Banana Republic - Dark Cherry & Amber
เมื่อแบรนด์ Designer แต่ละแบรนด์ต่างก็มีไลน์น้ำหอมสาย Exclusive กันให้เพียบ ต่างออกมาประชันกันอย่างสุดฤทธิ์ แน่นอนว่าถ้ามีแบรนด์ไหนที่นิ่งเงียบก็อาจจะแผ่วลงไปได้ เช่นนั้นแทบทุกแบรนด์ต่างก็เข็นเอาความ Exclusive ในการสร้าง Collection พิเศษออกมากันอย่างมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มาสาย Luxury ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายอย่าง Banana Republic ที่ก็มีกับเขาด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ Icon Collection
ใน Icon Collection ปัจจุบันนี้ มีน้ำหอมออกมาหลายตัวมากเลยทีเดียว และส่วนใหญ่เป็นการใช้ Concept เจาะจงชูโรง Note กลิ่นเด่นๆ ที่แบรนด์ตั้งใจสื่อสารและเป็นไปตาม Trend ในปัจจุบันที่สาย Exclusive มักทำเช่นนี้อยู่แล้ว เช่นนั้นการได้เข้ามาเจอกับไลน์นี้เป็นครั้งแรกเลยต้องหาตัวน่าสนใจมาลองกันซักหน่อย และก็ได้เจอกับขวดแดงอย่างรุ่น Dark Cherry & Amber ที่ดึงดูดอย่างน่าประหลาดเช่นนั้น จัดมาใช้จนตกผลึกแล้ว ก็เล่ากลิ่นต่อได้อย่างนี้เลยว่า
กลิ่นต้นกลิ่นมีอารมณ์กลิ่นเชอร์รี่ที่ออกทางติดหวานออกทางไซรัปแต่ไม่ได้หวานเชื่อมเกินไป ออกทางเชอร์รี่อวลเข้มเข้าทางสายดาร์กเชอร์รี่ตามชื่อรุ่นจะมาอย่างชัดเจนก่อนใครเพื่อนเลย ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะได้โทนติดเขียวนวลปร่าเจือพริกไทยเป็นลูกคู่รองพื้นให้อยู่ ซึ่งจะเป็นวูบแรกของการได้กลิ่น แต่วูบถัดมาอารมณ์กลิ่นหอมหวานออกทางช็อคโกแลตสอดไส้ครีมหรือ Praline ที่จะแทรกตัวมาไวมากพอสมควร เลยทำให้อารมณ์กลิ่นมันจะแบ่ง ออกเป็น 2 โทนที่จับต้องได้ทันที นั่นคือ ผลไม้ติดดาร์กและขนมอวลเย้า โดยมีพื้นกลิ่นเป็นโทนหวานลึกที่ไม่ได้หนักหน่วงมาก ที่สำคัญบางวูบในช่วงนี้มันจะมีโทนกลิ่นที่เร้าจมูกบางอย่างให้รู้สึกได้ถึงความคล้ายกับน้ำหอมรุ่นดังบางตัว ที่เรียกว่าเกิน 50% นั่นก็คือ MFK - Baccarat Rouge 540 แต่เหมือนแบบทั้งหมดไหม? ไม่ขนาดนั้น เพราะถ้าดมเผินๆ อันนี้จะรู้สึกว่าคล้าย แต่ถ้าลงรายละเอียดของกลิ่น ความหวานของกลิ่นนี้จะมาจาก Praline ที่มีความอวลสากหน่อยๆ และเชอร์รี่ที่ซ่อนเปรี้ยวได้ความเป็นสีแดงแบบที่ออกทาง Velvet เข้มแต่ไม่ข้น จะไม่ได้ลึกเท่าหญ้าฝรั่นและกลิ่นอายน้ำตาลไหม้สร้างอารมณ์สีแดงชาดแบบของ MFK อันนี้แหละต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะเริ่มมีเมื่อกลิ่นของ Praline จะเริ่มมาเทคโอเวอร์ความคล้ายรุ่นดังเริ่มจางไป ก็เข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่จะกลายเป็นกลิ่นชอคโกแลต Praline ที่ให้ความอวลกำลังดี มีความครีมมี่ติดครีมแบบสมดุลย์แบบครีมชอคโกแลตสอดไส้ที่ให้ความอวลหอมหวานนุ่มดาร์กน่าค้นหาที่รวมอารมณ์กลิ่นเข้ามาได้มีมิติในการรับรู้ตามแบบที่ควรจะเป็นของ Note ประเภทนี้ และมีโทนกลิ่นออกทาง Nutty ติดถั่วหน่อยๆ มาเสริมอีกด้วย เลยสร้างกลิ่นอายสายขนมค่อนข้างชัดอยู่พอสมควร แต่โทนกลิ่นไซรัปเชอร์รี่ติดดาร์กในช่วงต้นจะลดทอนลงมาเป็นกลิ่นอายสายดอกไม้เจือกลิ่นเชอร์รี่หวานใสๆ มากขึ้น ซึ่งนั่นก็คือกลิ่นดอกเชอร์รี่หรือซากุระ ที่จริงๆ มันไม่มีกลิ่น แต่ประยุกต์ให้กลิ่นออกทางหวานใสสดชื่นให้อารมณ์กลิ่นออกทางสีชมพู เข้ามาผสมผสาน ซึ่งแน่นอนยังมีลูกหวานลึกซ่อนเปรี้ยวปลายกลิ่นของดาร์กเชอร์รี่ที่ตามมาจากช่วงต้นจะยังมีอยู่เนียนๆ จนทำให้ได้อารมณ์เหมือน Praline สอดไส้ครีมชอคโกแลตเชอร์รี่อะไรประมาณนั้น ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อกลิ่นจะมีความอวลๆ ครีมมี่ และอบอุ่นให้จับต้องได้ด้วย ซึ่งช่วงนี้แหละกลิ่นอายเข้า Trendy มาก เพราะเป็นช่วงที่แสดงถึงกลิ่นอายแบบเย้ายวนปนเซ็กซี่ดึงดูดแบบอวลตามสไตล์น้ำหอมที่ต้องมีโทนแบบนี้ในการสร้างความโดดเด่นในช่วงปลายยุค 2020
