Gucci - Mémoire d'une Odeur
เมื่อเทรนด์ตลาดผู้ใช้น้ำหอมเริ่มเปลี่ยน และความเป็นอัตลักษณ์ทางกลิ่นที่เจาะจงกับเพศมันเริ่มเป็นเรื่องที่เริ่มเข้าสู่กระบวนการที่พร้อมจะล้าสมัย และเริ่มที่จะมีคำว่า Unisex ที่สามารถเข้ากันได้กับทั้งผู้ทุกเพศแบบที่มีความเป็นกลางๆ หรือสร้างโทนกลิ่นที่บ่งบอกถึงความทรงจำร่วมที่มีได้ทุกคน หรือจริงๆ มันอาจจะไม่ได้เข้าได้เป๊ะๆ แต่พอมา Mix & Match กับสไตล์การแต่งตัวหรือแฟชั่นแล้ว มันก็สร้างสไตล์ทางกลิ่นที่มีความ Unique และแตกต่างได้อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในสาย Niche Perfume เขามีมานานแล้ว แต่สาย Designer ก็มี CK1 เป็นตัวเปิดมานานแล้วเช่นกัน เพียงแต่มันยังไม่ได้เด่นชัดที่ตีคู่มากับเทรนด์แฟชั่นเท่ากับช่วงยุค 2020 ที่จะไปต่ออีกเรื่อยๆ นี้เท่าไหร่
และแน่นอนว่าเมื่อทุกอย่างเริ่มมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน Gucci ก็เป็นหนึ่งในสาย Designer ที่ลงมาจับตลาด Unisex โดยเน้นเอาเทรนด์ความเก๋ของแฟชั่นที่ผู้ชายที่มีความ Feminie มา หรือบางคนก็เอาเสื้อผ้าผู้หญิงมาใส่ให้ดูเก๋ หรือผู้หญิงมีสไตล์สายเท่ห์ที่ชัดเจนมากขึ้น + กับการสร้างสรรค์กลิ่นที่อยู่ในความทรงจำร่วมของทุกเพศมาสู่การเปิดตัวน้ำหอมใหม่ในปี 2019 พร้อมกับการเอา Harry Styles นักร้องหนุ่มหล่อชื่อดัง ที่เป็นตัวเปิดเทรนด์การแฟชั่นแบบ Genderless มาเป็น Brand Ambassador ของน้ำหอมกลิ่นนี้ด้วย ซึ่งนั่นก็คือ Mémoire d'une Odeur
ช่วงเปิด - ถึงกับยิ้มออกมาเลยแม้ว่ากลิ่นจะมีความเข้มหวานที่มีความอวลนวลกึ่งแป้งซ้อนอยู่ ทำให้รู้สึกแอบคมไปและมีความเอียนไปนิดนึงเพราะเรายังไม่คุ้นชินกับกลิ่นก็จริง แต่ช่วงเปิดมันคือกลิ่นดอกคาโมมายด์ที่ให้ความหวานหอมระเรื่ออารมณ์แบบสมุนไพรเขียวค่อนแห้งติดหวานที่มีความเข้มชัดเขียว แต่ก็มีความเป็นโทนออกทาง Earthy ที่ให้โทนกลิ่นแบบติดดินอารมณ์พื้นดินที่มีดอกคาโมมายด์เยอะๆ เนียนๆ แฝงอยู่ อันนี้แหละคือโทนบรรยากาศล่ะ ซึ่งถ้ามีแค่นี้จะทื่อและดูเหมือนตรงตัวไป แต่เพราะการเอากลิ่นโทนครีมมี่กึ่งแป้งของอัลมอนด์ที่มีความหวานนวลอวลอยู่มาเสริม แกมมีกลิ่นหวานนวลคล้ายมะลิมาสอดรับเข้าไปอีก เลยทำให้อารมณ์กลิ่นมีความเป็นมนุษย์เข้าไปอยู่ในบรรยากาศนั้นๆ ด้วยจากกลิ่นอวลแป้งหอมหรือครีมมี่อะไรก็ตามที่ออกมา ซึ่งเพราะความชัดเจนและอวลหวานกึ่งแป้งของกลิ่นในช่วงต้นอาจจะทำให้ยังนึกภาพอะไรไม่ออกว่าจะไปในทิศทางไหน แต่ช่วงถัดไปนี่แหละจะชัดเจนเลยล่ะ
ช่วงกลาง - เมื่อความหวานแกมอวลกึ่งแป้งหอมค่อยๆ ลดทอนลงมา และเนื้อกลิ่นเริ่มมีความนุ่มมากขึ้น อารมณ์กลิ่นจะเริ่มชัดเจนถึงความเป็นสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่มีมนุษย์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของกลิ่นชัดเจน เพราะเนื้อกลิ่นจะมีเลเยอร์ที่ดูค่อนข้างจะเรียบง่าย คือ สมุนไพร ดอกไม้ และกลิ่นแป้งกึ่งนวล Musk แต่มันให้อารมณ์เรียบง่ายที่รื่นรมย์ เพราะกลิ่นสมุนไพรที่มีคาโมมายด์เป็นตัวหลักจะเด่นชัดอยู่ แต่จะให้ความหวานที่ระเรื่อมากขึ้น สอดรับกับกลิ่นเขียวออกทางหญ้าแห้งหน่อยๆ ที่ให้ความเป็นแนวสนามหญ้าหรือทุ่งหญ้าอ่อนๆ เข้ามาร่วมด้วย ซ้อนกับกลิ่นมะลิที่เป็นตัวเชื่อมโทนชัดเจน เพราะมีความหวานนวลกำลังดีในการเป็นดอกไม้ และหวานแกมอวลข้นเข้าโทนครีมมี่กึ่งแป้งของอัลมอนด์ อารมณ์แป้งกลิ่นดอกไม้แนวยุค 70 ให้รู้สึกได้ และคุมองค์รวมของกลิ่นทั้งหมดด้วย Musk ที่ให้ความละมุนๆ ภาพเลยออกมาเลย เออ นี่แหละตรง Concept มันคือกลิ่นแนวความทรงจำ เวลาที่เราได้กลิ่นแป้งหอมดอกไม้แกมโลชั่นหรือน้ำมันทาผิวนุ่มๆ เคล้ากับกลิ่นบรรยากาศกลางแจ้งแบบเรื่อยๆ กำลังดี มีความหวานหอมละมุน ใช่เลย แม้เกิดไม่ทันยุค 70 แต่เคยได้กลิ่นสมัยเด็กๆ ถึงแป้งหอมดอกไม้หรูๆ สมัยก่อนมันได้อารมณ์แบบนี้จริงๆ
