วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Derek Lam 10 Crosby - Ellipsis

Derek Lam 10 Crosby - Ellipsis

Derek Lam เป็นหนึ่งใน Fashion Designer ลูกครึ่งจีน-อเมริกันที่มีดีกรีรางวัล CFDA Fashion Award ในปี 2003 ที่เน้นแฟชั่นแนว Ready-to-Wear เก๋ๆ และสายเครื่องประดับต่างๆ รวมถึงรองเท้า แว่นตา และกระเป๋า โดยมีการแตก Business ออกมาเป็น 2 ส่วนคือ แบรนด์ Derek Lam กับ Derek Lam 10 Crosby ซึ่งในแบรนด์หลังนี่แหละ ที่จะมาเล่ากันเพราะว่ามี Collection น้ำหอมที่น่าสนใจไม่น้อยเลยด้วย 

แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะเอามาจากสิ่งที่ได้เห็นผ่านหน้าต่างบ้านตัวเอง ที่มองเห็นผู้คน สิ่งที่เกิดขึ้น และสภาพแวดล้อมต่างๆ มาสร้างสรรค์เป็นน้ำหอม เช่นนั้นก็มาเล่ากลิ่นผ่านรุ่นแรกที่ได้ลองกันหน่อย อย่าง Ellipsis กับแรงบันดาลใจที่เห็นชาย-หญิงที่กำลังเดินสวนกันแล้วมีความสปาร์คบางอย่างเกิดขึ้นผ่านสายตาที่ประสานซึ่งกันและกัน ซึ่งจะสื่อสารกลิ่นนี้ถึงฝ่ายหญิงเป็นหลักกับการบอกเล่าความ Modern และกลิ่นอายสไตล์ผู้หญิงที่เป็น Sex Appeal เฉพาะเพศในการสร้างความประทับใจแรกพบ ซึ่งกลิ่นจะสื่อออกมาด้วยโทนในลักษณะนี้เลย 

Ellipsis จะว่าไปความหมาย คือ การละไว้ในฐานที่เข้าใจโดยจะให้สัญลักษณ์ง่ายๆ คือ ที่ถ้าจับเข้า Concept กลิ่นเกี่ยวกับการประสานสายตา อันนี้ถือว่าตรงประเด็นชัดเจน ซึ่งกลิ่นนี้จะมี Center Notes ที่จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบอย่างโทนกลิ่นมะลิและไม้จันทน์หอมในโทนสว่างติดครีมมี่เบาๆ กำลังดี แต่จะล้อมด้วยโทนกลิ่นอื่นๆ ที่มาสนับสนุนให้ได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วง โดยจะเปิดตัวที่โทนกลิ่นของมะลิที่นำเด่นมาก่อน โดยจะได้ความหอมใสๆ ของมะลิในวูบแรก ตามด้วยกลิ่นโทนเขียว มีความเป็น Citrus แห้งๆ ปน Indolic ตุ่ยๆ ตามลักษณะของมะลิที่เป็นธรรมชาติที่เสริมเข้ามาค่อนข้างไวพอสมควร ทำให้จะรู้สึกได้ถึงมะลิที่มีความใส ปนนวล มีความอึนๆ ตุ่ยๆ นิดๆ เจือ Animalic ที่สะกิดให้รู้สึกเซอร์ไพร์สได้ เพียงแต่ไม่นานนัก ก็จะเข้าช่วงกลางที่จะเริ่มมีความครีมมี่ของไม้จันทน์หอมเสริมเข้ามาทำให้โทน Indolic ตุ่ยๆ จะเริ่มหายไปมาเป็นความนุ่มนวลมีเสน่ห์แบบสีขาวปนครีมกำลังดี เนื้อกลิ่นมีลักษณะแบบติดโทนแป้งปนหวานโปร่งๆ ลักษณะคล้ายโทนคาราเมลหน่อยๆ เสริม พร้อมกับกลิ่นเครื่องเทศเบาๆ อ่อนๆ ที่ให้ความหวานปนเผ็ดนวลๆ ได้ความรู้สึกกึ่งๆโทน Gourmand ขนมๆ พอประมาณ เลยทำให้ช่วงนี้เป็นโทนแป้งนวลที่ให้ความหวานที่มีโทนออกทางหวานขนมนิดๆ ก็ได้ หวานนวลมะลิก็ดี โดยคุมโทนความสว่างของกลิ่นเข้าทางขาวครีมได้ลงตัว แถมมีความเย้ายวนหน่อยๆ ที่แอบเซ็กซี่ไม่โจ่งแจ้งเสียด้วย ซึ่งกลิ่นโทนแป้งหอมมะลิเจือไม้หอมจะยังคงเด่นไปถึงช่วงท้าย แต่กลิ่นจะมีความอบอุ่นมากขึ้น ซึ่งจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายวานิลลาออกทางโทนแป้งเคล้าความหวานโปร่งแนวๆ คาราเมลที่ยังคงชัดเจนอยู่ เนื้อกลิ่นช่วงท้ายมีความอบอุ่นให้จับต้องได้และมีความสะอาดปนหวานนวลๆ ของมะลิเบาๆ อ้อยอิ่งเคล้าไม้จันทน์หอมครีมนวลบางๆ ให้ความนวลหอมชวนยิ้มไปเรื่อยๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยหรือทำงานขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงง่าย และสื่อสารถึงความเป็นโทนสีขาวครีมที่ให้ความละมุนในลักษณะแป้งหอมปนเย้ายวนกำลังดีไปตลอด โดยสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป มีเพียงแค่การออกกำลังกายที่ไม่เหมาะเท่าไหร่กับกลิ่นนี้ ส่วนยามค่ำคืนเน้นทั่วๆ ไปน่าจะดีกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรี โดนกลบมิดจากโทนหวานแน่นทั้งหลายแน่นอน 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งมีบวกลบ 2 ชม. ได้อยู่ อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเจอที่ 6 ชม. กำลังดีเลยกับ 6 สเปรย์ในการใช้งาน 

การกระจาย - กลิ่นค่อนข้างมีความเสถียรพอสมควรในการกระจายตั้งแต่ช่วงต้นยันปลายๆ ช่วงกลาง เพราะจะกระจายปานกลางเรื่อยๆ ไปตลอด พอเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวอยู่พักนึง แล้วจึงกลายเป็น Skin Scent ยาวไป 

ทิ้งท้าย - อารมณ์กลิ่นเหมือนเราเดินสวนกับผู้หญิงในชุดสีขาวแบบ Smart Casual ที่มีเสน่ห์ทำให้เรามองและเขาก็ยิ้มให้เรา พร้อมกับเวลาที่เดินสวนกันจะได้กลิ่นอ่อนๆ นวลๆ ละมุน เรียบง่ายแบบไม่เยอะสิ่งแต่เข้ากันกับบุคลิกผู้หญิงคนนั้นให้รับรู้ได้ จนทำให้ต้องหันกลับไปมองอีกครั้งได้เลย นี่แหละไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจเรียบร้อย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://essenza-nobile.de/fragrances/derek-lam-10-crosby/ellipsis.html

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Louis Vuitton - Rose des Vents

Louis Vuitton - Rose des Vents 

จากความเป็นดอกไม้ขาวที่ให้ความครีมมี่นุ่มนวลโทนขาวสว่างหรูหราใน Turbulences ก็ได้เวลามาสู่โทนสีชมพูอ่อนกับการนำเสนอความเป็นกุหลาบในสไตล์แบบเรียบหรูและรื่นรมย์ของ Louis Vuitton กันบ้าง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการยืนอยู่กลางสวนกุหลาบที่เมือง Grasse แล้วกลิ่นที่ลอยมาตามลมผสมผสานกับบรรยากาศต่างๆ ทำให้เป็นกลิ่นที่น่าพึงใจ เช่นนั้นจะสร้างสรรค์ออกมาเป็นกลิ่นที่ให้เห็นภาพตามแรงบันดาลใจหรือไม่ ต้องพิสูจน์กันหน่อยกับรุ่นนี้ Rose des Vents 

