DSQUARED² - He Wood Silver Wind Wood
แม้ว่าในปัจจุบันนี้มีการปรับกระบวนทัพใหม่ในการนำเสนอน้ำหอมออกสู่ตลาดของแบรนด์ DSQUARED² อารมณ์ Revamp หรือปรับใหม่ให้ตรงกับยุคสมัยมากขึ้นทำให้น้ำหอมเดิมของแบรนด์ต่างก็เริ่มเข้ากรุของคำว่าเลิกผลิตกันไปตามๆ กันแบบทัวร์ยกแกงค์ทั้งหมดที่เคยมีของแบรนด์เลย โดยมา Cut-off เริ่มต้นใหม่ในปี 2018 กับการนำเสนอความเป็น Wood ในรูปแบบและทิศทางใหม่ๆ แทน
ซึ่งแน่นอน ช็อค! เพราะว่าของเดิมในสายผู้ชายเน้นที่โซน He Wood เป็นน้ำหอมงามๆ ทั้งนั้นเลย แถมทำกลิ่นได้เรียกว่าขึ้นแท่นความเป็นกลิ่นสไตล์ High-End Designer เลยก็ว่าได้ พอไปหมดแบบนี้ก็ถึงกับปวดใจกันไม่น้อย แต่ไม่พอยังมาขอตอกย้ำความเจ็บปวดด้วยการเล่ากลิ่นส่งท้ายกับเก็บเป็นสารบัญที่ถือเป็นการ Tribute ผ่านงานเขียนกันหน่อยกับรุ่นที่ไม่รู้จะได้กลับมาอีกไหมอย่าง He Wood Silver Wind Wood ว่ามีความดีงามอย่างไรบ้าง
ภาพรวมของกลิ่นคือมีความชัดเจนในการเป็นโทนสาย Amber Woody Spicy ที่มีความเป็น Incense มาสอดประสานให้ความสมดุลย์ทางกลิ่นที่ไม่หนักหน่วงและแน่นจนเกินไป สมกับชื่อรุ่นที่เป็นสายลมได้เลย ซึ่งจะเปิดตัวกันที่การเป็นโทนยางไม้ปร่าพริกไทยแกมสดชื่นกึ่ง Incense ของ Frankincense ที่ฟุ้งออกมาแต่ไม่ได้คมเพราะโทนลาเวนเดอร์ ที่มาตัดทมอนให้กลิ่นมีความสมดุลย์และเข้าทางโทนแป้งในระดับหนึ่ง และมีความเป็นกลิ่นโทนสมุนไพรติดเผ็ดอ่อนๆ ของ Sage ที่ให้ความเป็นโทนแบบน้ำหอมผู้ชายสายสมุนไพรติด Earthy กำลังดี แอบเค็มนิดๆ แต่ไม่ถึงกับเป็นกลิ่นออกทางคาวคล้ายปลาที่ Sage มักจะมีโทนแบบนี้ (ซึ่งต้องยกให้เลยว่าเกลามาดี) ซึ่งจะได้อารมณ์แนวเมทัลลิคบางๆ เข้ามาร่วมด้วย แต่ไม่ได้มีแค่นี้เพราะว่าเนื้อกลิ่นมีโทนไม้ติดแห้งโปร่งๆ รองพื้นอยู่ เลยทำให้ช่วงต้นอารมณ์แบบอากาศปร่าๆ ที่กลิ่นชัดหน่อยหน่อย แต่ไม่หนักจมูกจนเกินไป เคล้ากลิ่นไม้ที่แฝงอยู่อารมณ์รองพื้นที่เป็นลักษณะแบบ Woody Fresh Spicy และเข้าทางตามชื่อรุ่นชัดเจนว่า Silver + Wind + Wood ได้เลย
เมื่อเริ่มสัมผัสได้ว่ากลิ่นมีความนุ่มเข้ามาตัดทอนกลิ่นให้กลมมาขึ้น โดยที่ยังมีความปร่าของกลิ่น Frankincense พร้อมกับกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ที่เดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นกลิ่นแนวไม้ซีดาร์ที่ได้ความปร่าเผ็ดหน่อยๆ แต่มีความโปร่งสุขุมที่เริ่ม Mix เข้ากันได้อย่างลงตัวยังคงเด่นอยู่ ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่เริ่มชัดเจนว่ามีตัวช่วยสำคัญในการเกลากลิ่นอย่างเม็ดจันทน์เทศที่จะเป็นตัวสร้างความกลมกล่อมในความเป็นโทนไม้หอม กึ่งยางไม้ Incense แต่มีความปร่าเผ็ดนวลที่สร้างความสดชื่นอ่อนๆ อยู่ด้วย แถมลาเวนเดอร์ที่ยังตามมาในช่วงนี้ก็มีลูกคู่ที่ทำให้กลิ่นมีความเป็นโทนแป้งนวลกำลังดีอย่าง Musk ที่เข้ามาทำให้กลิ่นมีมิติทั้งแบบอารมณ์กลิ่นแบบหอมกลิ่นไม้แกมยางไม้ปร่าที่พอเหมาะพอเจาะ เคล้ากับกลิ่นนุ่มๆ ที่มีลูกสมุนไพรบางๆ มีความหวานแซมหน่อยๆ ทุกอย่างคุมโทนตามชื่อรุ่นได้เป็นอย่างดี และมีความรื่นรมย์เป็นที่ตั้งแบบที่ไม่มากไป ไม่น้อยไป
