู่ยั้งยืนยงยาวไปจนกว่าน้ำหอมจะโบกมือลาผิวกายเลย ซึ่งในช่วงต้นความเป็นไม้จันทน์หอมจะเป็นฉากหลังที่ให้ความเป็นกลิ่นไม้จืดครีมมี่หอมอ่อนๆ รองพื้นให้จับต้องได้ เคล้ากับกลิ่นโทนอบอุ่นของวานิลลาที่มาแบบไลท์เวอร์ชั่นมากๆ แต่ให้ความนวลๆ ออกทางแป้งหอมอบอุ่นอ่อนๆ คลอผิวกายนวลละมุน โดยที่เนื้อกลิ่นมีความหวานนวลหน่อยๆ ของดอกไม้ขาวบางๆ ซึ่งกลิ่นเปิดเรียกว่ามีความมินิมัลสูงมาก กลิ่นไม่เยอะสิ่งให้ความนวลครีมมี่ลูกคู่ผสมผสาน 3 โทนระหว่างไม้หอม ผิวกายนวล และแป้งอบอุ่นอ่อนๆ แบบที่เรียบง่ายไม่เยอะสิ่ง คุมโทนกลิ่นที่เป็นนวลสว่างได้ชัดเจน

และเมื่อความเป็นไม้จันทน์หอมเริ่มจะเป็นตัวเด่นที่ขยับขึ้นมาเป็นตัวนำโทนกลิ่นมากขึ้นจนเปลี่ยนสถานะในการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอม ช่วงนี้เรียกว่าคนที่ชอบกลิ่นอายสายครีมมี่ติดไม้จิดหอมที่มีเสน่ห์ของตัวไม้จันทน์หอมโทนสว่างจะฟินไปได้เลย เพราะจะได้ความเป็นไม้จันทน์หอมเต็มๆ ที่ให้อารมณ์ครีมมี่ติดจืดหอมเฉพาะตัว โดยจะมีลูกสนับสนุนอย่างโทนออกทางติดแป้งของหัวเหง้าออริส ที่ให้โทนแป้งติดจืดทึบหน่อยๆ แกม Earthy เหงาใต้ดินเล็กๆ แต่ไม่ได้ทึบดาร์กแม้แต่น้อย เพราะมีโทนวานิลลากับมะพร้าวที่เป็นลักษณะแบบกึ่งกะทิอ่อนๆ ที่ไม่ข้นมากมาสนับสนุน เสริมด้วยโทนหวานนวลๆ ของมะลิที่เริ่มจับต้องได้ประปราย ซึ่งช่วงนี้จะได้ความรู้สึกเย็นๆ หน่อยๆ อารมณ์ใกล้ๆ กลิ่นไอติมะพร้าววานิลาที่ไม่ได้ข้นคลั่ก โดยเนื้อกลิ่นจะมีความหยินหยางอยู่ให้พอรู้เพราะเมื่อดมใกล้ผิวโทน Musky แบบผิวกายอวลอบอุ่นอ่อนๆ ก็ยังมีอยู่ให้รู้สึกได้ ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นอีกโทนที่ไม่ได้เยอะสิ่งแต่ให้อารมณ์โทนครีมมี่สีนวลๆ ตาสว่างๆ มีทั้งความอบอุ่นติดหวานนวลและความเย็นเนียนๆ ตีคู่กันไปได้น่าสนใจในความเรียบง่ายมาก

เมื่อกลิ่นเริ่มมีการปรับเปลี่ยนให้โทน Musky เป็นตัวนำทีมแทนแต่ไม่ได้เป็น Musk ที่ข้นนัก อารมณ์มีความติดกึ่งดอกไม้แกมผลไม้ติดหวานเจือเขียวนิดๆ ซึ่งน่าจะชัดเจนว่าเป็นกลิ่นอาย Musky ที่มาจากพืชหรือ Ambrette ที่จะให้โทน Musky นุ่มโปร่งที่มีลูกโทนหวานบางๆ ไม่มีความเป็น Animalic มาเจือปน ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่แน่นอนว่ายังมีโทนไม้จันทน์หอมอยู่แต่จะเป็นตัวสนับสนุนให้มิติความครีมมี่ไม้ไม้หอมนวลปนจืดหอมมีเสน่ห์ แถมเสริมด้วยกลิ่นสารหอมยอดฮิตที่ให้โทนไม้หอมโปร่งๆ สว่างๆ อย่าง ISO E Super มาเสริมให้มีมิติไม้หอมสว่างๆ สอดรับไปกับกลิ่นนวลๆ ของกลิ่นอายสาย Musky ที่ยังมีโทนแป้งวานิลลาบางๆ ฉาบอยู่อ่อนๆ ร่วมด้วย ซึ่งทุกอย่างมีความมินิมัลที่ชัดเจน เรียบง่าย  แต่ก็เรียบหรูในการเป็นโทนนวลสว่างที่ลงตัวแบบที่ไม่ต้องเยอะสิ่งได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่าสำหรับผู้หญิง แต่จริงๆ มีความ Unisex พอสมควรเลยทีเดียว เลยทำให้ผู้ชายเองก็ใช้ได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นนี้เข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการก็ได้ (เพราะไม้จันทน์หอม) และทั่วๆ ไป ชิลล์ๆ ก็สามารถ จะมีก็แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการใส่ออกกำลังกายเท่าไหร่นัก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไป ผ่อนคลาย หรือโรแมนติคจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้เข้ากับการใช้เพื่อปล่อยเสน่ห์ยามท่องราตรีเท่าไหร่นัก

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นหลักและก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้น้ำหอมไปต่อได้ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายกลางๆ ในตอนต้นก่อน แล้วจะพีคขึ้นมากระจายดีราวๆ 3 ชม. ที่เหลือจะแผ่วลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไป 6 - 8 ชม. ก็จะเริ่มติดผิวแล้ว

สรุป - ส่วนตัวมองว่ากลิ่นนี้มีความคล้าย Le Labo - Santal 33 พอสมควร เพียงแต่ว่ากลิ่นมีความ Sheer และเบานวลสว่างมากกว่าประมาณนั้น ซึ่งเข้าทางโทนเรียบง่ายมาสายไม่ต้องลีลาเยอะ แต่ก็ทำให้เธอ Happy ได้ อะไรประมาณนี้ ซึ่งถ้าใครที่ชอบความซับซ้อนอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ได้หวือหวานัก แต่ถ้าไม่ได้มองที่ความซับซ้อนอะไรมาก กลิ่นแบบนี้เรียกว่าสร้างเสน่ห์สไตล์มินิมัลนวลสว่างเบาๆ ได้ลงตัวเลยล่ะ     

หมายเหตุ

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.amazon.com/Juliette-Has-Gun-Sunny-Parfum/dp/B074JZYYK6

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น