วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

Review: Hermes - Eau de Néroli Doré

Hermes - Eau de Néroli Doré

ก่อนที่จะสิ้นสุดการเป็นสุคนธกรหลักของ Jean-Claude Ellena กับแบรนด์ Hermes ในปี 2016 สุคนธกรผู้นี้ก็ได้สร้างสรรค์กลิ่นออกมาถึง 2 รุ่นปิดท้ายกับหนึ่งในสาย Exclusive อย่าง Hermessence (ไว้มีโอกาสจะมาว่ากันอีกที) กับหนึ่งใน Collection - Eau de Cologne ของแบรนด์อย่าง Eau de Néroli Doré ที่ออกมาคู่กับรุ่นเปิดตัวสุคนธกรใหม่ของแบรนด์อย่าง Christine Nagel ในรุ่น Eau de Rhubarbe Ecarlate

ซึ่งในการทิ้งทวนนี่แหละ มีความน่าสนใจไม่น้อยว่าจะสร้างสรรค์กลิ่นออกมาในรูปแบบไหน และมีความเป็นสไตล์มินิมัลแบบที่ Ellena ทำออกมาได้อย่างมีเสน่ห์มาเสมอหรือไม่ และเมื่อได้โอกาสเลยต้องมาจัดกันซักหน่อยกับหนึ่งในกลิ่นอายสาย Cologne กับการเอาความเป็นดอกส้ม (Neroli) มาเป็นตัวสื่อสารหลัก ซึ่งซึมซับแล้วก็แปลสารความหอมออกมาได้แบบนี้เลย

เปิดตัวออกมาทำให้นึกถึงโทนกลิ่นสไตล์สาย Classic Hermes ที่ปูทางไปยังกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่เด่นกับการเป็นโทนหนัง ที่มีความ Animalic แฝงอยู่เคล้ากับเครื่องเทศที่ให้อารมณ์เร้าใจฉาบหน้าด้วยโทน Citrus แนวๆ Eau d’Hermes แต่ไม่ได้แบบจัดจ้านเท่ามากขนาดนั้น อารมณ์กลิ่นจะมาแบบ L’Eau มากๆ แทน แบบเจือจางความเป็นหนังลงไปเหลือเบาๆ ซึ่งน่าจะใช้ Effect ของหญ้าฝรั่นมาแทน + ตัดทอนความเป็น Sweat Tone หรือกลิ่นออกทางเหงื่อของยี่หร่าลงไปให้เหลือกลิ่นเย้าเบาๆ เป็นลูกเอื้อนของกลิ่น โดยให้ความเด่นไปอยู่ที่กลิ่นของส้มขมที่ให้อารมณ์แบบน้ำส้มใสๆ แต่ใส่ความขมแบบเปลือกส้มเขียวหนาๆ ลงไปในสไตล์แบบที่แบบ Ellena ชัดเจน และที่สำคัญคือจะมีกลิ่นโทนออกทางเปรี้ยวติดปร่าซ่าๆ ที่เดาว่าน่าจะเป็นมะกรูดฝรั่ง (ฺBergamot) + กิ่งก้านส้ม (Petitgrain) ที่ให้ความเขียวติดเปรี้ยวเสริมอยู่ด้วย เลยทำให้ช่วงต้นได้อารมณ์แบบ Cologne เปิดตัวชัดเจน โดยไล่เรียงความรู้สึกจากสดชื่น สะอาด แบบกลิ่นสายมินิมัล แต่แอบเนียน Dirty นิดๆ แบบกลิ่นเครื่องเทศแกมหนังแฝงที่เป็นสไตล์ Classic เรียกว่าบรรจบกันได้อย่างน่าสนใจ โดยที่ไพล่ไปทาง Cologne กลิ่นธรรมชาติกับกลิ่นกายเย้าๆ เสียด้วย 