ในช่วงรอยต่อของการเข้าสู่ช่วงท้าย จะเริ่มจับต้องได้ว่ามีกลิ่นโทนอบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ และจะสัมผัสได้ถึงความเป็น Soft Vanilla ที่มาแบบผ่อนคลายแกมหวานกำลังดี ซึ่งเนื้อกลิ่นให้ความกลางๆ สมดุลย์กำลังดีมาก และยิ่งชัดเจนเมื่อเข้าช่วงท้ายเต็มตัวเพราะว่าทุกโทนกลิ่นจะแบ่งเค้กกันทำหน้าที่ได้ดี และยังสอดรับกันสร้างโทนรื่นรมย์อีกด้วย เพราะชั้นเค้กที่ 1 จะเป็นกลิ่นโทนนุ่มแกมหวานน้อยผ่อนคลายของ Soft Vanilla แกม Musk เสริม Amber ให้อบอุ่น แล้วเชื่อมโทนไปชั้นเค้กที่ 2 อย่างโทนไม้หอมที่ให้อารมณ์โปร่งๆ ที่นอกจากไม้ซีดาร์แล้ว และมีโทน Smoky Earthy หน่อยจากหญ้าแฝกมาสร้างความเป็นไม้ที่ครบมิติมากขึ้น และหน้าเค้กมีความชัดเจนกับการเป็นโทนติดแป้งลาเวนเดอร์อ่อนๆ กลมกล่อม ซึ่งทั้งหมดให้ภาพอารมณ์ผู้ชายสบายๆ ที่ลุคอบอุ่นที่ผ่อนคลาย แต่ก็มีความสมาร์ทเข้ามาร่วมด้วย เลยสร้างมิติที่มีเสน่ห์และมีระดับได้ในหลากหลายสถานการณ์ กับเนื้อกลิ่นที่ไม่ธรรมดามีมิติของคุณภาพกลิ่นที่ลงตัวในการผสมผสานคลอผิวอย่างเพลิดเพลินในการรับรู้ได้มากจริงๆ
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานกลิ่นนี้ได้แล้ว และยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นแนวไม้หอมแกมปร่าต่อเนื่องด้วยหวานอ่อนวานิลลาคือจะฟินไปกับกลิ่นนี้ได้เลย ซึ่งเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป เรียกว่ายังไงก็ผ่าน อย. ด้านกลิ่น และความมีระดับในเนื้อกลิ่นแน่นอน รวมถึงจะใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งแบบผ่อนคลายก็ยังได้ แต่ถ้าออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนแน้นใส่แบบโรแมนติคหรือสบายๆ ทั่วไป จะเข้าทีสุด
ความทน - กลิ่นทนลงตัวที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ แถมไปต่อได้อีก ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสมและสภาพผิวเอื้อในการคงตัวของน้ำหอม ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. อยู่ในหลายๆ ครั้งกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และค่อนข้างคงตัวพอสมควรไปจนถึงช่วงกลางพักนึง ก่อนที่จะลดลงมาที่ปานกลางแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ จนประมาณ 4 ชม. ถึงลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว กันยาวๆ ไป จนเมื่อผ่านไปราว 7 ชม. ก็เป็น Skin Scent
สรุป - ไม่ใช่ไก่กาเลย เบลนด์กลิ่นได้ดีมาก สอดรับกันอย่างดี และตรง Concept ความเป็น Silver Wind Wood ที่ชัดเจนมาก โดยไม่หนักเกินไป ได้หมดทั้งสดชื่น ผ่อนคลาย นุ่มนวล ปร่าดึงดูด และรื่นรมย์ โดยมีพื้นฐานคือกลิ่นไม้หอม ซึ่งบอกตรงๆ ว่าเสียดายมากจริงๆ ที่เลิกผลิตไป โปรดเอากลับมาเถอะ DSQUARED²
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo Credit - https://www.kastner-oehler.at/dsquared+2-he+wood++silver+wind+wood+eau+de+toilette+spray+50ml-1-768_1024_75-6820620_1.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น