วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

Review: Sucreabeille - Blood Drunk

Sucreabeille - Blood Drunk

เรื่องเล่าของการสร้างสรรค์น้ำหอมโดยสรุป - เรื่องราวของเหล่าแวมไพร์ 3 หน่อที่มานั่งล้อมวงเล่น Board Game อย่าง Game of Life อารมณ์แบบว่าก็ “พวกฉันเป็นแวมไพร์ เราจะเล่นกับชีวิตมนุษย์ให้ดีหรือแย่อย่างไงก็ได้ผ่าน” พลางจิบเลือดสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นมาให้แวมไพร์ดื่มได้ ซึ่งก็มีขิงกันไปมา จนมีหน่อที่ 4 ที่เข้ามาแจมแบบไม่ได้มาเล่นนะ แต่มานั่งจิบเลือดไปเมาท์ไปจนหลับคาโซฟา ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็วันว่างของแวมไพร์ประมาณนั้น

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในผลงานของแบรนด์ Sucreabeille ที่สร้างสรรค์น้ำหอมออกมาอิงจากเรื่องเล่าแฟนตาชีที่แต่งขึ้นมากับ Keyword สำคัญอย่าง “เลือดสังเคราะห์สำหรับแวมไพร์” และกลิ่นจะออกมาเป็นแบบไหนนั้น ว่ากันได้เลยที่รุ่นนี้ Blood Drunk

เปิดต้นกลิ่นมาก็แบบว่าอารมณ์สีแดงเลือดมาชัดเจนตั้งแต่แรกเลย และสปอยกันก่อนเลยว่าโทนสีของกลิ่นจะให้อารมณ์สีแดงเลือดคนแบบชัดเจนไปตลอดจนถึงช่วงท้าย เพียงแต่จะเริ่มจากโทนแนวติดใสที่สมควรมากกับการเป็นเลเยอร์แรกสุดก่อนอย่างโทนผลไม้และเครื่องดื่มสีแดง ซึ่งกลิ่นที่มาทักทายก่อนเพื่อนเลยคือ กลิ่นน้ำทับทิมที่จะให้อารมณ์สีแดงใสและมีความลึกแกมเมทัลลิคหน่อยๆ ตามด้วยกลิ่นแนวไวน์แดงที่เสริมให้เนื้อกลิ่นมีมิติที่ลึกมากขึ้นจากการเป็นแค่โทนผลไม้ และยังไม่พอมีกลิ่นแอปเปิ้ลแดงที่สร้างโทนหวานแทรกอยู่ในเนื้อกลิ่น ซึ่งเรียกว่าเป็นช่วงเปิดที่ให้ความแดงติดโทนแข้มแบบสีแดงเลือด แต่กลิ่นมีความเย้า ใส มีมิติ ได้ความรู้สึกน่าค้นหาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงสร้างภาพให้เห็นถึงคาแรคเตอร์แนวๆ แวมไพร์สาวที่ตาคมปากแดงเข้มมาดนิ่งและสายตาเย้าขี้เล่นได้ชัดเจนมาก

การเปลี่ยนแปลงเพื่อส่งต่อสู่ช่วงกลาง ค่อนข้างจะเริ่มมีมิติกลิ่นที่หนาขึ้นมาอีกสเต็ปจากกลิ่นออกทางเหล้ารัมเข้มๆ ที่จะแทรกตัวออกมากลายเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นที่ชัดมาก โดยที่กลิ่นโทนผลไม้สีแดงต่างๆ ในช่วงต้นจะเป็นตัวเสริมชั้นดีให้เนื้อกลิ่นมีสีแดงเข้มราวกับสีเลือดอยู่ + เพิ่มเข้าไปอีกด้วยกลิ่นคล้ายโทน Cherry ที่มีอยู่ประปรายให้จับต้องได้ อารมณ์เลยจะเป็นแนวเหล้ารัมเคล้าไวน์ผลไม้ค่อนไปทางทับทิมแกมเชอร์รี่ที่มีกลิ่นติดอบอุ่นหน่อยที่ให้ความรู้สึกแบบกลิ่นคล้ายยางไม้อุ่นติดโทนหวาน เลยพออนุมานได้ว่าก็เลือดน่ะ มันก็ต้องมีความอุ่นเนียนๆ อยู่ด้วยถึงจะได้ครบลูปที่ควรจะเป็น จนจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นตามลำดับเพราะเนื้อกลิ่นจะมีความอบอุ่นแกมหวานเย้าในความเป็นเหล้ารัมสีแดงเข้มและเริ่มสตรองมากขึ้น และเมื่อพินิจพิเคราะห์ก็เดาว่ามาจากยางไม้ประเภทหนึ่ง ซึ่งดูจาก Note ก็น่าจะเป็นยางจากต้น Dragon’s Blood ที่จะให้โทนกลิ่นอบอุ่นแกมหวานที่เป็นตัวเสริมชั้นดีให้กับเหล้ารัม ที่ทำให้กลิ่นในช่วงนี้เป็นโทนแบบเหล้ารัมสีเลือดได้แบบชัดเจน

