วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Review: Rogue Perfumery - Derviche

Rogue Perfumery - Derviche

ต้องยอมรับเลยว่า Rogue Perfumery ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์สายอินดี้ที่มีการเติบโตขึ้นมาสู่การเป็นแบรนด์ Niche Perfumery ที่มีสไตล์เป็นของตัวเองและในแวดวงน้ำหอมต่างก็ยอมรับในฝีมือเป็นอย่างมาก โดยมี Concept หลักในการถ่ายทอดกลิ่นอย่างการ Tribute กลิ่นอายสาย Vintage งามๆ ต่างในอดีต และมาปรับให้เป็นสไตล์กลิ่นที่มีความร่วมสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายที่มีความดีงามในสไตล์เดิมอยู่ด้วย รวมถึงการดึงเอาจุดเด่นของน้ำหอมที่งดงามในอดีตอย่าง Note กลิ่นหรือสไตล์กลิ่นนั้นๆ นั้นมาต่อยอดเป็นกลิ่นที่มีความเฉพาะตัว โดยยังคงให้เครดิตของเดิมไว้เสมอ ซึ่งเป็นหนึ่งในการเป็น R&D (วิจัยและพัฒนาต่อ) ที่สร้างสรรค์งานศิลปะใหม่ออกมาได้อย่างงดงามมาก

ที่สำคัญแบรนด์มาในแนวสร้างสรรค์กลิ่นด้วยความเป็นศิลปะ โดยยังสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย รวมถึงไร้ซึ่งข้อจำกัดต่างๆ เช่นนั้นเลยโนสนโนแคร์เงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับน้ำหอมได้ตั้งเงื่อนไขไว้ เพราะนี่คือความอินดี้แบบที่จะให้สัมผัสความงามทางกลิ่นจริงๆ ที่ควรจะเป็น เช่นนั้นเรามาเจอกับความหอมของแบรนด์นี้กันหน่อยว่าจะเป็นอย่างไรบ้างกับกลิ่นแรกทีนำมาบอกต่อนั่นคือ Derviche

ก่อนจะเข้าเรื่องกลิ่นที่มาที่ไปของการสร้างสรรค์ของกลิ่นนี้ คือ น้ำหอมรุ่น Emeraude ของแบรนด์เก่าแก่อย่าง Coty ที่ทุกวันนี้ยังมีวางจำหน่ายอยู่ แต่สุคนธกรอย่าง Manuel Cross เองได้ดึงเอาไอเดียของความเป็นกลิ่น Base ที่เป็น Oriental Amber มาเป็นตัวตั้งและมีตัวเปิดที่ดีอย่าง Bergamot มาต่อยอดในการสร้างสรรค์ เช่นนั้นต้องบอกเลยว่า ช่วงเปิดมันคือกลิ่นอายของการเป็นสาย Niche ที่ไม่ได้เน้นการตีหัวเข้าบ้านนัก ซึ่งจะให้อารมณ์กลิ่นติดโทน Indolic กึ่ง Animalic โดยมี Amber เป็นพื้นฐานเสมือน Center ของกลิ่นที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ แต่ Amber ที่จับต้องได้จะไม่ใช่ลักษณะแบบโทน Amber แบบที่เจอๆ มาในน้ำหอมหลายๆ ตัวที่ชูโรงความเป็น Note กลิ่นนี้ แต่จะให้โทนกลิ่นที่ลึกมากขึ้น มีมิติกึ่งโทนหนังนิดๆ เข้ามาซึ่งเป็นลักษณะกลิ่นของ Labdanum ที่เป็นลูกผสมกลิ่นแอมเบอร์ลึกๆ และมีความอวลที่มีพลัง แต่มาแค่ฉากหลังที่จับต้องได้เฉยๆ นะ เพราะโทน Indolic ติดกลิ่นตุ่ยๆ อารมณ์กลิ่นแบบ Dirty ที่จะมีในดอกไม้ขาวแนวมะลิ (แบบว่าเวลาที่เราเอามะลิมาแล้วเอาฝาแก้วครอบปิดจนมันเริ่มเหี่ยวเป็นสีน้ำตาล มันจะมีกลิ่นตุ่ยๆ ออกมาที่ไม่พึงประสงค์ซักเท่าไหร่) ซึ่งนี่แหละตัวดึงดูดสะกิดจมูกให้เกิดความสนใจแหละว่ามันกลิ่นอะไร จากใคร ที่ไหน อย่างไร นอกจากนี้จะมีกลิ่นออกทางซ่าๆ ปร่าๆ ของกลิ่นแนวมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เคล้าไปกับกลิ่นออกทางปร่าอวลๆ ติดพริกไทยของ Frankincense เข้ามาผสมผสานเข้าด้วยกัน เลยทำให้อารมณ์กลิ่นจะได้ความตุ่ยๆ แบบที่มีความสดชื่นเย็นๆ ปร่าซ่าๆ เจอกับความครีมมี่กึ่งหวานที่ไม่ข้นจัดมากของโทน Amber ที่มาจาก Labdanum เจือดอกไม้ขาว เรียกว่ามะรุมมะตุ้มกันพอสมควร และบางคนอาจจะผงะเอาได้เลยเพราะโทน Indolic มันชัดจริงๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเรียกให้เกิดความสนใจ และน้ำหอม Niche ไม่จำเป็นต้องเปิดต้นมาก็เอาใจคนดม แต่ลองรอซักครู่สิ ก็จะเริ่มเห็นความงามของกลิ่นที่กำลังจะตามมา

การปรับเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางความตุ่ยๆ Indolic ในตอนแรกจะเริ่มเพลาลงไปตามลำดับ โดยที่ยังคงความดีงามของโทนแอมเบอร์หอมหวานลึกเจือหนังอยู่เป็นฐานกลิ่นที่สัมผัสได้ชัดเจน แต่สิ่งที่เริ่มเข้ามาสร้งความรื่นรมย์และเปลี่ยนความตุ่ยให้เป็นความหวานโปร่งงามๆ เลยต้องยกให้ใบยาสูบที่เข้ามาเสริมกลิ่นตรงนี้ให้มีความรู้สึกหวานหอมมีลูกลิ่นคล้ายโทน Fruity หน่อยๆ เพราะจับกลิ่นเชอร์รี่ได้ และมีกลิ่นคล้ายโทนน้ำผึ้งหน่อยๆ ที่เสริมกลิ่นยาสูบให้มีความหอมหวานโปร่งมีเสน่ห์ชัดเจนมาก และไม่พอวานิลลาก็ปรากฎตัวมาร่วมกับเขาด้วยแบบที่เป็นสาย Support ที่ทำให้กลิ่นมีโทนเล่นของการเป็นโทนออกทางแป้งอบอุ่น กึ่งวานิลลาไซรัปใสๆ ที่ให้ความหวานผ่อนคลายมีเสน่ห์เข้ามาร่วมด้วย รวมสายสนับสนุนตัวอื่นๆ อย่างมะลิที่ลดความตุ่ยลงเหลือเพียงความหอมหวานนวลแทคทีมกับไม้จันทน์หอมที่ให้ความจืดหอมมีเสน่ห์ โดยที่ยังมี่ความปร่าซ่าๆ ของมะกรูดฝรั่งกับโทนยางไม้ติดพริกไทยอย่าง Frankincense อยู่ปลายๆ กลิ่น ซึ่งกลิ่นกลางเรียกว่าครบรสในการรับรู้ทางกลิ่นมาก เพราะได้หมดทั้งกลิ่นอายปร่าซ่าเย็นๆ กลิ่นหวานโปร่งๆ เจือไซรัปกึ่งน้ำผึ้งวานิลลาที่ไม่คมหนัก ตัดนวลด้วยมะลิอ่อนๆ และปิดท้ายด้วยกึ่งแป้งกึ่งแอมเบอร์ลึกๆ ที่มีกลิ่นไม้หอมนวลแห้งๆเคล้ากลิ่นโทน Animalic ที่สร้างความน่าค้นหาในเนื้อกลิ่น สร้างความรื่นรมย์ทางกลิ่นได้แบบแตกต่างจากช่วงต้นจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย

และช่วงท้ายจะเริ่มปรากฎออกมาเมื่อเริ่มจับต้องกลิ่นหวานลึกเจือขมของหญ้าฝรั่นที่ค่อยๆ แทรกตัวขึ้นมา พร้อมกับเอากลับติดอวล Musky ปนโทนสาบ Animalic ของชะมดเช็ดเคล้ากลิ่นหนังเสริมเข้ามา แต่ต้องบอกว่ากลิ่นไม่ได้สาบชะมดเช็ดตุ่ยๆ อะไรแบบนั้น เพราะว่ากลิ่นโทน Amber ลึกๆ ปนหวานหอมโปร่งที่เป็นข้อดีทั้งหมดของช่วงกลางจะยังตามมาจนถึงช่วงนี้ด้วยมาตัดทอนและผสมผสานอย่างสมดุลย์ เลยทำให้อารมณ์กลิ่นจะได้ความ Vintage แต่มีระดับและร่วมสมัย กลิ่นไม่ดิบเกินไป แต่ให้ความรุ่มรวยปนอบอุ่นเนียนๆ ที่มีเสน่ห์เพราะใบยาสูบก็ยังชัด วานิลลาก็เสริมได้ดี Labdanum ก็ยังให้ความเป็นแอมเบอร์อวลลึกที่เสริมด้วยหญ้าฝรั่งสร้างความหวานเจือขมลึกเคล้าสายสาบปลุกเร้าอวลรองพื้น แถมมีกลิ่นคล้ายผิวกายติดเค็มหน่อยๆ ที่สร้างมิติเย้ายวนตามธรรมชาติเข้าไปอีกแบบกลิ่นเป็นฐานล่างสุด เรียกว่ากลิ่นให้เสน่ห์ของความหรูหราปนอบอุ่น หวานลึกเย้ายวนแบบมีเสน่ห์ออกมาครบถ้วนที่ให้ความ Vintage ก็ได้ร่วมสมัยก็ดี ปิดท้ายกลิ่นกันได้อย่างงดงาม

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่เข้าได้หมดทุกเพศ ที่อย่างน้อยต้องผ่านน้ำหอม Vintage มาบ้าง ผ่านน้ำหอมสาย Niche มาซักหน่อย จะเข้าถึงกลิ่นนี้ได้ง่ายขึ้นและมีความสุขกับเนื้อกลิ่นที่สร้างออร่าทั้งภูมิฐานอบอุ่นก็ได้ มีเสน่ห์เย้ายวนน่าค้นหาก็ดี และมีคลาสมีระดับในเนื้อกลิ่นสูงก็สามารถ ซึ่งกลิ่นเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้ข้ามการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนจัดไป ได้หมดเลยทั้งออกงาน โรแมนติค และท่องราตรีแบบสายนั่งชิลล์ (ที่ไม่ได้เน้นไปเต้นรากแตกจากไหน)  

ความทน - ดีงามที่ราวๆ 8 ชม. ขึ้นไป แต่จะไปต่อได้ถึงได้บ้างขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. ได้สบายมาก กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - ช่วงแรกกระจายดีเลยทีเดียว และก็ทำให้ผงะไปพอสมควรกับกลิ่นโทน Indolic ตุ่ยๆ แต่พอเข้าช่วงกลาง จะลดลงมาปานกลางที่หอมมีเสน่ห์มาก แล้วปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัว จนเมื่อผ่านไปซัก 8 - 10 ชม. ก็จะเริ่มเป็น Skin Scent

สรุป - ฝีมือไม่ธรรมดา และต่อยอดแรงบันดาลใจของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมมากจนสร้างสรรค์กลิ่นที่มี Amber เป็นฐาน และมีผู้เล่นสร้างเสน่ห์ทางกลิ่นอย่างยาสูบและวานิลลา แถมด้วยสายส่งเสริมที่สร้างความงามทางกลิ่นในโทนหวานอบอุ่นลึกและไม่ข้นหนักได้อย่างลงตัวโดยแตะได้ทั้งความ Vintage และร่วมสมัย ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มีความงามจากการสร้างสรรค์กันเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ

Photo Credit - https://ecuacionnatural.com/en/producto/dervivche-rogue/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น