เปิดช่วงต้นกับความเป็น Top Notes ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นติดเขียว ได้อารมณ์กลิ่นอายเขียวอ่อนๆ มีความชื้นปนฉ่ำบางๆ จากโทนผลไม้อย่างพีชที่ไม่ได้ฉ่ำไปหรือหวานไป ค่อนไปทางชื้นๆ เบาๆ กำลังดี และมีกลิ่นสดชื่นออกทางเบอร์รี่โทนเข้มหวานเจือเปรี้ยวอ่อนๆ ผสมผสานอยู่ด้วยแบบเบาๆ โดยจะได้ความรู้สึกแบบสูดอากาศสดชื่นยามเช้าที่มีกลิ่นอายชื้นกึ่งแห้งและมีความเขียวเจือหวานจางๆ เจือมาในอากาศให้ความรื่นรมย์ บางเบาและมีความ Airy แบบกำลังดีตั้งแต่ช่วงแรกเลย และเพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นกุหลาบที่ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาแบบเนียนๆ เรื่อยๆ ผสมผสานกับกลิ่นโทนผลไม้ของพีช และกลิ่นเขียวสบายๆ ธรรมชาติ จนเข้าสู่ Middle Notes ที่จะเป็นโทนกลิ่นกุหลาบเป็นตัวเอก โดยจะมีสายสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นโทนพีชปนเขียวอ่อนๆ ที่ให้ความสดชื่นกับกุหลาบ กลิ่นโทนเครื่องเทศเผ็ดปร่านวลๆ ของพริกไทยที่ทำให้กลิ่นกุหลาบมีความอวลและนุ่มมีเสน่ห์ รวมถึงกลิ่นโทนแป้งอ่อนๆ ที่ทำให้กุหลาบมีความละมุนกำลังดี โดยพื้นฐานของกลิ่นในช่วงนี้จะให้ความเป็นกุหลาบที่รื่นรมย์ลักษณะแบบกลิ่นลอยมาตามลมมีความหอมนวลปนหวานโรแมนติคให้ความเบาๆ Airy ที่ดีมาก ซึ่งกลิ่นไม่ได้ออกทางกุหลาบแห้งที่จะมีความแน่นเข้มของกลิ่นแต่ประการใด ให้ความพลิ้วไหวและเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัวจริงๆ ซึ่งเมื่อผ่านไปซักพักกลิ่นจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นถึงการเป็นโทนแป้งหอมนวลกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ให้ความน่ารักของกลิ่นที่มากขึ้น โดยได้ทั้งกลิ่นกุหลาบตามลมเคล้าไปกับกลิ่นแป้งหอมกุหลาบติดหวานโปร่งอ่อนๆ ติดผิวกาย ซึ่งก็เป็นการเข้าสู่ Base Notes กันเต็มตัวเมื่อกลิ่นเริ่มมีความนุ่มมากขึ้นตามลำดับจากโทนแป้งหอมอ่อนๆ กลิ่นกุหลาบที่มีความนวลนุ่มของกลิ่นโทน Musky อ่อนๆ แบบผิวกายสะอาดๆ เจือความเขียวหวานโปร่งๆ บางๆ ของใบไวโอเล็ตทำให้กลิ่นยังมีความเป็นธรรมชาติหอมรื่นรมย์ โดยจะมีสายสนับสนุนคือ กลิ่นนวลปร่าเบาๆ ของพริกไทย และมีกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ ของซีดาร์ทำให้เป็นโทนสว่าง กลิ่นจะให้ความน่ารัก ผ่อนคลาย รื่นรมย์ และเรียบหรูมีระดับ โดยที่คุมโทนความเป็นกลิ่นอายกุหลาบที่เข้าโทนสีชมพูได้อย่างลงตัวและงดงามทางกลิ่นได้ดีมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ถ้าไม่ได้เน้นเรื่องกิจกรรมอะไรก็ใส่ตัวนี้ได้สบายมาก (เอาง่ายๆ กลิ่นคุณหนูที่ชอบกุหลาบสีชมพูอะไรประมาณนั้น) เพราะเป็นกลิ่นที่มีความน่ารักปนเรียบหรู และสร้างออร่าความเป็นผู้หญิงที่น่ารักและธรรมชาติเคล้าความรื่นรมย์ของกุหลาบได้ดีจริงๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นมาสาย Airy ให้ความระเรื่ออ่อนๆ ที่รื่นรมย์ ไม่เน้นรบกวนใคร จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางเท่าไหร่นัก (แถมเปลืองอีกด้วย มันแพง) ส่วนยามค่ำคืน ให้เน้นใส่แบบสบายๆ ทั่วไปให้ความอะโรม่าและโรแมนติคผ่อนคลายจะดีกว่า เพราะกลิ่นนี้เบาไปกับการใส่ไปท่องราตรี ส่วนคุณผู้ชาย แม้ว่ากุหลาบขวดนี้จะมีความ Feminine สูงก็จริง แต่เพราะกลิ่นมันมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ติดเหม็นเขียวแบบกุหลาบคลาสสิค และไม่ได้รบกวนใครด้วย จะใส่เพื่อเพิ่มความโรแมนติคให้ตัวเองก็ย่อมได้ 

ความทน - เป็นข้อด้อยนิดนึง ท่ามกลางข้อดีในความเป็นธรรมชาติของกลิ่นและความน่ารักและรื่นรมย์มีระดับ คือทนราวๆ 4 - 6 ชม. เป็นสำคัญ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น แล้วจะลดมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวเบาๆ ในช่วงกลาง ปิดท้ายที่ Skin Scent ชัดเจน บอกได้เลยว่านี่คือ Safe Scent ของน้ำหอมโทนกุหลาบเต็มๆ 

ทิ้งท้าย - อีกหนึ่งกลิ่นกุหลาบที่ใช้แล้วมีความสุข เพราะไม่มีกลิ่นโทนกุหลาบแห้งแบบคลาสสิคที่มีกลิ่นติดเขียวเอียนทำให้เวียนหัว ส่วนราคาก็ตัวใครตัวเผือกจ้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit - Fragrantica - https://fimgs.net/himg/o.61186.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Jovan - Silky Rose

Jovan - Silky Rose

เมื่อได้ผ่านการเล่ากลิ่น 2 ใน 3 ของฝั่งไลน์ Limited ของแบรนด์ราคาย่อมเยาว์และคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์อย่างJovan มาก่อนหน้านี้แล้วไม่ว่าจะเป็น Secret Amber และ Intense Oud ก็เหลือรุ่นสุดท้ายของไลน์นี้กับการนำเสนอด้วยชื่อรุ่นที่บอกเล่าถึงกุหลาบที่นุ่มนวลอย่าง Silky Rose เช่นนั้นมาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องเอาให้ครบทั้ง 3 ตัว เช่นนั้นก็ว่ากันที่กลิ่นนี้เลยว่าจะนำเสนอความนุ่มนวล
ออกมาในรูปแบบไหน 

เปิดตัวได้อึ้งพอสมควร เพราะพอดมกลิ่นแล้วขั้นไปมองชื่อรุ่นทันที เพราะว่ากลิ่นที่ฟุ้งกระจายออกมาเป็นโทนเบอร์รี่สีแดงออกทางไซรัปติดเปรี้ยวเจือหวานปลายอย่างเรดเคอแรนท์ เจือกับความเป็นกุหลาบที่ติดโทนเครื่องเทศปร่านวลอ่อนๆ และมีกลิ่นพิมเสนเย้าเสริมให้กลิ่นมีความอวลขึ้น กลิ่นจะผสมผสานกันได้ความรู้สึกในลักษณะคล้ายไซรัปหรือลูกอมเบอร์รี่เจือกุหลาบเปรี้ยวๆ แหลมๆ เม็ดสีแดงเด่นมาเลย ซึ่งความนุ่มนวลยังไม่ได้โผล่ออกมาแต่อย่างใด แต่ก็ให้ความเปรี้ยวหอมอวลแบบมั่นใจที่ไม่ได้ออกทางลั่นล้าเบอร์รี่วัยรุ่นจ๋าอะไรนัก แล้วกลิ่นจะเริ่มมีความหอมโทนดอกไม้ขาวเสริมเข้ามามากขึ้นตามลำดับจนนำเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นกุหลาบจะเริ่มชัดขึ้น เพียงแต่จะออกแนวเป็นตัวสนับสนุนเสียมาก ไม่ได้กลิ่นโดดเด่นออกมากลบชาวบ้านแต่ประการใด ให้ความเป็นกุหลาบนวลติดสะอาดมีความหวานกำลังดีเสียมาก แต่สิ่งที่เด่นขึ้นมาเป็นตัวเอกในช่วงกลางตีคู่กับโทนเบอร์รี่และพิมเสนที่ตามมาจากช่วงต้นเต็มๆ คือ ดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) ซึ่งกลิ่นจะให้ความนวลสะอาด ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะได้ความเป็นไซรัปเบอร์รี่ที่ผ่อนตัวลงมาผสมผสานกับกลิ่นดอกส้มนวลทำให้ได้ความเปรี้ยวปนสะอาดนวลๆ อวลพิมเสนอ่อนๆ แฝงกลิ่นกุหลาบที่เนียนให้ความรู้สึกออกทางสีแดงอมชมพูไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วงนี้เริ่มจะเข้าทางตามชื่อรุ่นแล้วว่าเป็น Silky Rose เพียงแต่เพราะยังมีโทนกลิ่นออกทางเปรี้ยวเบอร์เจือดอกส้มอยู่เลยจะยังไม่ได้สุดมากนัก 