เมื่อพระเอกของงานตามชื่อรุ่นอย่างดอกส้ม Neroli ค่อยๆ เปิดตัวออกมาหลังจากผ่านช่วงต้นไปราวๆ ไม่เกิน 5 นาที กลิ่นจะให้ความเขียวแกมเปรี้ยวหอมเจือนวลๆ สไตล์ดอกไม้ขาวที่มีความใส ก็เปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลาง โดยจะยังคุมโทนสไตล์ Cologne ที่เนื้อกลิ่นมีความสดชื่นอยู่เช่นเดิม แต่จะมีความนวลในเนื้อกลิ่นแกมกลิ่นออกทางผิวกายสะอาดๆ ที่มีลูกปลายกลิ่นแนวสมุนไพรอ่อนๆ เบาๆ แต่ใกล้ผิวก็ยังมี Effect กลิ่นเครื่องเทศกึ่งหนังที่คราวนี้เริ่มจับได้มากขึ้นว่าหญ้าฝรั่น เพราะมีกลิ่นติดหวานปนขมที่ชัดขึ้นมาร่วมด้วย โดยกลิ่นออกทางยี่หร่าที่ให้อารมณ์แบบเหงื่อผู้ชายที่สะอาดสะอ้านยังคงเป็นกิมมิคแฝงอยู่ให้รู้สึกมีเสน่ห์ดึงดูดภายใต้การเป็น Cologne ที่สะอาดสดชื่นและมีเสน่ห์แบบเรียบง่าย

เนื้อกลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนแปลงเมื่อความเป็น Citrus เริ่มเบาลง เหลือเพียงกลิ่นติดหวานนวลอ่อนๆ ของดอกส้ม ที่เริ่มจับได้ว่าน่าจะมีดอกส้มที่สกัดด้วยตัวทำละลายอย่าง Orange Blossom เข้ามาร่วมด้วย และเนื้อกลิ่นเริ่มมีโทนติดอบอุ่นอ่อนๆ แบบผิวกายสะอาดๆ กึ่ง Musk นิดๆ โดยยังมี Effect แบบกลิ่นหนังแกมสมุนไพรอ่อนๆ รวมอยู่ ก็ถือว่าเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มตัว โดยที่กลิ่นจะให้ความหอมติดหวานระเรื่อๆ อ่อนๆ สะอาดๆ แบบที่ไม่ซับซ้อน แต่ได้อารมณ์สบายๆ แกมเรียบหรูเรื่อยๆ ก่อนจะจางไปในที่สุด

เหมาะสำหรับ - เนื้อกลิ่นช่วงเปิดค่อนข้างชี้ไปทางการเป็น Cologne สไตล์ผู้ชายอยู่พอตัว แต่ยังไงก็ตามกลิ่นนี้ก็ Unisex มากพอที่ตอบโจทย์การใช้งานกับผิวกายผู้หญิงได้ด้วย เพราะเนื้อกลิ่นมีโทนดอกส้มนี่แหละที่เป็นตัวกลางแตะได้ทุกเพศ และกลิ่นไม่ได้โฉ่งฉ่างแต่อย่างใด ให้ความเรื่อยๆ และมีเสน่ห์เนียนๆ จึงเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กวาดหมด เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังอยู่แล้ว ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบสบายๆ ทั่วไป ให้ความเรียบหรูและมีเสน่ห์แบบเรื่อๆ แทนน่าจะลงตัวที่สุด

ความทน - เพราะเป็น Eau de Cologne ที่เด่นกับโทน Citrus ความทนเลยจะไม่ได้จัดจ้านนัก แต่อย่างน้อยก็ไปที่ 4 - 6 ชม. ได้ไม่ยาก แนะนำพกไปเติมระหว่างวันจะดีที่สุด ซึ่งส่วนตัวเจอสูงสุดที่ราวๆ 6 ชม. ถือว่ากลิ่นติดเสื้อได้ดีกว่าติดผิว แต่ถ้าฉีดกับผิวกลิ่นจะสร้างเสน่ห์ในการรับรู้ได้ชัดกว่า

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในวูบแรก แล้วจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ กันไปเรื่อยๆ จนเมื่อแตะราวๆ 2 - 3 ชม. ก็จะเริ่มติดผิว โดยที่เวลาขยับเนื้อตัวก็จะตีขึ้นอ่อนๆ แล้วจะจางไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง  

สรุป - ถือว่าเป็นการเอาความ Classic แบบสไตล์ดั้งเดิมของ Hermes มาเจอกับความเป็น Cologne สายกลิ่นอายธรรมชาติที่ตอบโจทย์มินิมัลแบบยุคสมัยใหม่ได้ดีและลงตัวไม่น้อย เนื้อกลิ่นมีลูกเล่นเสน่ห์เนียนๆ อีกด้วย แต่มีข้อด้อยตรงความทนนี่แหละ แต่ก็นะกลิ่นนี้ คือ Eau de Cologne กลิ่นก็จะแนวๆ นี้อยู่แล้ว และยังไงฝีมือของสุคนธกรก็สร้างความเรียบหรูเรื่อยๆ ทางกลิ่นได้อย่างลงตัวอยู่ดี

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.hermes.com/th/en/product/eau-de-neroli-dore-eau-de-cologne-V37066/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น