ช่วงท้ายจะแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดมากขึ้นกับกลิ่นอายสายอบอุ่นที่จะกลายเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นมากขึ้น ซึ่งตรงกับชื่อรุ่นเลยนั่นก็คือ Amber แต่กลิ่น Amber จะเสมือนเป็นตัวคุมเกมเสียมากกว่า มาแนวล้อมกลิ่นให้เป็นโทนอบอุ่นติดวานิลลาเล็กๆ ไม้หอมหน่อยๆ ยางไม้เนียนๆ โดยจะมีลูกผสมอย่างโทนไม้หอมโปร่งๆ ปน Smoky อ่อนๆ มาตัดทอนให้กลิ่นไม่ได้ข้นและหนักเกินไป ซึ่งโทนเหล่านี้จะสอดรับพอดีกับกลิ่น Praline ครีมมี่ปนผลไม้เชอร์รี่ที่ตามมาจากช่วงกลางแบบที่เบาลงมาอีกสเต็ปและไม่อวลหนักเท่าช่วงกลางแล้ว กลิ่นเลยจะได้ความรุมๆ เรื่อยๆ กำลังดี มีความคลอผิว แต่ถ้าขยับเนื้อตัวหรือมีการชะล้างผิวด้วยน้ำแบบผ่านๆ จะมีกลิ่นหวานออกทางน้ำตาลกึ่งเชอร์รี่วูบขึ้นมา สร้างอารมณ์แบบคล้าย Baccarat Rouge 540 กลับมาอีกครั้งแบบเบาๆ ซึ่งเป็นอีกมิติกลิ่นที่สร้างเสน่ห์ได้ดีมากเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ - Unisex ที่มีความกลางๆ พอดีที่เข้าได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งกลิ่นจะมีความหวานเย้าและดึงดูด เลยเหมาะกับบางสถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป หรือจริงๆ จะใส่ทำงาน Office ก็ได้ เพราะเป็นโทนทันสมัยที่ชัดเจนมากเพราะของแบบนี้มันต้องมีแฝงกันบ้างจริงไหม แต่ยามทางการอาจจะต้องพิจารณากันนิดนึงเพราะกลิ่นมันมีลักษณะเจ้าเสน่ห์อาจจะไม่เสริมบุคลิกทางการเท่าไหร่ แต่ที่ให้ตัดออกไปได้เลยก็คือการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งเพราะกลิ่นมันอวลเดี๋ยวจะอึดอัดเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนอัดเสปรย์หน่อยบอกเลยว่าไปได้ดีและไปได้รอดไม่ยากเลย แต่ความปล่อยพลังอาจจะไม่ได้มากนัก เน้นคลุกวงในแทนแล้วกัน
ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กำลังดีกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนแรก แล้วจะลงมาปานกลางกันยาวๆ แบบรุมๆ รอบตัวใครมาใกล้ก็ได้กลิ่นแน่นอน ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 5 - 6 ชม. ก็จะค่อยๆ ผ่อนลงมาเรื่อยๆ เป็นติดผิว
สรุป - มันมีช่วงความคล้ายกับรุ่น Baccarat Rouge 540 อยู่ก็จริง แต่มันก็เป็นแบบผิวเผินที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียง แต่พอมาดมพิศไปมา มันมีลักษณะกลิ่นที่มีความเป็นเอกเทศของมันอยู่จากโทน Praline ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว เช่นนั้นง่ายๆ เลยกลิ่นนี้ถือเป็นกลิ่นที่มีความเจ้าเสน่ห์ในตัวเองแบบที่เอาข้อดีของรุ่นดังมาใส่ความมีเสน่ห์แบบอวลๆ ในลักษณะของโทนขนมที่มาสายเย้าอบอุ่นน่ากินแทน มันก็เป็นเช่นนี้แล
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit -
https://www.fragrancenet.com/fragrances/banana-republic/banana-republic-dark-cherry-and-amber/eau-de-parfum#341738
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น