เมื่อผ่านไปพอสมควร ความเป็นลายเซ็นของ Jovan เริ่มชัดขึ้นตามลำดับกับการเป็นกลิ่นโทน Musky ที่เริ่มให้ความนวลสะอาดปนอบอุ่น ก็เป็นการนำเข้าสู่ช่วงท้ายที่เป็นลักษณะกลิ่นอายแบบ Jovan สาย Musk เลย เพียงแต่จะมีกลิ่นของดอกส้ม พิมเสน และกุหลาบที่ยังคงตามมาผสมผสานในช่วงนี้ โดยที่กลิ่นโทนเบอร์รี่จะเบาลงไปเหลือเพียงบางๆ ให้พอรู้สึกถึงโทนกลิ่นที่เป็นโทนออกทางสีแดงอยู่ ความเปรี้ยวจางไป ให้เป็นกลิ่นอายสะอาดๆ เรื่อๆ ปนอบอุ่น โดยมีความเป็นโทนสมุนไพรหน่อยๆ เคล้ากุหลาบอ่อนๆ สะอาดๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว ซึ่งตอนนี้แหละที่ได้ความรู้สึกสมชื่อรุ่นได้ชัดเจนมากขึ้นเพราะกลิ่นมีความนุ่มนวลเจือกุหลาบกำลังดีเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ลงกลิ่นนี้ไว้ว่า Unisex ซึ่งได้อยู่ แต่จะค่อนไปทางฝ่ายผู้หญิงมากกว่าราวๆ 65-70% ได้ แต่ยังไงผู้ชายก็ยังใส่ได้อยู่ถ้าไม่ใส่ใจกลิ่นโทนเบอร์รี่ตอนต้นที่ดูออกแนวแหลมๆ เปรี้ยวๆ อวลๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทั่วไปหรือใส่ทำงาน เพียงแต่กลิ่นอาจจะไม่ได้เข้าทางโซนทางการมากเท่าไหร่ และไม่เข้ากับการใส่เพื่อออกกำลังกายแต่อย่างใด ส่วนยามค่ำคืนเอาจริงๆ กลิ่นนี้ใส่ไปท่องราตรีได้เลย เพียงแต่ไม่ได้ไปสายลั่นล้ามากนัก ให้ความเป็นเบอร์รี่ที่เปรี้ยวมั่นเสียมากกว่า 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบบ้างราวๆ 1 - 2 ชม. แต่ก็ถือว่าดีงามมากเลยกับการ EDC ที่ทนไม่น้อยเลย เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. สบายๆ กับการใช้ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ซึ่งจะช่วงแรกจะเปรี้ยวแหลมปลายหวานไม่ได้ธรรมชาติแบบโทนเบอร์รี่แท้ๆ นักออกทางไซรัปเสียมากก็จริง แต่จะลดการกระจายมาเป็นปานกลาง แล้วค่อยมาเป็นออร่ารอบๆตัวเบาๆ ในช่วงท้าย พ้นซัก 5 - 6 ชม. ไปแล้วจะเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ถ้าถามหาความเป็นธรรมชาติของกลิ่นบอกได้เลยว่าไม่มี แต่ถ้าถามถึงความหอมอันนี้มีแน่นอน และช่วงท้ายกลิ่นให้ความสบายๆ เจือกุหลาบได้ดีจริงๆ ซึ่งเอาจริงๆ กลิ่นที่ออกมาดีและทนน่าสนใจขนาดนี้ คำว่าคุ้มอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องบอกว่า คุ้มมากสิ ถึงจะเข้าทาง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttp://shopping.rediff.com/product/jovan-silky-rose-cologne-spray-3-0-oz-88-ml-by-coty/12464476



วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Amouage - Lilac Love

Amouage - Lilac Love 

ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบดอกไลแลคมาก เพราะนอกจากสีม่วงค่อนไปทางพาสเทลที่เห็นแล้วสบายตาและผ่อนคลายแล้ว กลิ่นหอมของไลแลคก็จะให้ความละมุนสะอาดๆ ปนหวานเจือน้ำผึ้งกับมะลิอ่อนๆ ที่ทำให้มีความอะโรม่ารื่นรมย์อีกด้วย ซึ่งเมื่อเห็นว่าแบรนด์ที่ทำกลิ่นทรงพลังอย่าง Amouage เปิดตัว Collection - The Secret Garden โดยเริ่มที่ดอกไลแลค ก็ต้องมาเล่ากลิ่นกันหน่อย ซึ่งจะทรงพลังหรือว่ามีการเลี่ยนแปลงทิศทางของกลิ่นที่น่าสนใจมากขึ้น ก็ว่ากันตามนี้เลย 

Lilac Love ไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นอายของดอกไลแลคแท้ๆ ชัดๆ นัก แม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแบบดอกไลแลคอยู่นิดหน่อยก็ตาม แต่ไม่ใช่เป็นกลิ่นไลแลคเด่นนำและเอาเข้าจริงเป็นการนำเสนอกลิ่นอายเข้าโทนสีม่วงไลแลคเสียมากกว่า เพราะความรู้สึกจะเป็นกลิ่นอายโทนสีขาวนวลปนม่วงพาสเทลไลแลคไปตลอดตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งเปิดตัวกันที่กลิ่นอายดอกไม้แบบจัดเต็มแบ่งเลเยอร์กลิ่นกันได้ลงตัวทั้งหอมหวานใสสดชื่นโทนกุหลาบอย่างดอกโบตั๋น เคล้ากับกลิ่นดอกไม้ขาวที่มีมิตินวลละมุนปนครีมมี่ของมะลิและดอกพุด รองพื้นด้วยโทนแป้งติดอัลมอนด์หน่อยๆ ของดอกเฮลิโอโทรเป้ ทำให้กลิ่นในช่วงต้นเป็นโทนดอกไม้ที่มีมิติให้จับต้องในความหวานหอมละมุนไปตลอด ได้อารมณ์คล้ายกลิ่นดอกไลแลคนิดหน่อยแต่ค่อนไปทางครีมมี่เสียมาก แล้วเพียงชั่วครู่กลิ่นโทนแป้งนวลละมุนผสมผสานกับชอคโกแลตจะเสริมขึ้นมาให้จับต้องได้ ทำให้ได้ความรู้สึกคล้ายกลิ่นโทนชอคโกแลตขาวปนแป้งนวลหอมดอกไม้อ่อนหวาน ที่สำคัญจะจับได้ว่ามีกลิ่นวานิลลาที่ค่อนไปทางอบอุ่นติดโทนแป้งเข้ามาร่วมทีมด้วย ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางอย่างเต็มตัว ที่ให้ความละมุนในความเป็นโทนพาสเทลอารมณ์สีครีมปนม่วงหอม กลิ่นมีระดับ หรูหราแบบกำลังดี และมีความอวลที่เหมาะเจาะค่อนไปทางเกือบจะแน่น แต่ไม่ได้รู้สึกหนักเกินไปจนอึดอัด (ยกเว้นอัดสเปรย์หนักมือ อันนั้นคงหายใจไม่ออกตายไปเสียก่อน) 

จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วน โดยกลิ่นอายโทนแป้งเริ่มมีโทนกลิ่นครีมปนไม้หอมแบบไม้จันทน์หอมเสริมขึ้นมาเรื่อยๆ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นอายแป้งหอมเจือไม้หอมติดครีมมี่หน่อยๆ เด่นที่ชอคโกแลตขาวปนกลิ่นดอกไม้นวลอ่อนๆ และมีความอบอุ่นกำลังดีจากโทนวานิลลาที่ไม่ได้ไปสายหวานขนม โดยที่กลิ่นจะให้ความเป็นโทนสีครีมปนม่วงอ่อนไลแลคบางๆ มีความนุ่มนวลปนละมุน โดยยังมีความรู้สึกของกลิ่นที่รื่นรมย์และอ่อนโยนไปตลอด ซึ่งถือว่าเป็นการคุมโทนกลิ่นที่ยังมีความทรงพลังตามสไตล์แบรนด์อยู่ เพียงแต่ลดระดับมาเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอ 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็ใช้ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นไม่ได้เข้าถึงยากมากนักแบบน้ำหอมหลายๆ ตัวของแบรนด์ ยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นอายนอกไม้หอมนวลอวลๆ ติดครีมเคล้ากลิ่นแป้งหอมก็จะเข้าถึงตัวนี้ได้ในทันที ซึ่งกลิ่นนี้เหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม (มากไป แน่นจนตึ้บเอาได้) ซึ่งใช้ได้ทั้งยามทางการและทั่วๆ ไป เพื่อสร้างความละมุนอ่อนโยนให้คนอื่นรับรู้อะไรประมาณนั้น แต่ให้ตัดการใส่เพื่อการออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ ไปได้เลย กลิ่นไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้หมดไม่ว่าจะออกงาน ทั่วไป เพียงแต่การใส่เพื่อท่องราตรีมันอาจจะไม่เข้าทางนัก เพราะกลิ่นแม้จะเรียกร้องความสนใจได้ แต่มันดูอ่อนโยนเหมือนกับคุณหนูหนีพ่อแม่มาเที่ยว เน้นใส่เพื่อเพิ่มความ Feminine ที่ละมุนๆ ในตัวแทนน่าจะดีกว่า 