ช่วงท้าย - เนื้อกลิ่นจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากช่วงกลางมากนัก แต่จะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายคล้ายโทน Earthy กึ่งแร่ธาตุแนวหินกึ่งทรายเบาๆ เข้ามาแทรกซึมกลิ่นประปราย และมีกลิ่นโทนไม้หอมติดครีมมี่ของจันทน์หอมที่ให้ความนวลและสีออกทางโทนนวลสว่างอารมณ์สีโทนแสงแดด แถมมีลูกเอื้อนอบอุ่นกึ่งแป้งของวานิลลาเสริมอยู่ ซึ่งสอดรับกับกลิ่น Musky ที่เป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นและมีกลิ่นไม้โปร่งๆ อ่อนๆ เบาๆ ประปรายด้วย เลยได้ลูกผสมกลิ่นที่เป็น Woody Musky แฝงแร่ธาตุที่มีโทนคาโมมายด์และแป้งมะลิอ่อนๆ สร้างความหวานเบาๆ ที่ Aromatic รื่นรมย์นวลๆ ฉาบหน้าอย่างสมดุลย์ให้ความเป็นโทนละมุนกึ่งครีมมี่สว่างๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ แบบกึ่งมินิมัลที่เป็นกลิ่นเทรนด์ในยุคปัจจุบันที่เน้นเรียบง่ายแต่แฝงสไตล์ที่เป็นกิมมิคเก๋ๆ เนียนๆ แบบไม่จงใจ ถือว่าปิดท้ายในโทนร่วมสมัยและเรียบหรูแกมมีสไตล์รุ่มรวยที่ลงตัวเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนมาก แม้ช่วงเปิดเหมือนจะไปสายผู้หญิงหน่อย แต่ไม่นานพอเข้าช่วงกลางคือ Unisex เต็มตัวกันยาวๆ ไป เนื้อกลิ่นให้ความหอมนุ่มกรุ่นหวานที่ได้จากสมุนไพร จากดอกไม้ขาว แป้งนวล และจาก Musk ที่พอเหมาะกำลังดี เลยเข้าได้กับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ยกเว้นออกกำลังกาย ที่ถ้าจะใช้เพื่อการนี้ควรรอช่วงท้ายมากๆ ไปเลยจะดีที่สุด ส่วนที่เหลือจัดไป กลิ่นหอมนวลหวานโปร่งละมุนแกมเรียบหรูได้เลย ส่วนยามค่ำคืนอันนี้ใส่ทั่วๆ ไปหรือออกงานจะดีที่สุด เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ไปสายไอสะขยี้ยูให้แหลกคึในยามค่ำคืนหรือท่องราตรีเลย
ความทน - อยู่ที่ราว 6 - 8 ชม. เป็นพื้นฐาน อิงตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ที่ใช้ แต่ถ้ากลิ่นเข้าทางและเข้ากับผิวคนที่ใช้ ความทนถือว่ายืดออกไปถึง 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว แต่ยังไงพื้นฐานก็ถือว่าทนเข้าขั้นดีไม่น้อย
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ออกจะติดเอียนๆ ไปกันราว 5 - 10 นาที แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางราวๆ 1 - 2 ชม. ก็จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไปจนเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. ก็ Skin Scent แล้ว
สรุป - ต้องยอมรับเลยว่า เนื้อกลิ่นไม่ได้แฟชั่นจ๋านัก แค่ให้ความรู้สึกสอดรับกับเทรนด์ Genderless เสียมากกว่า แต่แกนหลักจริงๆ คือความทรงจำของกลิ่นที่มีความเป็นโทนร่วมสมัย โดยเอาความเป็นสาย Herbal แบบบรรยากาศปาร์ตี้กลางแจ้งชิลล์ๆ แนวผู้ดียุค 70 มาผนวกกับความเป็นกลิ่นอายกึ่งมินิมัลแกมกลิ่นโทนแร่ธาตุที่เป็นสไตล์ในปัจจุบันได้ดี ที่สำคัญนานๆ ทีจะได้กลิ่นน้ำหอมที่มีคาโมมายด์เด่นมากๆ แบบนี้ ซึ่งส่วนตัวพึงใจจริงๆ เพราะชอบกลิ่นนี้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับกันหน่อยว่า กลิ่นไม่ได้มาสายล้ำหรือว้าวนัก แต่มีดีในการเป็นหนึ่งในน้ำหอมสายความทรงจำหรือเข้าทาง Timeless ได้ไม่ยาก
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit -
https://www.gucci.com/us/en/pr/gifts/gifts-for-men/gucci-memoire-dune-odeur-100ml-eau-de-parfum-p-589186999990099
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น