ในช่วงท้ายจะเริ่มจับได้ถึงโทนคล้ายเมทัลลิคแบบกลิ่นเลือดคลอเข้ามาด้วย และจะมีกลิ่นออกทางยาสูบกึ่งเชอร์รี่ที่ค่อนข้างเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มาเสริมให้กลิ่นมีความลึกและเย้ามีโทนหวาน Aromatic กึ่งผลไม้แดงเย้า ซึ่งทุกอย่างเมื่อผสมผสานรวมกันจากโทนในช่วงกลางในการเป็นโทนหลักในช่วงท้าย กลิ่นจะค่อนข้างชัดเจนถึงความอบอุ่น หวานลึก มีลักษณะกลิ่นคล้ายเลือดเนียนๆ และเนื้อกลิ่นจะมีความอวลอีกครึ่งสต็ปจากช่วงกลาง ซึ่งเข้าทางกับชื่อรุ่นของน้ำหอมชัดเจนว่า Blood Drunk ที่เป็นเหมือนเครื่องดื่มเลือดสังเคราะห์ที่ให้อารมณ์คล้ายเหล้ารัมผสมเลือดที่มีความอบอุ่นคลอๆ และมีความหวานลึกเย้ายวนชวนจิบจนหลงไปกับการลิ้มรสและน่าค้นหาในทุกสโตรกของกลิ่น ปิดท้ายได้อย่างมีสไตล์และไม่เหมือนใครเลย

เหมาะสำหรับ - Unisex แต่กลิ่นจะไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าพอสมควร เพราะโทนแนวผลไม้สีแดงเข้มลึกนี่แหละ แต่ถ้าผู้ชายไม่มายด์ใส่ได้เลย กลิ่นมีความเก๋และแตกต่างมากในการนำเสนอตัวเองให้มีออร่าสีแดงเข้มรอบกายแต่มีความลั่นล้าแฝงได้ดีไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งตัดการใส่ในยามทางการและใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งรวมถึงออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทาง แต่ถ้าใส่แบบทั่วๆ ไป ใส่ทำงาน Office ใส่ในชีวิตประจำวัน หรือว่าใส่แบบลั่นล้าแบบมีสไตล์อันนี้แหละเข้าทาง บอกเลยว่ากลิ่นไม่เหมือนใครจริงๆ Unique มาก ส่วนยามค่ำคืน บอกเลยว่าอันนี้สร้างออร่าแบบน่าค้นหาสไตล์สีเลือดล้อมกายได้เลย แถมบางคนได้กลิ่นอาจจะคิดไพล่ไปทางแวมไพร์ก็ได้ด้วย เรียกว่าเน้นสร้างความแตกต่างได้อย่างมีเสน่หเลยล่ะ

ความทน - มาก อันนี้เกินคาดจริงๆ เพราะกลิ่นทนยาวถึงราว 12 ชม. เลยกับการใช้งานส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งถ้ามองในแง่กลางๆ ก็ 8 ชม. ได้สบายมาก กับจำนวนสเปรย์ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีเรียกว่าเปิดมาก็ โหย สีแดงในเนื้อกลิ่นทักทายก่อนเลย สร้างออร่าสีแดงล้อมกายชัดเจนกันยาวๆ ถึงราวๆ 4 ชม. แล้วจะค่อยๆ เฟดลงไปทีละหน่อยๆ จนกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวเอาเมื่อผ่านไปแล้วราว 6 - 8 ชม. และจะลดลงไปเรื่อยๆ จนเมื่อพ้นไปซัก 12 ชม. ก็ขึ้นอยู่กับสถาพผิวและจำนวนสเปรย์ว่าจะไปต่อได้อีกเท่าไหร่ 

สรุป - เนื้อกลิ่นชัดมาก มันคือโทนสีแดงเลือดชัดเจน อันนี้ยอมรับเลยว่าสุคนธกรแปลสารกลิ่นเลือดที่ให้อารมณ์แวมไพร์ดื่มเลือด (สังเคราะห์) อย่างเพลินเพลินและมีความสุขในการจิบ จนสร้างโทนกลิ่นที่แดงเย้า ลึกลับก็ได้ น่าค้นหาก็ใช่ เย้ายวนก็แตะ และแอบมีความสนุกสนานเนียนๆ ในเนื้อกลิ่นเสียด้วย บอกเลยว่ากลิ่นนี้ไม่ธรรมดา และแสดงให้เห็นถึงฝีมือของสุคนธกรที่สร้างความเก๋ลงน้ำหอมได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://sucreabeille.com/products/blood-drunk

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น