ความทน - ยังคุมโทนความดีงามตรงนี้ไม่มีผิดเพี้ยนกับ 8 ชม. ขึ้นไปได้สบายๆ ส่วนตัวใช้ไป 4 สเปรย์กลิ่นทำหน้าที่ได้ดีมากขึ้น 12 ชม. เลยทีเดียว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ ซักราวๆ 4 ชม. จะลดลงมาเป็นกระจายปานกลาง ก่อนปิดท้ายด้วยเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป 

ทิ้งท้าย - ยังไงก็ตามย้ำอีกทีว่า Lilac Love ไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นดอกไลแลค แต่เป็นกลิ่นอายที่สร้างความรู้สึกแบบโทนสีครีมปนม่วงพลาสเทลไลแลคต่างหาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttps://www.neos1911.com/product-by-brand/amouage/perfumes/womensperfumes/eaudeparfum/lilac-love-woman-edp-100-ml_0076026200.html

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Reminiscence - Tonka

Reminiscence - Tonka 

Reminiscence เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ทางด้านเครื่องประดับ Jewelry ที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียวของฝรั่งเศสและมีประวัติมายาวนานพอสมควรเลยทีเดียวตั้งแต่ช่วงยุค 70 โดยเน้นที่เรื่องของเครื่องประดับเป็นหลักก่อน โดยมีน้ำหอมเสริมทัพบ้างจากการไปร่วมกับแบรนด์อื่น จนมาในช่วงยุค 80 จึงได้เปิดตัวเป็นแบรนด์ของตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งก็เกิด Masterpiece ของแบรนด์ขึ้นมาทันทีที่ทำให้ผู้ที่ชอบน้ำหอมหลายๆ คนจะนึกถึงได้ในทันทีถ้าพูดถึงน้ำหอมของแบรนด์นี้อย่างรุ่น Patchouli ที่กลายเป้นหนึ่งในกลิ่นอายที่เหนือกาลเวลาของแบรนด์นี้ไปในทันทีจนถึงทุกวันนี้

แต่การเล่ากลิ่นในครั้งนี้จะไม่ได้มาที่รุ่นดังรุ่นนั้น แต่จะขอมาในตัวอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กันแทนและเน้นสายหวานกันซักหน่อยกับรุ่นนี้เลย Tonka 

กลิ่นเปิดตัว Top Notes ในช่วงแรกกันด้วยความหวานโดยมีน้ำผึ้งเป็นตัวเด่นเคล้ากับเครื่องเทศโทนโปร่งหวานหอมปนเผ็ดอ่อนๆ กันก่อนเลยอย่างเมล็ดเทียนสััตตบุษย์ (Anise) ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นโทนปร่าเสริมเข้ามาด้วยจากกานพลูทำให้กลิ่นในช่วงแรกจะพุ่งชัดพอสมควร โดยที่ความหวานที่ได้รับเต็มๆ นั้นจะได้ความรู้สึกติด Dirty ออกทางดิบๆ หน่อยๆ และมีความเป็นโทนกลิ่นอายที่เป็นผู้หญิงชัดเจนในลักษณะ Dirty ปนหวานน้ำผึ้งอวลๆ ติดกรุยกรายระดับหนึ่งได้เล 

แต่ความรู้สึกจะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเข้าสู่ Middle Notes เพราะความ Dirty จะเริ่มลดระดับลงมาเป็นกลิ่นที่มีความนวลมากขึ้นเนื้อกลิ่นจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายออกทางถั่วตองก้าที่มีความครีมนวลปนกึ่งแป้งหอมปนหวานอ่อนๆ แถมเสริมทัพด้วยกลิ่นของอัลมอนด์ที่ทำให้ช่วงนี้มีความนวลที่เป็นตัวเดินเรื่องหลักมาเจือความหวานที่ตามมาจากตอนต้นของน้ำผึ้งและเครื่องเทศหวานโปร่ง ทำให้จะได้ความหวานปนนวลที่กำลังดีลดทอนความใหญ่ที่มาในตอนแรกลงไปได้เยอะมากจนกลายเป็นเข้าสู่โทนรื่นรมย์ปนแป้งนวลครีมมี่ที่ลงตัว ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้เพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทนอบอุ่นเป็นตัวรองพื้นให้ความอวลออกทางคล้ายแอมเบอร์ลึกๆ หน่อยๆ และมีกลิ่นอายวานิลลาเจือไม้หอมนิดๆ เลยทำให้กลิ่นมีความสว่างหวานหอมเหมือนเจอกันครึ่งทางระหว่างน้ำผึ้งและถั่วตองก้าเคล้าอัลมอนด์ได้พอดีเลย แล้วเมื่อดำเนินไปซักระยะจะเริ่มจับได้มากขึ้นว่าถั่วตองก้าจะเริ่มเด่นขึ้นมาตามลำดับเจือกับโทนแป้งอบอุ่นของวานิลลา กลิ่นก็เริ่มพัฒนาเข้าสู่ Base Notes ที่จะเริ่มเป็นช่วงเวลาของโทนถั่วตองก้าที่จะให้ความรู้สึกอบอุ่นปนนวลมีความขมบางๆ เจือไม้หอมก็ได้ มีลักษณะนวลค่อนไปทางวานิลลาก็ได้ เพราะกลิ่นวานิลลาก็มีความเด่นอยู่พอสมควรในช่วงนี้แต่ออกทางแป้งอบอุ่นหน่อยๆ รวมถึงเนื้อกลิ่นมีโทนนุ่ม Musk บางๆ เสริมให้กลิ่นมีมิตินวลละมุนปนเย้ายวนเนียนๆ ให้ครบ โดยที่ความหวานน้ำผึ้งยังมีอยู่อ่อนๆ ให้จับต้องได้ไม่ทิ้งลายความเป็นโทนหวานในเนื้อกลิ่นที่ยังมีอยู่ ซึ่งภาพรวมของน้ำหอมจะได้อารมณ์ที่ไล่เรียงกันมาจาก หวานติด Dirty กรุยกรายมาสู่ความละมุนนวลอบอุ่นที่รื่นรมย์หรูหราและมีระดับ เล่นโทนหวานและนวลรับส่งต่อกันได้อย่างดีเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป เพราะกลิ่นเปิดมีความกรุยกรายติดดิบ Dirty บ้าง เลยจะค่อนข้างเสริมความหวานปนนัวพอตัว ยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นอายน้ำผึ้งและนวลละมุนของตองก้ากับวานิลลาจะเข้าถึงตัวนี้ได้ไวมาก ซึ่งกลิ่นสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำกัดสเปรย์หน่อยก็ดี เพราะกลิ่นหวานๆ ถ้าเจอกับอากาศร้อนๆ อาจจะทำให้มีอาการตึ้บจุกเอาได้ ซึ่งเข้าได้กับทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าจัดไปได้หมดทั้งออกงานและท่องราตรีแบบที่มีระดับหน่อย เพราะกลิ่นมีความหรูหรามากกว่าจะเซ็กซี่จัดจ้านนั่นเองส่วนผู้ชาย เอาจริงๆ กลิ่นนี้มีความ Unisex ได้อยู่ตั้งแต่ช่วงกลาง เช่นนั้นถ้าไม่ถือผ่านช่วงแรกได้ผู้ชายที่ชอบกลิ่นออกทางโทนหวานเองก็สามารถฟินกับกลิ่นนี้ได้สบายมาก 

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบบ้างก็ประมาณ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าปล่อยของเรียกร้องความสนใจกันก่อนเลย แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาที่ปานกลางในช่วงกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นซัก 6 ชม. จะเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - กลิ่นเปิดอาจจะทำให้รู้สึกเอียนๆ ปน Dirty ไปบ้าง ซึ่งถ้าใครที่ไม่ชอบอะไรหวานๆ อาจจะผงะเอาได้ แต่ที่เหลือคือความดีงามได้เลย ซึ่งถือว่า Reminiscence นำเสนอกลิ่นอายของถั่วตองก้าได้งามเลยทีเดียว เล่นโทนหวานน้ำผึ้งและโทนต่างๆ ที่เอื้อให้ความเป็นถั่วตองก้ามีความโดดเด่นได้อย่างน่าสนใจและลงตัวจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttps://kremchik.ua/item-13212/comments

