วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

Review: Jo Malone - English Pear & Freesia

Jo Malone - English Pear & Freesia

คนที่เป็นแฟน Jo Malone หรือว่าใช้แบรนด์นี้ + ติดตามน้ำหอมแบรนด์นี้เข้าไปด้วย มักจะเดากันได้ไม่ยากกับการออก Limited Edition ในแต่ละปีที่นอกจากจะมีกลิ่นใหม่แล้ว การเอากลิ่นเก่ามาสร้างมูลค่าเพิ่มในการขายก็มีมาทุกปีและหวยมักลงมาที่รุ่น English Pear & Freesia เสมอ ที่จะมาแบบลายขวดใหม่บ้างแหละ ฝาจุกเปลี่ยนสีหรือว่าจะเป็นมาทรงเพชรบ้างแหละ ซึ่งเราก็ต้องยอมให้เขาจริงๆ นะ เพราะรุ่นนี้เป็นตัว Top สูงสุดของแบรนด์นี้จริงๆ ในเรื่องความนิยมจากผู้ใช้งานโดยส่วนมากทั่วโลก

เช่นนั้น จากที่ผลัดวันประกันพรุ่งกับการใช้งานกลิ่นนี้และเอามาเล่ากลิ่นมาอยู่เสมอ ก็ได้เวลาที่จะต้องมาถอดกลิ่นเก็บลงสารบัญทางกลิ่นกันเสียที ซึ่งในความนิยมที่มากมายนั้น กลิ่นนี้มีดีอย่างไร ขยายความกันได้ตามนี้เลย

เกร็ด - กลิ่นนี้ Jo Malone ไม่ได้เป็นคนปรุง แต่เป็น Christine Nagel เป็นคนรับหน้าที่จากแบรนด์เป็นคนสร้างสรรค์

ช่วงเปิดถือว่าสื่อสารกันได้อย่างชัดเจนมากกับการเป็นโทน Fruity Floral และตรงไปตรงมากับความเป็น English Pear & Freesia ที่ครบถ้วน ตรงตามการสร้างความประทับใจแรกรับกลิ่นแบบที่แบรนด์นี้ทำได้ดีและตกผู้ใช้ได้ได้ให้โดนกันมานักต่อหนัก ซึ่งกลิ่นลูกแพร์ที่ให้อารมณ์ติดฉ่ำแกมหวานหน่อยๆ จะวูบขึ้นมาก่อน เสริมด้วยกลิ่นอมเปรี้ยวของลูกควินซ์ที่จะให้อารมณ์แบบลูกฝรั่งที่ติดเปรี้ยวอมหวานแกมแอปเปิ้ลสุกที่เป็นเลเยอร์แรก และซ้อนด้วยเลเยอร์ของฝั่งดอกไม้อย่าง Freesia ที่จะให้ความเป็นกึ่งสบู่เบาๆ แกมพริกไทยอ่อนๆ แอบมีโทนหวานคล้ายน้ำผึ้งเบาๆ ที่มีตัวเสริมอย่างกุหลาบที่ให้ความระเรื่อกำลังดี โดยเนื้อกลิ่นจะคุมโทนการเป็นสไตล์ Cologne ได้ดีด้วย เพราะกลิ่นไม่หนัก มีความโปร่งและมีความใสกำลังดีให้รับรู้ได้ตลอด

ในช่วงรอยต่อก่อนเข้าสู่ช่วงกลาง จะเริ่มสัมผัสได้ถึงความเป็นฟรีเซียกับกุหลาบที่พลิกเลเยอร์ของกลิ่นมาเป็นตัวหลักทีละหน่อยๆ จนกลายมาเป็นตัวเดนเต็มตัวในช่วงกลาง โดยที่ยังมีกลิ่นของลูกแพร์เสริมอยู่ให้ความเป็นโทนผลไม้ติดหวานหน่อยๆ เช่นเดิม แต่ตอนนี้จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นโทนที่ค่อนไปทางพิมเสนที่เริ่มเปิดตัวออกมาผสานเข้ากับกุหลาบและ Freesia จนทำให้เนื้อกลิ่นมีความกรุยกรายกำลังดี แอบมีกลิ่นคล้ายโทนแอมเบอร์ที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีความหนาขึ้นมาอีกเล็กน้อย ซึ่งเพราะการคุมโทนให้เป็นสไตล์ Cologne นี่แหละเลยทำให้กลิ่นไม่ได้จัดจ้านไป ลูกผสมทางกลิ่นเลยจะเป็น Fruity Floral Chypre ที่มีความเรียบหรู แบบที่เข้าทางน้ำหอมกลิ่นอายผู้หญิงที่ใส่ความเป็นนางพญาเบาๆ ลงไป อารมณ์วางตัวดีมีเสน่ห์เสริมความสดใสอ่อนๆ ด้วยโทนผลไม้ประมาณนั้น