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Hermes - Bel Ami

Hermes - Bel Ami 

Bel Ami เป็นหนึ่งในนิยายที่โด่งดังมากของกีย์ เดอ โมปัสซังต์ ที่เป็นบิดาของการเขียนเรื่องสั้นสมัยใหม่ของโลก และเป็นแบบฉบับของเรื่องสั้นที่ดีที่สุดเลยทีเดียวกับการวิพากษ์ เย้ยหยัน และเสียดสีสังคม ผ่านความทะเยอทะยาน ความโลภ ตัณหาราคะ และสันดานดิบของมนุษย์ ซึ่งนิยายเรื่องนี้เลยกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของการสร้างสรรค์น้ำหอมของ Hermes ที่เป็นหนึ่งในกลิ่นอายสไตล์หนังเคล้าความคลาสสิคที่ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้ 

แน่นอนว่าน้ำหอมรุ่นนี้ปรับสูตรมาเรื่อยๆ ตามประสากาลเวลาที่เปลี่ยนไปและความจำเป็นทางธุรกิจ แต่สิ่งหนึ่งที่ Hermes ยังคงไว้ได้หรือกลิ่นอายแห่งความคลาสสิคที่เหนือกาลเวลาและสร้างออร่าความดึงดูด และหรูหราแฝงความดิบห่ามกลายๆ ที่จับต้องได้ เช่นนั้น การเล่ากลิ่นจะเน้นไปที่รุ่นที่ปรับสูตรล่าสุดและจำหน่ายในปัจจุบันนี้ 

Bel Ami เปิดตัวด้วยความเป็น โทน Citrus ที่ติดเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าที่ออกทางนวลๆ ในวูบแรก แล้วจะมีกลิ่นอายของเม็ดกระวานที่ให้ความหวานปนเผ็ดและมีโทนคล้ายยี่หร่าเบาๆ เสริมเข้ามา ทำให้กลิ่นจะมีโทนที่ลงตัวระหว่างความเป็น Fresh Spicy ที่ให้ความเผ็ดนวลละมุน เคล้ากลิ่นติดเย้ายวนดึงดูดของเครื่องเทศกึ่งโทนหวานอุ่นแอบเจือโทนกลิ่นของหนังหน่อยๆ และมีโทนไม้หอมออกทางโปร่งๆให้พอรับรู้ โดยมีความเป็น Citrus ที่สดชื่นติดขมปลายกลิ่นแนวๆ มะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ทำให้กลิ่นมีความชื้นๆ โทนกลิ่นจับได้ถึงความสะอาดที่มีความ Dirty อ่อนๆ เจือที่เปิดมาก็ซับซ้อนและมีลูกเล่นทางกลิ่นที่ผสมผสานกันสื่อสารถึงความสดชื่น ความนุ่มนวล และความดึงดูดแบบสไตล์ Classic ที่น่าประทับใจมากเลยทีเดีย 

เพียงไม่นานก็จะเป็นการขยับเข้าสู่ช่วงกลางที่โทนกลิ่นจะลดทอนความเป็นโทนสดชื่นลงไปเป็นลักษณะคาบเกี่ยวของโทนปร่านวลติดสมุนไพรที่มาแบบพอเหมาะพอดีของโหระพา กับโทนดอกไม้ที่ไม่ได้ออกทางหวานเน้นสาย Spicy อย่างคาร์เนชั่นเจือนวลๆ มะลิที่ติดแป้งอับอ่อนๆ เป็นเลเยอร์ซ้อนอยู่ด้านบน ให้มิติที่ดูนุ่มนวลในความเป็นสุภาพบุรุษ เคล้ากลิ่นไม้หอมติดโทนแห้งๆ ที่ให้ความเท่ห์กำลังดี ที่เป็นเลเยอร์ชั้นกลิ่นที่ 2 รองพื้นเลเยอร์สุดท้ายด้วยกลิ่นอายของโทนหนังที่ออกทางแห้งๆ มีความสาปปลุกเร้าให้รู้สึกปนกลิ่นอาย Oak Moss เคล้าพิมเสนที่ให้ความน่าค้นหาปนหรูหราแบบ Vintage ซึ่งกลิ่นช่วงนี้จะได้อารมณ์ที่มีทั้งความนวล สุภาพ ซ้อนด้วยความ Cool หรูหรา กับการดึงดูดทางเพศกับกลิ่นหนังที่มาแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งกลิ่นผสมผสานกันได้อย่างลงตัวแต่อารมณ์กลิ่นจับได้ถึงมิติอย่างๆ ได้อย่างลงตัวและไม่กลิ่นหนักเกินไป แล้วจะส่งไม้ต่อให้ช่วงท้ายกับความเป็นโทนหนังที่มีความเป็นโทน Animalic ปลุกเร้าที่ชัดมากขึ้น แต่ไม่หนักหน่วง ให้ความสะกิดต่อมเร้าใจแบบพอดีๆ ไม่จงใจ แต่ซึมลึกในอารมณ์แบบเรื่อยๆ เคล้ากับกลิ่นยางไม้ที่ติดโทนปร่าๆ อ่อนๆ และมีกลิ่นติดโทนหรูหราที่ให้ความเขียวค่อนดาร์กเข้มกำลังดีของ Oak Moss เสริมให้กลิ่นมีพลังทางเพศออกมาแบบติด Dirty กึ่งหรูหราเนียนๆ ซึ่งกลิ่นจะตีคู่ไปกับกลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ ค่อนไปทางขมติด Smoky เบาๆ ของหญ้าแฝกที่ให้ความแมนเท่ห์กำลังดี เคล้าความอบอุ่นนวลๆ ติดแป้งอ่อนๆ วานิลลา กลิ่นจะมีมิติที่ให้ความเป็นผู้ชายสาย Classic ที่ดึงดูดแบบไม่โจ่งแจ้ง แต่ค่อยๆ คืบคลานให้รู้สึกถึง Sex Appeal ที่มีเต็มเปี่ยมและมีลูกเล่นลูกล่อลูกชนที่มีระดับและมีเสน่ห์มากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ซึ่งแน่นอนกลิ่นมีมาสายโทน Vintage แต่เพราะการปรับสูตรเลยทำให้กลิ่นไม่ได้หนักหน่วงแบบสายน้ำหอมยุค 80 มักจะปล่อยพลังชัดเจนนัก เอาตรงๆ กลิ่นเบานั่นเอง เลยทำให้สามารถใช้งานได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป อาจจะมีการใส่เพื่อออกกำลังกายที่รอให้กลิ่นเข้าช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า ที่สำคัญยังคาบเกี่ยวไปใส่ยามกลางคืนแบบออกงานได้เสียด้วย สร้างภาพลักษณ์ทางกลิ่นที่เป็นสุภาพบุรุษติดเร้าใจแบบ Retro Style ได้ดีเลยทีเดียว 

ความทน - ดีงามกับราวๆ 8 ชม. โดยเฉลี่ยในการใช้งาน 

การกระจาย - รุ่นปรับสูตรล่าสุดนี้กลิ่นจะกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายแบบออร่ารอบๆ ตัวแบบเสถียรเลย ยาวไป พอพ้นซัก 8 ชม. จะเป็น Skin Scent ที่จะตียามขยับเนื้อตัวเบาๆ ให้เสน่ห์ที่น่าสนใจทางกลิ่นได้เลย 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้ถือว่าสื่อสารถึงความเป็นผู้ชายที่ดึงดูดแบบมีระดับซ้อนความเร้าใจในความนิ่งในสไตล์ Classic ได้ดีมากเลยทีเดียว ไม่แปลกใจที่ทำไมกลิ่นนี้ถึงเป็นหนึ่งใน Timeless Scent แม้ว่าจะปรับสูตรแล้ว แต่ก็ยังจับต้องความดีงามที่ยังคงมีอยู่ได้เสมอ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://www.hermes.com/us/en/product/bel-ami-eau-de-toilette-V38274/

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Atelier Cologne - Clementine California

Atelier Cologne - Clementine California

ส้ม Clementine เป็นส้มเปลือกบางร่อนแนวๆ เดียวกับส้มจีนแมนดารินหรือส้มเขียวหวาน แต่สิ่งที่ดีงามของมันคือ ไม่มีเม็ด ทำให้กินง่ายและอร่อยหวานชุ่มฉ่ำมาก ซึ่งจะไม่ได้อมเปรี้ยวอมหวานแบบส้มเขียวหวานไทยด้วยนะ จะหวานฉ่ำเน้นๆ ในความเป็นส้มที่ไม่เปรี้ยวหรือจืดด้วย ซึ่งกลิ่นส้มสไตล์นี้จะให้ความรู้สึกแบบน้ำหอมหอมหวานสดชื่นมาเชียว ซึ่งเมื่อ Atelier Cologne ได้นำ
เอา Clementine มาเป็นตัวเอกในการสร้างสรรค์น้ำหอมที่สื่อสารถึงฤดูร้อนในแคลิฟอร์เนีย เช่นนั้นก็ต้องมาซึมซับกลิ่นอายสไตล์นี้กันหน่อย จนบอกเล่าออกมาได้เช่นนี้ 

Clementine California เปิดตัวด้วยกลิ่นอายส้มที่ติดฉ่ำหวานมาก่อนเลยตามลักษณะของการเป็นส้ม Clementine แต่วูบถัดมาจะเริ่มจับได้ถึงความสดชื่นติดเปรี้ยวหวานปลายแบบน้ำผึ้งบางๆ เคล้าความเขียวปร่าหน่อยๆ ที่น่าจะมาจากโทนกลิ่นของจูนิเปอร์เบอร์รี่ที่สนับสนุนโทนส้มให้ได้อารมณ์แบบส้มติดซ่าอ่อนๆ ปนกลิ่นโทนคล้ายเปลือกส้มที่มีความ Spicy บางๆ เจืออยู่ในนั้น ซึ่งกลิ่นเปิดถือว่าให้อารมณ์ความเป็นส้มได้ลงตัวมาก ให้ความสดชื่นเจือความผ่อนคลายสบายๆ แบบสไตล์ Summer Scent ชัดเจน ซึ่งกลิ่นโทนส้มในช่วงแรกจะอยู่ยาวไปจนถึงต้นๆ ช่วงท้ายเลย 

ในช่วงกลางกลิ่นโทนส้มที่ฉ่ำในตอนต้น จะเริ่มเป็นกลิ่นโทนที่แห้งมากขึ้น ในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นเขียวปร่านวลๆ ของโหระพาเสริมเข้ามา พร้อมกับกลิ่นโทนเผ็ดนวลที่มาแบบอ่อนๆ สะอาดๆ สไตล์พริกไทยที่เสริมให้กลิ่นอายของส้มมีความนวลมากขึ้นเจือหวานอ่อนๆ ปนสะอาด กำลังดี มีความเบาๆ ให้อารมณ์แบบกลิ่นส้มระเรื่อที่ผิวสะอาดๆ โดยยังจับต้องความสดชื่นได้เรื่อยๆ และจะเริ่มสัมผัสได้ว่าเมีกลิ่นอายไม้หอมติดเขียวแห้งๆ สะอาดๆ ปร่าเบาๆ กำลังดีค่อยๆ เสริมขึ้นมาทีละหน่อยให้พอรับรู้ได้เรื่อยๆ จนชัดเจน ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นอายไม้หอมเข้าโทนแห้งมีความสะอาดปนปร่านวลหน่อยๆ เป็นตัวหลัก โดยมาจากกลิ่นโทนสนไซเปรสที่รับช่วงต่อจากกลิ่นโทนเขียวปร่าของจูนิเปอร์ในตอนต้นให้ความเป็นกลิ่นไม้สนปนปร่ามีความเขียวเจือเบาๆ เคล้ากลิ่นไม้จันทน์หอมสะอาดๆ และมีความเป็นโทนไม้แห้งๆ ของหญ้าแฝกเป็นตัวรองพื้น ซึ่งแน่นอนโทนเปลือกส้มอ่อนๆ จะทำให้กลิ่นมีความสดชื่นเจืออยู่ ซึ่งกลิ่นช่วงนี้จะได้ความสะอาดแบบโทนไม้ที่สว่างๆ โปร่งๆ ไม่หนักหน่วง ออกแนวสบายๆ โปร่งๆ ปนเรียบหรูเบาๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศเลยกลิ่นให้ความเป็นส้มที่สบายๆ ผ่อนคลายกำลังดี มีความสดชื่นปนรื่นรมย์ ซึ่งสามารถใส่ได้แบบครอบจักรวาลทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย เพราะกลิ่นสบายๆ ไม่พอ ยังปลอดภัยมากอีกด้วยในการใช้งาน ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่แบบทั่วๆ ไปสบายๆ จะดีกว่า เพราะกลิ่นนี้เบาไปมากถ้าจะไปสู่กับโทนหวานในยามที่ท่องราตรี

ความทน - อยู่ราวๆ 4 - 6 ชม. เป็นสำคัญ อิงกับจำนวนสเปรย์ สภาพผิว และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งเพราะกลิ่นเป็นโทน Citrus เด่นในการให้ความหอมสดชื่นรื่นรมย์กับโทนส้ม ความทนเลยอาจจะไม่ได้เด่นนัก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น ให้ความสดชื่นกำลังดีไปเรื่อยๆ จนลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลางที่ให้ความสะอาดปนกลิ่นส้มอ่อนๆ ก่อนปิดท้ายที่ Skin Scent แบบยาวไปให้ความเป็นโทน Safe Scent ที่ยังไงก็รอดทุกสถานการณ์ 

ทิ้งท้าย - ความเป็นส้มของ Clementine California เองอาจจะไม่ได้มาแบบฉ่ำน้ำส้มจ๋ามากแบบ Orange Sanguine ของแบรนด์ที่ส้มชัดจัดเต็มทุกดอก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ให้ความสดชื่น สะอาด สว่างๆ มีความเป็น Cologne แบบ Summer ที่เรียบหรูสบายๆ ผ่อนคลายได้ลงตัว โดยที่เน้นความปลอดภัยในการใช้งานนั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttps://www.ateliercologne.com/clementine-california-30-ml.html



วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Zara Home - Absolutely Sublime

Zara Home - Absolutely Sublime 

ขวดสีแดงค่อนไปทางเข้มคล้ายแสงอาทิตย์ยามแตะพื้นดินก่อนจะหายไปเป็นค่ำคืนที่โดดเด่นไม่น้อยทีเดียวกับการเป็นหนึ่งในไลน์ Perfume Collection ของ Zara Home กับการสื่อสารถึงความหรูหราและเย้ายวนติดเซ็กซี่กำลังดีของยามค่ำคืนที่น่าจดจำ เช่นนั้นคำโปรยมาซะขนาดนี้ ก็ต้องว่ากันหน่อยว่ากลิ่นอายจะมาในลักษณะไหนกับรุ่นนี้เลย Absolutely Sublime

เปิดต้นกลิ่นจะเจอแอลกอฮอล์ชัดกันซักนิด ก่อนที่จะจางไปให้การเบลนด์ที่ผสมผสานกันชัดเจนถึงกลิ่นอายโทนเขียวแห้งๆ สมุนไพรกับโทน Spicy เครื่องเทศ เพียงแต่ว่ากลิ่นไม่หนักเกินไปหรืออบอวลมากเกินไปนัก ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงความเป็นโทน Citrus ติดขมกึ่ง Spicy หน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่เสริมให้กลิ่นในช่วงต้นได้ความรู้สึกเป็นโทน Fresh Spicy ติดสมุนไพรกันค่อนข้างชัดเลยทีเดียว ซึ่งในวูบถัดมาจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายชาดำหอมลุ่มลึกปนอะโรม่ารื่นจมูกค่อยๆ เปิดตัวขึ้นมาทีละนิด จนนำเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นชาดำกับชาสมุนไพรติด Spicy จะคลอไปด้วยกัน โดยมีกลิ่นออกทางเขียวปนแป้งหอมหวานโปร่งๆ ของดอกไวโอเล็ตกับกลิ่นหวานน้ำตาลทรายแดงอ่อนๆ เป็นตัวเสริมให้กลิ่นชาดำปนสมุนไพรที่มีความหวานปนอะโรม่าที่ลุ่มลึกน่าค้นหา แต่สิ่งที่เป็นมิติที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกคือจะได้ความรู้สึกอบอุ่นอวลๆ แบบติดผิวกายเค็มๆ ที่ทำให้กลิ่นมีความอวลมากขึ้นมาระดับหนึ่ง แล้วซักพักจะมีกลิ่นโทนออกทางคล้ายถ่านปนไม้เข้มๆ Smoky เสริมเข้ามากับเขาด้วย แต่ไม่ได้ไปคนละทิศละทาง ดันเป็นมิติกลิ่นที่น่าสนใจมาก เพราะเวลาที่ได้กลิ่นชาหอมโปร่งหวาน ก็จะได้กลิ่นถ่านคลอให้รู้สึกน่าค้นหาในความลุ่มลึกมากขึ้น โดยมีความอวลๆ เป็นตัวเย้าจมูกเรื่อๆ ได้เป็นอย่างดี 