การเปลี่ยนโทนเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่ตอนนี้ความเป็น Chypre Cologne อ่อนๆ จะชัดเจนพอสมควร เพราะพิมเสนจะให้ความปร่าสากจมูกบางๆ เรียกร้องความสนใจและสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวแบบกำลังดี แถมด้วยการโดนเกลาโดย Musk ที่เริ่มทำให้กลิ่นนุ่มขึ้น ที่แน่ๆ รู้สึกได้ว่าจะต้องมีโทนกลิ่นแบบ Oak Moss เนียนๆ รวมอยู่ด้วย เพราะเนื้อกลิ่นมีโทนติดดาร์กเขียวเข้มกรุยกรายหน่อยๆ แฝง ซึ่งชัดเจนถึงความเป็น Chypre กันได้เลยเรียกว่าครบ โดยที่ยังแอบจับต้องได้ถึงโทนผลไม้ แต่จะติดเปรี้ยวหอมอ่อนๆ ขึ้นมาแทนเบาๆ เนื้อกลิ่นช่วงท้ายเลยจะได้ความรู้สึกแบบกลิ่นนวลสะอาดที่มีโทนกุหลาบพิมเสนแกมติดเปรี้ยวบางๆ ในเนื้อกลิ่น เรียกว่ากลิ่นให้ความหรูหราและกรุยกรายสาย Feminine แบบกำลังดี มีเสน่ห์และมีระดับที่เข้าถึงได้ง่ายแบบที่ไม่ต้องหนักไป ไม่ได้เบาไป ให้ความระเรื่อๆ เป็นการเปิดท้ายได้อย่างลงตัว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก แอบสร้างออร่าผู้หญิงมีเสน่ห์เบาๆ เนียนๆ ได้ดีแบบที่ไม่ได้ดูคุณนายมาจากไหน แต่มีระดับแฝงได้ลงตัว ซึ่งเข้าได้กับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ยกเว้นการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ไปสายนั้นแต่อย่างใด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไป ออกงาน หรือโรแมนติคจะดีกว่า เพราะเนื้อกลิ่นมาสาย Cologne เช่นนั้นไม่ได้ทรงพลังถ้าเทียบกับกลิ่นหวานแน่นทั้งหลายในการเอาไปสู้กับชาวบ้านเวลาไปท่องราตรีแน่ๆ

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีไปต่อได้อีกถึง 8 ชม. ก็มีบ้าง หรือบางสภาพผิวก็จบที่ไม่เกิน 4 ชม. ก็มี ซึ่งก็ว่ากันตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้นราวๆ 5 นาที แล้วค่อยๆ ผ่อนลงมาปานกลางไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 2 - 3 ชม. ก็ลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แกมติดผิวที่ให้อารมณ์แบบ Whispering Scent ที่มาแบบเบาๆ ตีขึ้นยามร่างกายขยับเนื้อตัว แล้วก็จางไปตามเวลา

สรุป - ไม่แปลกใจเลยที่กลิ่นนี้เป็นตัว Top ของ Jo Malone ที่เอามาสร้างมูลค่าทางกลิ่นใหม่แทบจะทุกปี เพราะเนื้อกลิ่นได้ความเป็นสไตล์เรียบหรูแบบ Concept ของแบรนด์ + กับความกรุยกรายมีเสน่ห์แบบพอเหมาะที่ส่งเสริมความเป็นโทนกลิ่นแบบที่ผู้หญิงจะชอบและไปเสริมคาแรคเตอร์ตัวเองให้มีความหรูหรากำลังดีได้ไม่ยาก เช่นนั้น บอกเลยเจอกันอีกยาวๆ กลิ่นนี้ไม่มีคำว่าเลิกผลิตง่ายๆ แน่นอน 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.jomalone.co.uk/our-stories/english-pear-freesia

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น