เมื่อกลิ่นเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นถึงโทนที่มีความอวลอุ่นๆ ที่ชัดขึ้นมาในระดับหนึ่งจนจับได้ว่าเป็นสารหอมที่ให้กลิ่นโทนคล้าย Ambregris อย่าง Ambroxan ที่จะโดดเด่นมากในช่วงท้าย ซึ่งจะให้ความเป็นโทนออกทางผิวกาย Musky นวลๆ ติดเค็มอ่อนๆ มีเสน่ห์ เคล้ากับกลิ่นปนกลิ่นอายไม้หอมปนถ่านที่ลดระดับลงมาผสมผสานอย่างสมดุลให้ความนวลปนน่าค้นหาไปเรื่อยๆ โดยจะมีกลิ่นอายหวานๆ โปร่งๆ บางๆ ของกลิ่นน้ำตาลทรายแดงอ้อยอิ่งเบาๆ ทำให้กลิ่นมีมิติแบบผิวกายนวลระเรื่อติดดาร์กอ่อนๆ และมีความหวานโปร่งบางๆ ให้รื่นรมย์ ทำให้รู้สึกเย้ายวนไปเรื่อยๆ สร้างความความเรียบหรูกำลังดีปนเซ็กซี่เย้ายวนกำลังพอเหมาะพอเจาะยาวไปได้อย่างลงตัวมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะเป็นโทนกลิ่นชาด้วยส่วนหนึ่งเลยมีความกลางๆ มากพอให้ใช้ได้ทุกเพศ ซึ่งกลิ่นมีความ Unique ไม่ค่อยเหมือนใครก็จริง แต่ไม่ได้ใช้ยากแต่ประการใด มีความดึงดูดปนรื่นรมย์ได้ดีเลย ซึ่งเหมาะกับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นให้ความเรียบหรู น่าค้นหาก็ดี ให้ความสุขุมติด Cool ก็ได้ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งไปได้เลย กลิ่นไม่ได้ไปสายลุยๆ แต่ประการใด ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานนี่เข้าทางมากกว่าใส่ไปท่องราตรี เพราะกลิ่นปล่อยพลังกำลังดี เลยจะเรียกเรตติ้งสู้คนอื่นยากกว่าหน่อย

ความทน - อันนี้ขอชื่นชม กลิ่นทนมากกว่าที่คิด เพราะลากยาวไปถึง 12 ชม. ได้เลยกับการใช้งานจริงที่ 6 สเปรย์ ซึ่งถ้ามองค่าเฉลี่ยอันนี้่น่าจะลงที่ 8 ชม. ได้สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป พอเข้าช่วงท้ายที่ผ่านไปแล้วซัก 6 ชม. จะเป็น Skin Scent จนกว่าจะจางไป 

ทิ้งท้าย - กลิ่นยืนพื้นที่โทนเรียบหรูเสียมากกว่าจะเป็นหรูหราโต้งๆ โจ่งแจ้ง ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะไม่ได้ดู Wannabe ทางกลิ่นนัก ยิ่งมาเจอกับกลิ่นชาและกลิ่นโทน Fresh Spicy แห้งๆ และมีกลิ่นอวลเย้ากับกลิ่นถ่านน่าค้นหา เลยได้ความเย้ายวนเซ็กซี่กำลังดีที่ลงตัวและไม่ค่อยเหมือนใครได้เลย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://www.zarahome.com/gb/absolutely-sublime-eau-de-toilette-(100-ml)/absolutely-sublime-eau-de-toilette-(100-ml)-c1580509p300095867.html



วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Acca Kappa - Muschio Bianco / White Moss Eau de Parfum

Acca Kappa - Muschio Bianco / White Moss Eau de Parfum 

ถ้าว่ากันเรื่องของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการหวีผม ไม่ว่าจะเป็นแปรงหวีผม แปรงม้วน หวีแต่ละประเภทที่ได้รับความนิยมและมีคุณภาพดีระดับโลกก็ต้องว่ากันที่แบรนด์นี้เลAcca Kappa ซึ่งเป็นแบรนด์จากอิตาลีก่อตั้งในปี 1869 กับการบุกเบิกธุรกิจทางด้านอุปกรณ์เหล่านี้ แล้วภายหลังถึงค่อยๆ เข้าสู่สายทางด้านความสวยความงามทางด้าน Body Care, Skin Care, Hair Care และอื่นๆ โดยไม่ทิ้งความเก๋าเกมทางด้านอุปกรณ์เกี่ยวกับหวีและแปรงหวีผมเดิม เพิ่มเติมความพรีเมี่ยมเข้าไปในแต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็ได้รับความนิยมมาเรื่อยๆ จนมาถึงการมีน้ำหอมของแบรนด์เกิดขึ้นมาในปี 1997 ยาวมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ 

และเมื่อมีโอกาสมาเจอกับน้ำหอมของแบรนด์นี้ก็ต้องเล่ากลิ่นกันซักหน่อยกับกลิ่นอายน้ำหอมรุ่นแรกของแบรนด์ ซึ่งแรกเริ่มมีเฉพาะรุ่น Eau de Cologne แต่ก็เพิ่มทางเลือกด้านความเข้มข้นระดับ Eau de Parfum สำหรับคนที่ต้องการความชัดเจนทางด้านกลิ่นมากขึ้นด้วย เช่นนั่นว่ากันที่รุ่น Muschio Bianco หรือ White Moss EDP กันหน่อยว่าจะมาในลักษณะใด 

บอกก่อน - การเล่ากลิ่นจะเน้นที่กลิ่นอายของรุ่น EDP เป็นสำคัญ โดยจะไม่ได้ไปเกี่ยวเอี่ยวกับ EDC ซึ่งถ้ามีโอกาสไว้ว่ากันอีกครั้งในอนาคต 

Top Notes เปิดตัวที่กลิ่นอาย Citrus ติดเขียวปนปร่ามีความ Spicy หน่อยๆ แน่นอนว่าช่วงต้นโทนแอลกอฮอล์จะชัดนิดนึง แต่กลิ่นจะบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโทนสะอาด สดชื่น สว่างกันอย่างชัดเจน แล้วพอแอลกอฮอล์หมดฤทธิ์ลงไป ความรู้สึกหอมติดเขียวปนปร่าของจูนิเปอร์เบอร์รี่มีความคมกำลังดีจะเด่นออกมาพร้อมกับความเป็นโทนติดสบู่ของสารหอม Aldehydes ที่จะทำให้กลิ่นมีความคมแน่นระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับมาก และสิ่งที่เป็นเลเยอร์ซ้อนอยู่คือโทน Citrus ที่จะให้ความสดชื่นเจือขมหน่อยๆ คลอไปตลอ แต่ปลายกลิ่นจะมีความเปรี้ยวออกทางสว่างๆ ที่กำลังดี ให้ความปลอดโปร่งและสดชื่นเข้าถึงง่าย มีความเป็นธรรมชาติพอสมควรแบบเวลาเราได้กลิ่นจากเปลือกเลมอนที่บีบน้ำออกมาแล้วประมาณนั้น ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปในระดับหนึ่งจนจะสัมผัสได้ว่ากลิ่นเริ่มมีโทนเขียวแห้งๆ ปนสมุนไพรอ่อนๆ กำลังดีเสริมขึ้นมา ก็จะเริ่มจับต้องได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ Middle Notes ที่กลิ่นเขียวปร่าของจูนิเปอร์ที่เริ่มเบาลงมาเป็นสายสนับสนุน เหลือความเป็น Citrus ติดโทนเลมอนที่ยังให้อารมณ์เปรี้ยวปนขมอ่อนๆ ปลายกลิ่น ที่จะมาเป็นตัวสนับสนุนกลิ่นอายโทนสมุนไพรอ่อนๆ ของลาเวนเดอร์และโทนเขียวติดแห้งๆ ขมนิดๆ ของ Oak Moss ที่เริ่มชัดขึ้น และจะจับโทนกลิ่นออกทางเครื่องเทศติดหวานอ่อนๆ ได้เบาๆ เคล้าไม้หอมโปร่งอ้อยอิ่งให้พอรับรู้ได้เสียด้วย กลิ่นจะได้ความสะอาดติดแห้งๆ กำลังดี นวลๆ เบาๆ Airy ติดผิวไปตลอด จนเมื่อเข้าสู่ Base Notes กลิ่นจะเริ่มมีความนวลคล้ายผิวกายสะอาดติดหวานหน่อยๆ เข้าโทน Musk ปนเขียวติดแห้งๆ ปนขมอ่อนๆ ของ Oak Moss ที่ยังมีอยู่แบบกำลังดี กลิ่นจะมีความอบอุ่นเบาๆ และมีโทนไม้หอมโปร่งๆ บางๆ เคล้าไปตลอด ซึ่งจะทำให้ได้ความรู้สึกเบาๆ ระเรื่อบนผิวไปเรื่อยๆ ให้ออร่าความสะอาดไปจนกว่าจะหายไปจากผิวนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex กันเต็มๆ เพราะกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติในระดับหนึ่งเลยทีเดียวกับความเป็น Citrus ที่ติดสดชื่นปนชื้นๆ ซึ่งเข้าได้กับทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ก็สามารถใส่ได้แล้ว และเข้าได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมด เพราะกลิ่นนี้เป็นโซน ยังไงก็รอดได้สบายมาก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไปให้ความอะโรม่าสะอาดๆ จะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้เป็นสายบู๊ ไม่สามารถสู้กับโทนแน่นๆ ได้แน่นอน 

ความทน - อยู่ระหว่าง 4 - 6 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์ สภาพอากาศและสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเวลาเจออากาศร้อนๆ 4 ชม. กลิ่นก็ไปแล้ว แต่ถ้าอยู่ในห้องแอร์ไปที่ 6 ชม. ได้อยู่ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนแรก แล้วจะดรอปลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว เพียงไม่นานเข้าสู่การเป็น Skin Scent แบบยาวไปตั้งแต่ช่วงกลาง 

ทิ้งท้าย - Safe Scent ชัดเจนมาก และมีความอะโรม่าของโทน Citrus เจือเขียวไพล่ไปทางสมุนไพรอ่อนๆ แห้งๆ ได้ดีเลยทีเดียว เพียงแต่กลิ่นอาจจะไม่ได้ถึงกับทนจัดนัก แต่ยังไงก็ให้ออร่าความสะอาดเรียบหรูแบบเบาๆ Airy เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นแน่นๆ และต้องการเน้นโทนสะอาดเป็นสำคัญนั่นเอง 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttps://www.accakappa.us/products/white-moss-parfum-unisex-1

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Parfumerie Naturelle - Ararat

Parfumerie Naturelle - Ararat 

จากที่ได้ท่องเที่ยวผ่านกลิ่นกับรุ่น Sunset over Santorini แล้วมีความประทับใจมากจนกลายมาเป็นหนึ่งในตัวที่รักมาหเมื่อปี 2017 ก็ได้เวลาของการมาลองกับอีก 1 กลิ่นของแบรนด์ Parfumerie Naturelle ที่แบรนด์ฺ Niche จากฝรั่งเศสที่ตอนนี้หายไปจากตลาดแล้ว (เป็น Rare Itemแล้วสินะ) เช่นนั้นว่ากันที่อีกหนึ่งรุ่นดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไร กับรุ่นนี้เลย Ararat

บอกก่อน - ไม่มีข้อมูลการอ้างอิงใดๆ ว่าน้ำหอมรุ่นนี้มีแรงบันดาลใจการสร้างสรรค์กลิ่นมาจากสถานที่แห่งใด และ Ararat ที่ก็มีหลายที่มากทั้งตุรกี USA และ Australia รวมถึงเป็นสถานที่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลด้วย เช่นนั้นว่ากันที่กลิ่นล้วนๆ เลย

เปิดตัวกันที่ความเป็นโทน Citrus กลั้วผลไม้ติดเปรี้ยวอย่างแอปเปิ้ลเขียวกันก่อนเลย แต่ในเนื้อกลิ่นจะแอบจับได้ถึงกลิ่นสับปะรดที่นัวๆ เย้าๆ ของเม็ดกระวานที่เสริมโทนหวานนัวปน Spicy ติดโปร่งหน่อยๆ ทำให้กลิ่นในช่วงแรกจะเป็นลักษณะของกลิ่นหอมติดเปรี้ยวอมหวานที่จับต้องได้ถึงกลิ่นอายแบบแอปเปิ้ลเขียวและสับปะรด เจือเปรี้ยวปลายของโทน Citrus ที่มีความนัวกำลังดี ได้อารมณ์ของความฉ่ำหน่อยๆ ก็ได้ ความหอมแบบสับปะรดกรอบหน่อยๆ ก็สามารถ และกลิ่นโทนสับปะรดนี่แหละที่จะเริ่มกลายเป็นตัวนำโทนทั้งหมดและมีความชัดเจนมากในช่วงกลางและจะเป็นตัวเอกหลักของน้ำหอมรุ่นนี้แบบยาวไปจนถึงช่วงท้าย โดยที่จะให้กลิ่นสับปะรดติดหวานโปร่ง มีกลิ่นโทนติดเปรี้ยวหน่อยๆ เจือดอกไม้ติดเขียวอ่อนๆ เป็นตัวเสริมทำให้สับปะรดยังมีความสดชื่น เสริมด้วยที่มีกลิ่นอายติดไม้หอมโทนสว่างๆ ที่ลักษณะใกล้เคียงกับไม้ซีดาร์ ซึ่งอาจจะมาจากสารหอมอย่าง ISO E Super ที่ให้ความโปร่งสบายในกลิ่น ช่วงนี้เลยจะได้ความเป็นโทน Fruity Aromatic ให้ความอะโรม่าเด่นที่ความเป็นสับปะรดหวานอมเปรี้ยวสบายๆ และรื่นรมย์มากเลยทีเดียว

เมื่อผ่านไปซักระยะกลิ่นจะเริ่มมีลักษณะติดโทนนวลปนครีมมี่ค่อยๆ เปิดตัวออกมาผสมผสานกับกลิ่นสับปะรด และเริ่มลดทอนความเป็นโทนผลไม้ลงไปพอสมควรในช่วงท้าย แต่กลิ่นสับปะรดไม่ได้หายไปทั้งหมด เพราะจะให้ความหวานอมเปรี้ยวเจือในเนื้อกลิ่นอยู่แบบอ้อยอิิ่งกำลังดี แต่กลิ่นไม้หอมสว่างๆ โปร่งๆ จะยังคงชัดเจนอยู่ โดยจะมีกลิ่นอายสไตล์ถั่วตองก้าที่ให้ความเป็นโทนนวลๆ ติดแป้งอ่อนๆ เคล้ากับกลิ่นออกทางติดเค็มคล้ายผิวกายนวลนัวๆ บางๆ เป็นตัวเสริมโทนให้กลิ่นมีความนวลเคล้าความหวานอมเปรี้ยวอ่อนๆ ที่มีเสน่ห์ขึ้นมาอีกระดับ ซึ่งภาพรวมของกลิ่นจะให้ความรู้สึกแบบหวานอมเปรี้ยวปลอดโปร่ง หอมอะโรม่าสับปะรดที่ลงตัว ได้ความรู้สึกคล้ายพักผ่อนติดรื่นรมย์ก็ได้ ได้ความสบายๆ เข้าถึงง่ายมากก็ดี และได้ความดึงดูดแบบที่ใครได้กลิ่นก็รู้สึกหอมได้ไม่ยากนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ลงไว้ว่า Unisex แต่เอาเข้าจริงไพล่ไปทางผู้ชายมากกว่าซัก 70% ได้ แต่เพราะกลิ่นโทน Fruity ของสับปะรดก็เข้ากับฝั่งผู้หญิงได้อยู่ เช่นนั้นสาวๆ ใส่ได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งกลิ่นจะเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงสามารถใช้กับกิจกรรมกลางแจ้งได้สบายมาก เพียงแต่ถ้าใส่ไปออกกำลังกาย แม้จะได้อยู่แต่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนถ้าเป็นการใส่ทั่วๆ ไปหรือว่าออกงานได้หมด แต่ถ้าจะเอาไปท่องราตรี อัดสเปรย์หน่อยก็พอไปได้อยู 

ความทน - ดีงาม 8 ชม. คือพื้นฐานของน้ำหอมรุ่นนี้เลย และมากกว่านั้นได้สบายๆ ซึ่งอิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. ถือว่า ยกนิ้วให้เลยจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นไปซัก 8 ชม. กลิ่นจะเริ่มเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - เททิ้งสิ่งที่เคยอ่านเกี่ยวกับตัวนี้ว่าเหมือน Creed Aventus ไปได้เลย จะเหมือนก็แค่กลิ่นสับปะรด แต่นอกนั้นมีความรื่นรมย์เป็นเอกเทศเฉพาะตัวมากเลยทีเดียว และอีกอย่างถ้า Paco Rabanne - Black XS L’Exces ปรับโทนทะเลกับความนัวออกไป ใส่ความเป็นธรรมชาติและความเป็นผลไม้มากขึ้น สามารถกลายเป็นตัวนี้ได้เลยล่ะ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit - เข็มขัดสั้น